16. ต้องไปพร้อมกัน
ปริยัตินี้เป็นทางผ่าน เป็นแบบแผน หรือเป็นแผนผังให้เราได้ศึกษาว่า ในภาคทฤษฎีนั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่จะก้าวไปสู่การปฏิบัติ แล้วเราจะได้นำมาเทียบเคียงกันว่า สิ่งที่เราปฏิบัติแล้วได้รู้ได้เห็นนั้น ถูกต้องตามทฤษฎีไหม ถ้าถูกต้องเหตุกับผลตรงกัน การปฏิบัติของเราก็ใช้ได้ เพราะฉะนั้น ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จะต้องไปพร้อมๆ กัน จะแยกอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ จะรักปริยัติแต่เว้นการปฏิบัติก็ไม่ได้ จะรักการปฏิบัติแล้วทิ้งปริยัติก็ไม่ได้ หลวงพ่อจึงมักจะย้ำบ่อยๆ ว่า หลวงพ่ออยากให้ลูกทุกองค์เป็น นักบวช ๓ ป. คือสมบูรณ์พร้อม ทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เพื่อตัวของเราเองจะได้เข้าถึงที่พึ่งภายใน แล้วหลังจากนั้นจะได้เป็นที่พึ่งของผู้อื่นด้วย
ยังมีชาวโลกอีกมากมาย ที่ไม่เคยรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่มีอยู่ภายในตัวเลย เขาไม่เคยเฉลียวใจด้วยซ้ำไปว่าในตัวของเขานั้นมีธรรมกายอยู่ เพราะไม่ได้เฉลียวใจอย่างนี้ชีวิตจึงมีแต่ความทุกข์ทรมาน ได้แต่ดำเนินชีวิตไปเรื่อยเปื่อยไม่มีเป้าหมาย เมื่อตายแล้วก็มักจะตกไปสู่อบาย ผู้ที่ไปสู่สุคตินั้นมีน้อยมาก เปรียบเหมือนเขาโค ส่วนผู้ที่ไปตกนรกนั้นมีเป็นจำนวนมากเหมือนคนโค เขารอเราอยู่นะจ๊ะ ดังนั้น จึงเป็นภาระหน้าที่ของเรา เมื่อเรารู้แล้ว เห็นแล้ว เราจะได้เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่ชาวโลก มีความรู้อะไรในตัวเราก็แบ่งปันเป็นธรรมทานแก่เขา เขาจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง คำว่า เทศนา จึงตามมา
ถ้าเขาเป็นคนไทย เราก็ใช้ภาษาไทยในการเทศน์สอน แต่หากเขาเป็นชาวต่างชาติ เราก็ต้องใช้ภาษาต่างชาติซึ่งชาวโลกถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ เขาใช้ภาษาอังกฤษ เราจึงต้องเป็นภาษาอังกฤษด้วย เพราะฉะนั้น ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ เทศนา และภาษาอังกฤษจะต้องไปพร้อมๆ กัน
๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑
โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา
หนังสือ พ่อสอนลูก
www.dhamma01.com/book/1
๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๑