77 เมื่อผีเข้าโยมแม่

เมื่อผีเข้าโยมแม่

โยมแม่อยู่ที่ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัว-ลำภู
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐ โยมแม่ป่วยหนัก โยมพ่อบอกว่า เหมือนถูกผีเข้า เป็นมา ๕ – ๗ วันแล้ว กระผมจึงบอกโยมพ่อว่า ให้เอาพระของขวัญจากวัดพระธรรมกาย (เป็นพระผงรุ่นเททองหลวงปู่วัดปากน้ำ) คล้องคอไว้ แล้วจะไปเยี่ยม พอกระผมไปถึงบ้าน เห็นโยมแม่นอนหันหลังให้ โยมพ่อบอกว่า ตอนป่วยพาไปหาหมอ หมอเขาก็บอกว่าไม่ป่วย แต่ทานข้าวไม่ได้ ไม่มีแรง พูดบ่นเรื่อยเปื่อยไปทั่วสงสัยถูกผีเข้า กระผมก็คุยกับโยมป้าที่อยู่ด้วยกันในตอนนั้นว่า ถ้าผีเข้าจะมีอาการอย่างนี้ (ตามความคิดเห็นของเจ้าของ CaseStudy) คือ–

๑ สายตาจะหลบ หันหน้าหนี ไม่กล้าสบตาโดยเฉพาะกับผู้มีศีลธรรม
๒ นัยน์ตาจะแข็งทื่อ ไม่มีการกะพริบตาบ่อยเหมือนมนุษย์ปกติ๓ ความรู้สึกนึกคิด การพูดคุยจะไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดจิตวิญญาณของคนเดิม แต่เป็นของคนใหม่–
พอพูดจบ โยมแม่พูดขึ้นว่า พวกนี้คุยอะไรกันน่ารำคาญ ผมก็คิดในใจว่า ปกติโยมแม่เป็นคนหูตึง พูดเบาๆ ทำไมได้ยิน โยมแม่ก็บอกว่า พูดเบาๆ ก็ได้ยินหมดแหละ กระผมจึงมั่นใจว่า ผีเข้าโยมแม่จริง–

สมัยเด็ก ๆ กระผมเห็นเวลาหมอผีปราบผีต้องถามชื่อผีก่อน ถ้าผีบอก แสดงว่าผีกลัว ถ้าไม่บอกแสดงว่าผีไม่กลัว กระผมจึงเรียกโยมแม่ที่นอนหันหลังมาถามว่า ชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหน ผีเข้าสิงพูดว่า เขาไม่ให้บอก แล้วก็หันหน้าหนี กระผมก็เรียกให้หันหน้ามาใหม่ ผีบอกว่า ถ้าแน่จริงก็มาสู้กันสิ กระผมตอบทันทีว่า OK แล้วก็เอาเหรียญปราบมารให้ดู ให้ดูรูปหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ กระผมพูดว่า ดูให้ชัดๆ ว่าเป็นใครปรากฏว่า โยมแม่ไม่ดู หลับตาปี๋ แล้วพูดว่าแสงเข้าตา มองไม่เห็น ตาจะบอด แล้วก็หันหน้าหนี นอนเงียบไม่พูดไปเลย ไม่สนใจใครทั้งสิ้น กระผมก็ให้ดูเหรียญอีก จนผีกลัวมากแต่ผียังไม่ยอมออก–

กระผมถามว่า รู้จักพระไหม หมายถึงตัวกระผมเองซึ่งเป็นพระลูกชาย ผีบอกว่าไม่รู้จัก แสดงว่าคนพูดไม่ใช่โยมแม่แน่แล้วผีบอกว่า ถ้าแน่ก็มาสู้กันสิ กระผมก็เลยบอกว่าพระไม่กลัวผีนะ มีแต่ผีกลัวพระ กระผมก็พูดเรื่องบาป – บุญ เรื่องนรก – สวรรค์ ให้ผีฟังแต่ผีพูดว่า ไม่รู้จักบุญหรอก รู้จักแต่ฆ่าๆพร้อมทำท่าทางด้วยมือประกอบการฆ่าให้ดูกระผมพูดลงท้ายด้วยการสร้างพระธรรมกายประจำตัวที่มหาธรรมกายเจดีย์ ชวนผีทำบุญในที่สุดผียอมทำบุญด้วย จึงรวบรวมเงินได้จำนวนสองพันกว่าบาท คือ บอกคนโน้นคนนี้แล้วมาทำบุญด้วยกัน แล้วเขียนจองสร้างองค์พระไว้ก่อน–

กระผมก็บอกให้ผีที่เข้าสิงอนุโมทนา-บุญ แต่ผีนั่งเฉยๆ เพราะทำไม่เป็น กระผมจึงสอนให้อนุโมทนา จึงทำเป็น กระผมก็ถามชื่อผี เพื่อจะกรอกชื่อ จะได้อุทิศบุญไปให้ แต่ผีบอกว่า เขาไม่ให้บอก กระผมพูดว่า ถ้าไม่บอก เวลาอุทิศบุญก็จะไม่ได้รับบุญ ในที่สุดผีจึงบอกว่า ชื่อ “ผง” โยมพ่อโยมแม่ทั้งหลายถึงกับร้อง อ๋อ ปู่ผงนี่เอง อดีตเคยเป็นหมอปราบผีในเขต ๔ ตำบล ถ้าผีเข้าคนไหนล่ะก็ไปบอกคนอื่นไม่ยอมหาย แต่ถ้าบอกปู่ผงแล้วหาย ก็ถามนามสกุลต่อไป นามสกุลเดียวกับโยมแม่ของผมครับ แล้วถามอายุเท่าไร ผีบอก๘๕ ปี ถ้ารวมกับตอนตายแล้วถึงปัจจุบันอายุประมาณ ๑๓๐ ปี–

กระผมเขียนใบสร้างพระเสร็จแล้ว ให้ผีอธิษฐานอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ให้ถวายคืนผม พอถวายเสร็จ ผีก็พูดว่า เย็นกายสบายใจดีมากยิ้ม และร้องรำทำเพลง มีแววตาสดใส มีแรงขึ้นมาก ผีพูดว่า ขณะนี้ที่โคกตูมภูน้อยกำลังมีการละเล่นตีกลองเถิดเทิงสนุกมาก คนก็มามากมาย (คนในที่นี้ หมายถึง ผีในภูมินั้น) ที่โคกตูมภูน้อยนี้เป็นดงป่าไม้ ชาวบ้านเชื่อกันว่า ที่นี่มีผีดุ ฆ่าคนตายมาแล้วหลายศพ ใครไปถางป่าทำไร่ทำสวนไม่ได้ ต้องตายทุกคนและทุกวันพระชาวบ้านจะได้ยินเสียงกลองดังเป็นประจำ–

โยมแม่เคยพูดว่า มีมีดจ่อคอ กระผมคิดว่า ผีคงเอามีดจ่อคอโยมแม่จริง และกระผมอยากจะให้ผีออกจากร่างโยมแม่ ตอนนั้นที่คอโยมแม่มีพระของขวัญอยู่ ๒ องค์ กระผมจึงเอาเพิ่มอีก ๑ พวง ประมาณ ๕ องค์ ผีบอกว่า กลายเป็นมีดอีโต้จ่อคอแล้ว กระผมจึงใส่เพิ่มอีก ๑ พวง รวมเป็น ๓ พวง ผีบอกว่ากลายเป็นมีดอีโต้เชือดคอขาดแล้ว พร้อมกับร้องเสียงหลงดังลั่น พร้อมกับเอามือจับคอตนเองนอนดิ้นแด่วๆ เหมือนคนถูกมีดเชือดคอจริง ๆ กระผมคิดในใจว่า โยมแม่เราตายแน่เลย จนลืมคิดว่าเป็นผีเข้า จึงรีบเอาพระของขวัญออกจากคอทันที ๑ พวง โยมแม่ก็เอามือจับคอตนเองพูดว่า นึกว่าคอขาดแล้วเหลือแค่มีดอีโต้จ่อคออยู่–

กระผมคิดว่าที่ผีไม่ออกเพราะมีพระคล้องคอไว้ จึงให้ถอดออกให้หมด แล้วคล้องคอใหม่ ในที่สุดโยมแม่ก็นั่งคอตกก้มหน้าเงียบอย่างเดียว แล้วอาการก็ดีขึ้นจึงไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน ต่อมาผีก็ไม่มาอีกแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นกับโยมแม่นั้นเป็นผีหรือเป็นอะไรครับ ถ้าเป็นผีจริง เป็นผีประเภทไหนลักษณะเป็นอย่างไร ใช่ที่เรียกกันว่า ผีปอบ หรือไม่ เวลาโยมแม่พูดนั้นเป็นโยมแม่พูดจริงหรือว่าใครพูดครับ แล้วตอนนั้นวิญญาณโยมแม่อยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ครับ

คุณครูไม่ใหญ่:
เรื่องที่เกิดขึ้นกับโยมแม่นั้นเป็นผีจริงๆ แต่คำว่า “ผี” นั้นมีความหมายกว้างมาก เพราะว่ามันรวมถึงกายละเอียดในระดับพื้นมนุษย์หลายๆ อย่าง คือ มีกายละเอียดเยอะแยะที่มนุษย์มักจะรวมเรียกว่า “ผี”

สำหรับของโยมแม่นั้น เป็นผีที่อยู่ในสายการปกครองของท้าวเวสสุวัณโณ คือ สายยักษ์ แต่ก็ไม่ใช่ยักษ์ตัวดำ ตาโปน หัวหยิกอย่างที่เราเคยเห็นในภาพ ที่มาเข้าร่างโยมแม่นั้นจะมีลักษณะคล้ายๆ มนุษย์

ผีปอบก็คือผีสายยักษ์ อยู่ในสายการปกครองของท้าวเวสสุวัณโณนั่นเอง ที่เข้าสิงร่างมนุษย์ ก็เพื่ออาศัยร่างมนุษย์กินอาหาร โดยเฉพาะอาหารดิบๆ หรือสัตว์เป็นๆ เช่น ไปหักคอเป็ดไก่ในเล้ากิน เป็นต้น

ที่เข้าสิงร่างของโยมแม่หรือบางคนได้ เพราะมีวิบากกรรมทางนี้ คือ ไม่ได้เข้าสิงได้ทุกคน คนๆ นั้นต้องมีวิบากกรรมทางนี้ คือ ในอดีตชาติ บุคคลนั้นเคยนับถือผี เซ่นไหว้ผีเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกยามที่มีทุกข์จนเป็นธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติกันมา โดยฆ่าสัตว์เซ่นผี บางทีก็ฆ่าสัตว์เล็ก เช่น เป็ด ไก่ บางทีก็ฆ่าสัตว์ใหญ่ เช่น วัว ควาย เป็นต้น ฉะนั้นจึงมีกรรมอยู่ ๒ อย่าง คือ

๑) กรรมที่เคยนับถือผีพวกนี้เป็นชีวิตจิตใจ
๒) กรรมทำปาณาติบาต คือ ฆ่าสัตว์เพื่อเซ่นไหว้ จึงทำให้พวกนี้มาเข้าร่างได้

โดยมีวัตถุประสงค์ คือ
๑. อาศัยร่างเพื่อกินอาหาร
๒. อาศัยร่างเหมือนเป็นร่างทรง เพื่อยกระดับตัวเองว่ามีผู้นับถือมาก
๓. เพื่อทำร้ายให้เจ็บป่วยหรือตาย เพื่อที่ว่าตายแล้ว จะได้ไปเป็นบริวารหรือสานุศิษย์ หรือตายแทน เพื่อตัวจะได้ไปเกิดใหม่ เป็นกฎเกณฑ์ของเผ่าพันธุ์พวกนี้ที่มีกรรมอย่างนี้

เมื่อผีเข้าสิงร่างโยมแม่ เขาจะกดทับด้วยมนตร์ ทำให้ขาดสติ หรือหมดสติไป ขึ้นอยู่กับว่า ทับครึ่งตัว หรือว่าเต็มตัว ถ้าครึ่งตัว มันก็จะขาดสติ แต่พอรู้อยู่บ้าง แต่ว่าบังคับตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าเต็มตัว จะหมดสติ คือ ลืมไปเลย

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/11
ต้นฉบับ หนังสือ ที่นี่มีคำตอบ ๑

กลับสู่
สารบัญ หนังสือที่นี่มีคำตอบ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *