วิธีนั่งสมาธิ ง่ายแต่ลึก รสแห่งธรรมเลิศกว่ารสทั้งปวง

เมื่อใดที่ลูกลิ้ม รสธรรม
ลูกจักต้องจดจำ กว่าม้วย
อร่อยรสทุกคำ ล้ำเลิศ
ลูกจักลิ้มได้ด้วย หยุดไว้กลางกาย
ตะวันธรรม

(เมื่อเราได้สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากนี้ไปตั้งใจเจริญสมาธิภาวนากันนะ…………)
หยุดเป็นตัวสำเร็จ หยุดอย่างเดียว ให้มีสติ สบาย สม่ำเสมออยู่ภายในนะ เดี๋ยวมันก็จะถูกส่วนไปเอง
นั่งให้นิ่งๆ นุ่มๆ ละมุนละไม เดี๋ยวก็ทำได้กันทุกคน

มันยากแต่ไม่มาก ยากพอสู้ด้วยความเพียรอย่างถูกหลักวิชชา ด้วยฉันทะคือรักที่จะทำ เพราะเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่า
ทำแล้วมีความสุข มีปีติ ความเพียร ก็จะเกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
ความเพียรจะเกิดขึ้นมา ใจจะจดจ่อทั้งวันทั้งคืนในทุกกิจกรรม มันอยากจะทำให้ได้ อยากจะเข้าถึง อยากให้ดีกว่านี้
แล้วก็จะค่อยๆ สังเกตไปเรื่อยๆ ว่า ทำอย่างไรถึงจะหยุดนิ่งได้สมบูรณ์ จะเห็นได้ชัดใสสว่าง เข้ากลางคล่อง นี่อิทธิบาท ๔ ก็จะมาตอนนี้ละ

สิ่งนี้มีความสำคัญกับชีวิตเรามากๆ ถ้าทำได้ทำเป็นจะเห็นภาพภายใน
เราจะอัศจรรย์ใจในธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า คำแนะนำสั่งสอนของท่านช่างดีเลิศประเสริฐจริงๆ ที่ทำให้เราไปรู้ไปเห็นสิ่งที่มีอยู่ในตัว
ซึ่งเป็นแผนผังในชีวิตติดกันมาตั้งแต่ปฐมชาติที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์

เราจะยิ่งอัศจรรย์ใจว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปรู้ไปเห็นมาได้อย่างไร ท่านรู้เห็นแล้วทำไมท่านไม่หวงนะ กลับให้คำแนะนำที่ดีๆ ให้เราได้เข้าถึงอย่างท่าน ดีอย่างท่าน เก่งอย่างท่าน
ปกติคนเราจะหวงความรู้ที่จะให้คนอื่นเก่งเท่ากับตัวหรือเหมือนตัว
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เป็นอย่างนั้น ไม่หวง แล้วยังสอนให้เห็นตามท่านอีกด้วย

และจะอัศจรรย์ใจอีก เพราะเข้าถึงแล้วรู้รสชาติของการเข้าถึงว่ารสแห่งธรรมชนะเลิศกว่ารสทั้งปวง
รสเปรี้ยวหวานมันเค็ม ที่ลิ้นกระทบรสอาหารเครื่องดื่ม สู้รสแห่งธรรมไม่ได้
หรือรสชาติของการได้เห็นของสวยๆ งามๆ ทำให้ใจปลื้มก็ยังสู้รสที่เห็นธรรมภายในไม่ได้เลย

หรือรสชาติที่ได้ยินเสียงเพราะๆ ชวนให้สนุกสนานเบิกบานยังสู้รสของการเข้าถึงตรงนี้ไม่ได้เลย
หรือรสชาติของกลิ่นหอมๆที่ทำให้เกิดความพึงพอใจยังไม่สู้การเข้าถึงธรรมตรงนี้
ซึ่งมีรสชาติในการให้ความพึงพอใจมากกว่านั้น
หรือรสชาติแห่งการสัมผัสสิ่งที่นุ่มนวล เสื้อผ้า หรือกามกิเลสเพศสัมพันธ์ หรืออะไรต่างๆเหล่านั้น มันสู้รสชาติในการเข้าถึงธรรมตรงนี้ไม่ได้เลย
มันเบิกบานกว้างขวางกว่ากันเยอะ

รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ซึ่งมีรสมีชาติทำให้มนุษย์ตรึงติดเอาไว้
เมื่อมาเทียบกับรสชาติในการเข้าถึงธรรม แค่ธรรมเบื้องต้นธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานก็เลิศประเสริฐกว่าแล้ว
ยิ่งเข้าถึงดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ก็ยิ่งเพิ่มพูนทับทวีขึ้นไป

ยิ่งเข้าถึงกายมนุษย์ละเอียดยิ่งมีรสมีชาติหนักเข้าไปอีก
เข้าถึงกายทิพย์ พรหม อรูปพรหม กระทั่งถึงกายธรรม มีรสมีชาติ เลิศขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนเถาปิ่นโตหลายๆ ชั้น
เปิดชั้นแรกมีอาหารว่าอร่อยแล้ว ยกชั้นแรกออกไป ชิมชั้นที่สองอร่อยเพิ่มขึ้น ยกชั้นที่สองออกไปชิมชั้นที่สามอร่อยหนักเข้าไปอีก นี่ตั้ง ๑๘ ชั้น รสชาติก็จะยิ่งอร่อยขนาดไหน

ยิ่งเข้าถึงกายธรรมอรหัตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรม
ก็จะอุทานเหมือนพระมหากัปปินะ โอ สุขจังเลย คือพึงพอใจจังเลย ชอบจังเลย
นี่คือสิ่งที่ลูกทุกคนจะต้องทำให้ได้ในชีวิตนี้ ไม่ได้ก็ยอมตายล่ะ
สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย ก็มันต้องตายกันอยู่แล้ว ก็ต้องทำกันไป
ก่อนที่เราจะตายต้องให้ไปชิมรสชาติของธรรมกายซะก่อนว่า มีรสมีชาติเป็นอย่างไร

ถ้ารู้รสชาติการเข้าถึงธรรมกายใจจะผ่องใส ไม่เศร้าหมอง มีสุขตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
ตายแล้วยิ่งสุขยาวนานกว่าในสุคติโลกสวรรค์

นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องฝึกกันให้ได้ อย่าไปให้ความสำคัญกับกิจอื่นมากเกินไป
บริหารเวลาให้เป็น เวลาจะดูหนังดูละคร จะเที่ยวเตร่สนุกสนาน เอามาทำตรงนี้ ทำเป็นแล้วจะสนุกกว่าดูหนังดูละครเสียอีก
ส่วนข่าวคราวเราก็ติดตามได้ เลือกสรรเฉพาะที่จำเป็นต้องรู้หรือควรรู้ ข่าวอะไรไม่ควรรู้ ไม่ต้องรู้ เราก็ผ่านไป
นี่บริหารเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ให้เป็น

ถ้าเข้าถึงธรรมกายแล้วเราจะมีชีวิตอยู่อย่างผาสุก สุขทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละ สุขอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูกทีเดียว
ให้ชีวิตนี้ได้มีโอกาสเปล่งคำว่า สุขจังเลย ชอบจังเลย พึงพอใจจังเลย ให้ได้รู้รสรู้ชาติกัน

อย่าไปท้อถอยในยามที่เรายังทำไม่ได้ ขอให้ได้ทำเถอะ เดี๋ยวเราก็จะทำได้
มันก็ค่อยๆ เป็นไปเรื่อยๆ ละเอียดไปเรื่อยๆ ได้เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ได้สัมผัสที่ละเอียดกับสภาวธรรมที่เข้าถึงไปเรื่อยๆ ฝึกไปทำไป

หมั่นสังเกต
แล้วก็หมั่นสังเกต อย่านั่งโดยไม่สังเกต สังเกต หมายถึง เออ วันนี้นั่งแล้วรู้สึกดีจังเลย สบายจังเลย เราทำอย่างไร ให้จำวิธีการเอาไว้

ทำอย่างนี้แล้วไม่ฟุ้ง ไม่ง่วง ทำอย่างนี้แล้วมันไม่แคบ ไม่อึดอัด ไม่มึน ไม่ซึม ไม่ตึง
ทำอย่างนี้แล้วสบาย ทำอย่างนี้แล้วเบิกบาน ทำอย่างนี้นั่งแล้วรู้สึกว่า เวลาหมดไปเร็วเหลือเกิน อยากนั่งอยู่นานๆ
ก็สังเกตเอาไว้เราทำอย่างไรจึงได้อย่างนี้ แล้วก็ทำอย่างนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า ภาวิตา พหุลีกตา ทำบ่อยๆทำเนืองๆ ทำซ้ำๆ ณ จุดที่ทำ ต้องสังเกตนะลูกนะ

สังเกตอย่างนี้ดี อย่าไปสังเกตจ้องจับผิดใคร อย่างนั้นไม่ดี ไม่เกิดประโยชน์อะไร หมดเวลาแล้ว
มาสังเกตตรงนี้ดีกว่า ว่าเราทำถูกไหมหรือยังไม่ถูก หรือถูกแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์ หรืออย่างนี้สมบูรณ์
พอสังเกตอย่างนี้เดี๋ยวเราก็จะนั่งดี จะปลื้มอกปลื้มใจ จะมีปีติมีความภาคภูมิใจว่า คนทะเล่อทะล่าอย่างเราก็ทำเป็นกับเขาเหมือนกันนะ
เลยเผลอไป ไม่ทำ เว้นไป ๒ วัน ๓ วัน ไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่น พอมีอารมณ์ก็กลับมาทำใหม่ อ้าว ไม่ได้อย่างเดิมซะแล้ว
นี่อย่าชะล่าใจนะลูกนะ เรายังฝึกใหม่อยู่ แม้จะฝึกมานานแค่ไหน เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายๆ ปี แล้วก็ตาม ก็ยังได้ชื่อว่า เป็นผู้ฝึกใหม่อยู่ ยังไม่ชำนาญ
แม้คนที่ทำชำนาญแล้วเขายังทำซ้ำๆ กันไปเรื่อยๆ อย่างนั้นแหละ นี่ต้องอย่างนี้ แล้วจะทำเป็น ทำเป็นแล้วจะมีความสุข สุขมากๆ
ชีวิตเกิดมาในชาตินี้ก็สมหวัง จะทำบุญ ทำทาน รักษาศีล จะมีอานิสงส์มากยิ่งกว่าธรรมดา ทำน้อยได้มาก ทำมากก็ยิ่งทับทวี
เพราะว่าเราทำด้วยใจที่ละเอียด ที่บริสุทธิ์ ที่หยุดนิ่ง นี่หลักวิชชาสำคัญนะลูกนะ
ต้องจำให้ดีทีเดียว หมั่นสังเกตให้ดีนะ ให้ลูกทุกคน
สมหวังดังใจในการเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันทุกๆ คน
ต่างคนต่างนั่งกันไปเงียบๆ นะ
อาทิตย์ที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา หนังสือง่ายแต่ลึก 1 บทที่ 14 www.dhamma01.com

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *