รูปหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำ
ภายในบรรจุดวงแก้วปราบมารทั้ง ๓ ดวง
(เรียบเรียงจากโอวาทคุณครูไม่ใหญ่)
ดวงแก้วทำวิชชา
หลังจากนั้น ท่านก็ค้นคว้าและเผยแผ่วิชชาธรรมกายต่อไป และแสวงหาดวงแก้วเอาไว้สำหรับทำวิชชา ต่อมามีผู้นำดวงแก้วมาถวายท่าน เป็นแก้วดวงใหญ่ ๓ ดวง แต่ละดวงโตประมาณ ๗ เซนติเมตร ขนาดส้มเขียวหวาน ท่านให้เอาไปใส่ไว้ในตะลุ่มในโรงงานทำวิชชา คุณยายเล่าว่า ในดวงแก้วเหล่านั้นมีกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ มีอานุภาพมาก สามารถพูดให้ได้ยินด้วยหูมนุษย์ได้ เหมือนเราได้ยินมนุษย์พูดคุยกัน เวลาลูกระเบิดจะมาลง ดวงแก้วก็จะพูดให้ได้ยิน
หลวงปู่ท่านให้พวกทำวิชชาถือดวงแก้วนี้ไว้ แล้วก็เอากายละเอียดในดวงแก้วทำวิชชาธรรมกายไปสู้รบกับพญามาร คุณยายของเราถือไว้ ๒ ดวง มือซ้ายดวงหนึ่ง มือขวาอีกดวงหนึ่ง แล้วทำวิชชาควบคู่กันไปกับดวงแก้ว ท่านถืออยู่อย่างนี้เป็นเวลาหลายปี ทุกครั้งที่เข้าไปรับหน้าที่ ท่านฝึกสอนกายสิทธิ์ที่อยู่ในดวงแก้ว จนกระทั่งมีอานุภาพทำตามกันไปเป็นทีมได้ ตั้งแต่ช่วยแก้ไขทุกข์มนุษย์ แก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลก และมุ่งไปที่สุดแห่งธรรม ตอนนั้นดวงแก้วดวงใหญ่มีอยู่แค่ ๓ ดวง นอกนั้นเป็นดวงเล็ก ๆ สำหรับผู้ทำวิชชาปราบมารถือไว้เป็นแนวร่วมสนับสนุน แล้วก็ทำวิชชากันไปอย่างมีความสุขสนุกสนานทีเดียว
วันหนึ่งขณะอยู่ในเวรดึก หลวงปู่ท่านได้ยินเสียงดังกริ๊ก ท่านจึงถามว่า “ใครทำดวงแก้วกระทบกัน” คุณยายบอกว่า “ลูกเองเจ้าค่ะ” หลวงปู่ท่านถามว่า “รู้ไหมว่าแก้วดวงหนึ่งมีค่าขนาดไหน ขนาดเอาประเทศมาตีค่าไม่ได้ทีเดียวนะ” หมายถึง เอาทรัพยากรของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ ทั้งที่อยู่บนฟ้า บนดิน ใต้ดิน บนน้ำ ใต้น้ำ ในที่ลับ ที่แจ้ง ที่แห้ง ที่เปียก เอามารวมกันโดยไม่ตกไม่หล่น ก็ไม่เท่ากับกายสิทธิ์ที่อยู่ข้างในดวงแก้วที่คุณยายอาจารย์ท่านถือทำวิชชาปราบมาร ๑ ดวง
เพราะผู้ที่ทำวิชชาธรรมกายได้ จะควบสิ่งนี้เข้าไปแก้ไขทุกข์ภัยให้มนุษย์ โดยจะต้องทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กันไป ท่านจึงเตือนว่า “อย่าทำให้ดวงแก้วกระทบกัน” ที่จริงคุณยายท่านก็รู้คุณค่าของ ดวงแก้ว ท่านทั้งรักและหวงแหน แต่คงเผลอไปกระทบกันและกระทบเบามาก แต่หลวงปู่ที่อยู่อีกห้องหนึ่งทำไมจึงได้ยินก็ไม่ทราบ
ต่อมาเมื่อหลวงปู่มรณภาพ ศิษยานุศิษย์ได้หล่อรูปยืนของท่านขึ้น และเอาดวงแก้วปราบมารทั้ง ๓ ดวงนี้ บรรจุไว้ในรูปหล่อ ซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ดวงแก้ว ๓ ดวงนี้ ช่วยตามคนมาเลี้ยงพระวัดปากน้ำได้ทุกวันไม่เคยขาด ทั้ง ๆ ที่มีพระมากที่สุดในประเทศไทย ๕๐๐-๖๐๐ องค์ในสมัยนั้น ไม่มีวัดไหนในประเทศไทยเลี้ยงพระเณรได้อย่างนั้น ถ้ารวมอุบาสก อุบาสิกาด้วย ก็เป็นพันเหมือนวัดเราในสมัยนี้
โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา
หนังสือ ดวงแก้วคุณยาย
www.dhamma01.com/book/81