อานิสงส์รักษาศีลจนตลอดชีวิต (อรหันต์ 5 ขวบ)
ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย ใครก็ตามที่มีความไม่ประมาทตระหนักแน่นอยู่ในใจ ความคิด คำพูด และการกระทำของผู้นั้นย่อมจะถูกต้องร่องรอยในธรรมของพระอริยเจ้าทั้งหลาย ความไม่ประมาทนี้ได้ชื่อว่า เป็นที่ประชุมรวมแห่งธรรมในพระพุทธศาสนา เหมือนรอยเท้าของสัตว์ทั้งหลายในพื้นชมพูทวีป ย่อมรวมลงในรอยเท้าช้างฉันใด ความไม่ประมาทก็เป็นที่รวมลงแห่งธรรมทั้งหลายฉันนั้น หากเรามีความไม่ประมาทฝังลึกอยู่ในใจแล้ว เราก็จะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า ชีวิตของเราก็จะสมบูรณ์บริบูรณ์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งความไม่ประมาทที่แท้จริงนั้น คือการมีสติอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตลอดเวลา ทำใจหยุดใจนิ่งอยู่กลางพระธรรมกายหรือกลางสภาวธรรมที่ได้เข้าถึง หากทำได้อย่างนี้ เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาทอย่างแท้จริง
* มีธรรมภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน ปัญจสมาทานิยเถราปทาน ความว่า
“เรารักษาศีลห้าแล้ว ย่อมได้เหตุ ๓ ประการ คือ เราเป็นผู้ที่มีอายุยืนนาน ๑ มีโภคสมบัติมาก ๑ มีปัญญาคมกล้า ๑ เบญจศีลอันเราผู้เป็นคนรับจ้าง มีความเพียรประพฤติแล้ว เราพ้นจากเครื่องผูกทั้งปวงได้ในวันนี้ ด้วยศีลนั้น เรารักษาศีลห้าแล้ว ไม่รู้จักทุคติเลย ตลอดกัปอันนับประมาณมิได้ นี้เป็นผลแห่งการรักษาศีลนั้น”
อานิสงส์แห่งการรักษาศีลนั้นมีมากมายมหาศาล มีภาษิตกล่าวไว้ว่า ศีลเป็นเบื้องต้น เป็นที่ตั้ง และเป็นบ่อเกิดแห่งคุณความดีทั้งหลาย และเป็นประธานแห่งธรรมทั้งปวง บุคคลใดรักษาศีลได้สะอาดหมดจดบริสุทธิ์บริบูรณ์แล้ว จะเป็นทางมาแห่งมหาสมบัติทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระ ดังนั้นผู้มีศีลบริสุทธิ์จะดึงดูดมหาสมบัติใหญ่ทั้งหลายให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่ยากเย็น ชีวิตก็จะประสบแต่สิ่งที่ดีงาม เจริญรุ่งเรืองตลอดเส้นทางที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อสั่งสมบารมี
เหมือนเรื่องราวของนักสร้างบารมีท่านหนึ่ง ที่ไม่ยอมแพ้กับโชคชะตาชีวิต ท่านได้ขวนขวายสร้างความดีด้วยการตั้งใจรักษาศีล เพราะไม่มีทรัพย์ที่จะทำทาน จนกระทั่งคว้าชัยชนะได้ในวันสุดท้ายของชีวิต ในสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ในยุคนั้นเป็นยุคที่โลกสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม ทุกวันจะมีนักสร้างบารมีเดินทางไปฟังธรรมที่พระวิหาร และได้พากันสร้างบุญเป็นหมู่เป็นคณะ ต่างคนต่างขวนขวายเอาบุญกับพระศาสดาอย่างเต็มที่ โดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น
ในยุคนั้น มีชายยากจนคนหนึ่ง มีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้น หาเช้ากินคํ่า ต้องทำงานด้วยการรับจ้างเลี้ยงชีวิต แต่แม้จะเป็นคนที่ยากจนเข็ญใจ หัวใจท่านก็ไม่เคยขัดสนในเรื่องของศรัทธา ท่านพยายามหาโอกาสที่จะสร้างบุญอยู่เสมอ แม้อาหารที่ได้จากการรับจ้างจะมีปริมาณเพียงน้อย ท่านก็พยายามเจียดอาหารที่ไม่ประณีตนั้นให้ทานตามวาระโอกาสต่างๆ เสมอ วันหนึ่งท่านคิดว่า “เราใช้ชีวิตทำงานรับจ้างไปวันๆ ทรัพย์จะทำทานก็ไม่มี มีแต่อาหารที่ไม่ประณีตเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เราสร้างบุญเพียงเท่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่สมควรเลย เราควรจะหาวิธีสร้างบุญอื่นเพิ่มเติมให้มากกว่านี้”
เนื่องจากท่านเป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เมื่อคิดได้อย่างนี้ท่านจึงเข้าไปหาพระอัครสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าพระนิสภะเถรเจ้า ใจจริงของท่านนั้นอยากจะบวช แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีภาระครอบครัว จึงตั้งใจสมาทานศีล ๕ กับพระเถระ จากนั้นพระเถระก็ได้ให้โอวาทกับท่านว่า “การรักษาศีลมีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ไพศาล สามารถปิดประตูอบายภูมิ เปิดประตูสวรรค์และนิพพานได้ ขอให้ท่านตั้งใจรักษาศีลให้ดี อย่าให้ขาด อย่าให้ด่างพร้อย จะได้เป็นบุญใหญ่ติดตัวไปทุกภพทุกชาติ”
ตั้งแต่นั้นมา แม้ว่าจะต้องทำงานรับจ้างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเพียงใดก็ตาม ท่านจะนึกถึงศีลตนที่ได้ประคองรักษาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง จนเวลาล่วงมาถึงหนึ่งแสนปี เมื่อวาระสุดท้ายแห่งชีวิตมาถึง ท่านก็ได้ระลึกถึงศีลของตนเอง ทำให้เกิดมหาปีติว่า “ศีลที่เราสมาทาน และได้รักษาอย่างบริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้นอนอยู่บนเตียงคนป่วย เราก็มีใจชื่นบาน ไม่หวั่นไหวต่อมรณภัยเลย”
เทวดาที่อยู่บนสวรรค์ทั้งหกชั้นต่างมาอัญเชิญท่านให้ไปบังเกิดในชั้นของตน แต่ท่านยังมีความผูกพันกับครอบครัว จึงเลือกที่จะไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่เกิดขึ้นจากการรักษาศีล ๕ อย่างดีแล้วนั้น ส่งผลให้ท่านมีความสุขอยู่ในสุคติโลกสวรรค์ยาวนานมาก ได้เข้าถึงความเป็นท้าวสักกะ ๓๐ ครั้ง ได้บังเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้สมบูรณ์ด้วยมหาสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องถึง ๗๕ ครั้ง และได้เป็นพระราชาประเทศราชเป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีอีกนับชาติไม่ถ้วน
หลังจากที่เสวยสุขในสองภพภูมิมายาวนานแล้ว ด้วยอานุภาพบุญที่หนุนนำ ทำให้ท่านมาบังเกิดในสมัยของพระพุทธเจ้าของเรา ในตระกูลพราหมณ์ที่มั่งคั่ง รํ่ารวย สมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองเวสาลี ท่านเป็นที่รักของมารดาบิดาและหมู่ญาติทั้งหลาย เป็นเหมือนดวงใจในครอบครัวทีเดียว จนกระทั่งอายุได้ ๕ ขวบบุญในตัวก็ตักเตือนท่านให้แสวงหาสรณะในชีวิต
วันหนึ่ง เป็นช่วงเข้าพรรษา แม้มารดาบิดาเป็นผู้ที่มีวรรณะพราหมณ์ แต่ก็มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้พาลูกน้อยสุดที่รักไปที่พระวิหาร ด้วยความคิดว่า จะปลูกฝังคุณธรรมในพระพุทธศาสนาให้กับลูกน้อยตั้งแต่ยังเยาว์วัย ในขณะที่มารดาบิดานั่งรับศีลจากพระเถระรูปหนึ่งนั้น หนูน้อยก็ได้สมาทานศีลนั้นด้วย ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ท่านได้รักษาศีลมาอย่างดีตลอดแสนปีในอดีตชาติ ทำให้ท่านสามารถระลึกถึงศีลอันบริสุทธิ์ของตนเองได้ แล้วยังสามารถทำความบริสุทธิ์เข้าสู่ภายในไปตามลำดับ จนกระทั่งบรรลุอรหัตผล ณ ที่ตรงนั้นเอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเรื่องราวของอรหันต์ห้าขวบด้วยพุทธานุภาพ ได้ตรัสเรียกหนูน้อยให้เข้ามาหา ทรงประกาศคุณของพระอรหันต์วัย ๕ ขวบท่ามกลางพระอริยสาวกและพุทธบริษัททั้งหลาย แล้วพระองค์ก็ประทานอุปสมบทให้เป็นกรณีพิเศษ คุณของพระเถระน้อยผู้บรรลุพระอรหันต์ตั้งแต่เยาว์วัยนี้ ได้แพร่ขยายขจรขจายไปทั่ว ทำให้สาธุชนทั้งหลายต่างปลื้มปีติและเชื่อมั่นในผลแห่งบุญมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดกระแสแห่งการทำความดี ต่างพากันตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ และก่อให้เกิดกำลังใจในการสร้างบารมียิ่งๆ ขึ้นไป
พระเถระผู้ทรงคุณวิเศษได้ย้อนระลึกดูบุพกรรมของตนเอง ก็ปลื้มอกปลื้มใจ ถึงกับประกาศอานิสงส์แห่งการรักษาศีลของท่านให้ทุกคนมั่นใจว่า “ด้วยอานุภาพแห่งศีลที่รักษาอย่างดีแล้ว ทำให้ไม่เคยไปสู่ทุคติเลย มีแต่ท่องเที่ยวอยู่ในสองภูมิคือมนุษย์และเทวโลกเท่านั้น และมหาสมบัติทั้งหลายที่เป็นโลกียะและอริยะได้บังเกิดขึ้นกับเราแล้ว”
เราจะเห็นว่า ศีลที่รักษาอย่างดีแล้วเป็นทางมาแห่งมหาสมบัติทั้งทางโลกและทางธรรม ทางโลกก็จะได้โลกียทรัพย์ ทางธรรมจะได้อริยทรัพย์คือเข้าถึงพระธรรมกาย ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ศีลที่เราสมาทานจะเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ นำความสุขที่เป็นบรมสุขให้บังเกิดขึ้น ดังตัวอย่างที่น่าอนุโมทนาที่ได้เล่าในตอนต้น ฉะนั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจมั่นว่า เราจะต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดชีวิต ชีวิตเราจะได้มีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองตลอดไปทุกภพทุกชาติตราบกระทั่งเข้าสู่นิพพาน
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๙๗
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://buddha.dmc.tv/dhamma/12082
ต้นฉบับ หนังสือ ธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับอานิสงส์แห่งบุญ ๑
กลับสู่
สารบัญธรรมะเพื่อประชาชน สำหรับไฟล์เสียง, วีดีโอ และ Article