วิชชาที่มีชีวิตเป็นอมตะ ยิ่งแก่ ยิ่งใส 5/2/57

ท่านเป็นหลักเป็นประธานกันตั้งแต่บ้านหลังเล็ก ที่ครูไม่ใหญ่ไปเจอท่าน อย่างที่เคยเล่าให้ฟัง
เพราะไปเจอท่านนี่แหละ แล้วท่านก็บอกว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำใช้ให้ยายตามคุณลงมาเกิด
แต่กว่าจะตามหาท่านเจอได้ก็ต้องอายุ 19
เจอก็ดีใจ ดีใจจังเลย
หลังจากนั้นมาคุณยายท่านลำบากมากเลย เพราะเจอครูไม่ใหญ่
ท่านก็ต้องอบรมพร่ำสอนสั่งสอนอะไรทุกอย่าง
เวลาครูไม่ใหญ่เจอท่านนี่มันไม่อยากจะเอาอะไรอีกเลย
เรียนวิชาทางโลกมันไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์หรือปิดอบายไปสวรรค์ ดับทุกข์ได้ ไปนิพพานหรือไปอะไรที่เลยๆกว่านั้น
อยากจะบวชอย่างเดียว
ยิ่งพอมาสร้างบ้านธรรมประสิทธิ์ ยิ่งเห็นความสำคัญของสิ่งที่ท่านได้ศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิตของท่านที่ผ่านมากับพระเดชพระคุณหลวงปู่ของเรา พระผู้ปราบมาร
ที่เคยยกตัวอย่างให้ฟังว่า..
มีอยู่วันหนึ่งท่านไปยืนอยู่หน้าบ้านธรรมะประสิทธิ์ ตรงระเบียง
แล้วท่านก็ชี้ไปที่โรงเรียนปริยัติธรรม ตึก 3 ชั้น
แล้วก็บอกว่า สิ่งที่ยายเรียนรู้หรือวิชาที่ยายเรียนมาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ถ้าเอามาจดเป็นสมุดเป็นเล่มๆไม่ซ้ำกัน
ตึก 3 ชั้นยังไม่พอใส่

ถ้าภาคโปรดนี่เราก็คงได้ยินว่า วิชาที่จะเรียนที่ภาคโปรดมีแค่ 3 วิชชา กับวิชชา 8 ประการ
วิชชา 3 มีอะไรบ้าง
1. บุพเพนิวาสานุสติญาณ ไม่มีที่ไหนสอนให้ระลึกชาติได้ ก่อนมาเกิดมาจากไหน มาอย่างไร จากที่ไหน อะไรอย่างไง
2. จุตูปปาตญาณ เห็นการเกิดขึ้นดับไปของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ของการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ภพภูมิต่างๆ
3. อาสวักขยญาณ เรียนวิชชาที่ทำให้หมดกิเลส ดับขันธ์ 5 ที่จะก่อเกิดเป็นกายในภพต่อๆไป วึ๊ด! ดับไปเลย หลุดออกจากภพทั้ง 3
ส่วนวิชา 8 เอาไว้พรุ่งนี้

ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนก็มีอยู่วิชาประมาณนี้ วิชชา 3 วิชชา 8 ประการ
แล้วท่านก็อุปมาให้ฟังว่า สิ่งที่เราสอนพวกเธอ ชี้ให้ดูป่าประดู่ลาย แล้วก็เอาใบไม้มากำมือหนึ่ง
เราสอนเธอเพียงแค่นี้ วิชชา 3 วิชชา 8 ที่ประดุจใบไม้ในกำมือ แต่อีกเยอะแยะเหมือนใบไม้ในป่าไม่ได้มาสอน
เพราะแค่ใบไม้ในกำมือ เธอก็ดับทุกข์ได้ ดับกิเลสอาสวะได้ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้
เราสอนเธอประดุจใบไม้ในกำมือ วิชชาแค่ 3 กับ 8 ประการ
ที่ไม่ได้สอนอีกเยอะแยะเพราะว่าไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องดับทุกข์

เมื่อกี้เราคงได้ยินที่คุณยายท่านไปยืนอยู่หน้าบ้านธรรมะประสิทธิ์ แล้วก็ชี้
วิชชาที่ยายเรียนจากพระผู้ปราบมาร ไม่ซ้ำวิชชา ถ้าเอามาจดเป็นตำรารวมกันแล้ว ตึก 3 ชั้นใส่ไม่พอ
เราพอจะนึกออกไหมจ๊ะ ที่ว่าประดุจความรู้ที่อยู่ในป่าประดู่ลาย ใบไม้ทั้งป่านั้นที่ท่านไม่ได้เอามาถือในกำมือ
นักเรียนพอนึกออกไม๊
เราเห็นหรือยังว่าคุณยายนี่…..นี่จ้า เราจะมาหล่อกันไม๊ (หล่อทองรูปเหมือนคุณยาย)

นั่นแค่ 3 กับ 8 ก็ดับทุกข์ได้ เป็นพระอรหันต์ได้ ทั้งอภิญญาได้ ทั้งปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิโมกข์ 8 อะไรต่างๆเหล่านั้น
แต่วิชชา 3 กับ 8 แค่นั้น ไปสู้รบปรบมือกับพญามารเขาไม่ได้
เพราะพญามารผลิตวิชามาไม่ซ้ำวิชา ทุกอนุวินาที
เพราะฉะนั้นพระเดชพระคุณหลวงปู่เราจึงต้องตั้งโรงงานทำวิชชาหรือค้นวิชชา เอามาทำงาน สู้รบปรบมือกับพญามาร
ค้นกันทั้งวันทั้งคืน แบ่งเป็น 2 กะ กลางวัน 6 ชั่วโมง กลางคืน 6 ชั่วโมง แล้วก็หมุนเวียนไม่ขาดตอนเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ถ้ากะ 1 จะออก กะที่ 2 ต้องไปก่อน
พอเชื่อมวิชชาต่อกันได้ ถ่ายทอดวิชชากันแล้ว กะ 1 ก็ออกมาทำภาระกิจส่วนตัว กะ 2 ก็ไปศึกษากันต่อ
เขาเรียนกันอย่างนี้นะ เรียนด้วยการทำเฉยๆ ทิ้งทุกอย่างวางทุกสิ่งแล้วก็นิ่งอย่างเดียว ให้ใจอยู่กับกาย จนกระทั่งไปถึงผู้รู้ภายใน คือพระธรรมกาย ซึ่งเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว
แล้วก็พระธรรมกายนี่แหละ จึงจะไปศึกษาวิชชาธรรมกายได้ อีกเยอะแยะๆๆมากมายก่ายกอง
เรียนมาจนกระทั่ง ตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้ว ยังไปเรียนต่อ ตอนนี้ท่านยังไปเรียนของท่านต่อ
แต่ว่ามันไม่แรงเหมือนเรียนที่มีกายมนุษย์หยาบ ตอนนี้เรียนด้วยกายละเอียด แล้วก็เป็นสมณเทวบุตร เป็นพระคุณเจ้าไปแล้ว

เวลาเขาถ่ายทอดวิชชากันเนี่ย มันน่าตื่นเต้น น่าปลื้มทีเดียว แต่ท่านก็เป็นปกติของท่าน
ท่านก็เล่าให้ฟัง ในการถ่ายทอดวิชชาต่างๆคือต้องไปเชื่อมภายในกันให้ได้ แล้วก็จะเห็นซึ่งกันและกัน
ชุดแรกเขาไปถึงตรงไหน ชุดเชื่อมก็ต้องไปเชื่อมตรงนั้น
คล้ายๆหลับตาหารือ แต่นี่หลับตาเชื่อมวิชชา
ของเราต้องคุยกันอย่างนั้นอย่างนี้ แต่นั่นนั่งหลับตาหารือ หลับตาเชื่อมวิชชา อย่างนั้นเงียบ
แต่ว่าถ้าจะถ่ายทอดสำหรับผู้มาใหม่ก็จะพูดด้วยเสียง

ซึ่งก็มีอยู่วันหนึ่ง ครูไม่ใหญ่เข้าวัดใหม่ๆ อยู่ในกุฏิของเจ้าคุณรูปหนึ่ง
นั่งกำลังเพลินๆ สัมมาอะระหัง พอดีไปนั่งอยู่หน้าไมค์เล็กๆ เป็นล็อกบุญเราไปนั่งตรงนั้น
แต่เอ๊ะเขาพูดอะไรกัน เสียงมันออกมาจากลำโพง เขาพูดคุยกันถึงขนาดนั้นเชียวหรอเนี่ย
เขาพูดอะไรกันก็ไม่ทราบนะ แต่ชวนติดตาม
มันทำให้เกิดความรู้สึกว่า..ความรู้ทางโลกที่เขาเรียนมันเป็นแค่อวิชา คือ มันยังไม่ใช่วิชชาที่แท้จริง ยังมีอยู่
เรียนจบมาแล้วก็ลุยกันสะบั้นหั่นแหลกเลย
วิชาทางโลกดูสิ แข่งขันกันอะไรต่างๆสารพัด เขาเรียนอวิชากันนะ
ชาวโลกเขาก็ไม่รู้กันว่ากำลังเรียนอวิชากัน
แต่นี่วิชานั้นมันตรงกันข้ามเลย ยิ่งเรียนยิ่งสว่าง ยิ่งเรียนยิ่งมีความสุข ยิ่งเรียนยิ่งแจ่มแจ้งทีเดียว ยิ่งเรียนยิ่งบริสุทธิ์ยิ่งสูงส่ง
อวิชายิ่งเรียนยิ่งหมักหมม หมกเม็ดบ้าง หมักหมมบ้าง มันตรงกันข้ามกันไปหมดเลย

เพราะฉะนั้นคุณยายท่านมีบารมีมากทีเดียวนะจ๊ะ ที่ท่านได้มาถึงตรงนั้นแล้วก็สืบทอดมาถึงตรงนี้ แล้วเรากำลังเรียนเพื่อไปเชื่อมตรงนั้น

เหลืออย่างเดียวเท่านั้นเอง อีกวิชชาถ้าเรียนได้ วิชชาที่มีชีวิตเป็นอมตะ
ถ้าเรียนวิชชานี้ได้แล้วเอามา 2 in 1 เหมือนแม่น้ำสองสายไหลมารวมกันอะไรมันจะเกิดขึ้น
นักเรียนว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น?
สมมุติเราได้อีกวิชชาหนึ่งนะ วิชชาที่ยิ่งวันเวลาผ่านไป ยิ่งแก่ยิ่งใส ยิ่งสุข ยิ่งใส ยิ่งสว่าง เหมือนพระธรรมกาย
ไม่ใช่ยิ่งแก่ยิ่งเหี่ยว
ยิ่งสุขยิ่งใส แล้วก็อัตตาหิ อัตตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง ไม่ต้องฉัน ไม่ต้องนอน ไม่ต้องยืน ไม่ต้องเดิน
แต่อยากจะเดินก็เดินได้ แต่ว่าจะเดินไปทำไมในเมื่อแว๊บได้ อภิญญานั้นบังเกิดขึ้น แล้วไม่ต้องฉัน ช่วยตัวเองได้ แค่นั่งเฉยๆ ให้กายอยู่กับภายในอย่างนิ่งแน่นไปเรื่อยๆ
ถ้าได้วิชชาของท่านผู้ขึ้นมาจากทะเลเนี่ยนะ อะไรมันจะเกิดขึ้น
มีการเชื่อมน้ำสองสาย ภาคโปรดภาคปราบมารวมกัน อะไรมันจะเกิดขึ้น นักเรียนลองนึกเอาแล้วกัน
นั่นเป็นสิ่งที่น่าศึกษาน่าเรียนรู้ทีเดียว ลองมาเรียนวิชชากันเถอะ อวิชาเราก็ผ่านกันมาแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่ต้องมาเรียนวิชชากัน วิชชาหยุดนิ่งอยู่ภายใน

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *