78 กระสือ กระหัง

กระสือ กระหัง

ลูกมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องผีกระสือมานานแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ลูกยังอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันนี้ลูกย้ายมาอยู่ที่จังหวัดปทุมธานีแล้ว ทุกคนในหมู่บ้านจะเคยเจอผีกระสือจนทำให้รู้สึกเป็นสิ่งปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งวิธีสังเกตคนเป็นกระสือที่คนในหมู่บ้านจะรู้กัน คือ บุคลิกของคนๆ นั้นจะไม่ชอบสุงสิงกับใคร ชอบอยู่ในที่มืด แม้ในเวลากลางวัน ก็จะอยู่แต่ในบ้าน ทำบรรยากาศในบ้านให้ดูสลัวๆ ทึมๆ ถ้าใครมีญาติพี่น้องเป็นกระสือ เวลาทานข้าว จะชวนเท่าไรเขาจะไม่มากินด้วย จะกินข้าวทีหลัง แอบกินคนเดียวในมุมลับๆ และชอบกินของสดๆ คาวๆถ้าบ้านไหนมีคนใกล้จะคลอดลูก ยิ่งเป็นที่สนใจของกระสือมาก เพราะกระสือชอบกินของสกปรก ชอบกินรกและเลือดของเด็กโดยแอบเข้ามาในบ้านตามร่องกระดานพื้นบ้าน เนื่องจากบ้านสมัยนั้นมักจะยกสูงโดยมีใต้ถุนบ้านไว้ ไม้กระดานก็ไม่ได้ติดกันแบบสมัยนี้ จะเป็นร่องกระดาน–

วิธีป้องกันกระสือเข้าบ้าน คือ เขาจะเอาลวดหนาม หรือไม้ไผ่ที่มีหนามมาวางไว้ใต้ถุนบ้าน เพราะมีความเชื่อว่า ผีกระสือจะกลัวลวดหนามเกี่ยวไส้ จะไม่มารบกวน ยิ่งถ้าใครมีบาดแผลต้องระวังให้ดี กระสือจะมาแอบดูดเลือด และจะทำให้คนๆ นั้นรู้สึกอ่อนเพลียไป ๒ – ๓ วัน–

อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับตัวลูกเอง ตอนนั้นลูกตากผ้าเปียกไว้ตอนกลางคืนเช้ามาก็พบว่า มีรอยเปื้อนคล้ายคนมาเช็ดปากทิ้งไว้ ลักษณะคราบก็เหมือนไปกินของสกปรกมา มีกลิ่นคาว ซึ่งคนโบราณจะมีความเชื่อว่า ถ้ามีรอยแบบนี้บนผ้า ให้เอาผ้าไปฟาดกับบันได จะทำให้คนที่เป็นกระสือเจ็บปากแล้วปากเขาจะบวมๆ เราก็จะรู้ได้ว่าใครเป็นกระสือ ลูกก็ทำตาม ปรากฏว่าเมื่อเดินไปสำรวจตามบ้านต่าง ๆ โดยเฉพาะบ้านที่ต้องสงสัยที่มียายแก่ๆ อาศัยอยู่คนเดียว ซึ่งคนแถวนั้นจะรู้กันว่ายายคนนี้เป็นกระสือ ก็พบว่ายายคนนั้นปากแกบวมฉึ่งจริง ๆ–

ลักษณะของกระสือที่เห็นบ่อย ๆ ในเวลากลางคืน หลัง ๓ ทุ่มไปแล้ว คือ จะเห็นเป็นดวงไฟกลมๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ มีสีออกแดงๆ เหลืองๆ เหมือนเปลวเทียน ไม่เห็นเป็นหัวคน และก็ไม่เห็นไส้ห้อยรุ่งริ่งอย่างที่ใคร ๆ พูดกัน ดวงไฟจะลอยขึ้นๆ ลงๆ ไปมาเหมือนกำลังหาอาหารอยู่ ลูกเองเคยพยายามจะจับหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จแต่มีคนเคยทำสำเร็จ เขาเป็นพี่ชายของเพื่อนลูกเอง เรื่องเกิดขึ้นที่จังหวัดพัทลุงเขาเล่าว่า หมู่บ้านเขาก็มีกระสือหลายตัวเหมือนกัน ตอนนั้นเป็นช่วงพลบค่ำ พี่สะใภ้กำลังจะคลอดลูก พี่ชายของเขาก็ยังจับปลาอยู่ตรงบริเวณคลองแถวบ้าน เมื่อพี่ชายมองมาที่บ้านของตัวเอง ก็เห็นดวงไฟดวงหนึ่งลอยขึ้นๆ ลงๆ วนอยู่รอบบ้าน นึกว่าไฟไหม้บ้าน จึงรีบกลับมาดู แล้วก็ชวนพรรคพวกเอาไม้ไผ่มาล้อมจับ แล้วก็จับได้ จึงขังดวงไฟนั้นไว้ในสุ่ม พอตอนเช้าดวงไฟก็หายไป เห็นแต่ความว่างเปล่า แต่พอตกกลางคืนอีกครั้ง ก็เห็นดวงไฟยังคงอยู่ในสุ่มเหมือนเดิมเช้าวันต่อมา จึงไปเดินตามหาว่า ใครเป็นผู้ต้องสงสัย ก็พบยายแก่ๆ อยู่บ้านคนเดียว นอนพะงาบ ๆ หายใจรวยรินคล้ายคนใกล้จะตาย ลักษณะเหมือนร่างไร้วิญญาณพี่ชายของเพื่อนจึงไปยืนพูดกับยายคนนั้นว่าต่อไปอย่ามายุ่งกับครอบครัวของเขาอีกนะแล้วเขาก็ปล่อยกระสือไป เมื่อกลับไปบ้านก็ไปเปิดสุ่มออก จากนั้นก็ไม่มีกระสือมากวนที่บ้านอีกเลยกระสือมีจริงหรือไม่คะ

สิ่งที่ลูกได้เจอและพี่ชายของเพื่อนได้เจอเป็นกระสือจริง ๆหรือไม่ กระสือมีลักษณะและมีความเป็นอยู่อย่างไร ส่วนใหญ่จะเชื่อกันว่า มีแต่หัวกับไส้ลอยไปลอยมา แต่สิ่งที่ลูกและอีกหลายๆคนเห็น เป็นเพียงดวงไฟลอยไปลอยมาแค่นั้นเอง–

ลูกเคยได้ยินมาว่า คนที่เป็นกระสือก่อนที่ตัวเองจะตายจะต้องหาคนสืบทอดโดยหาจากญาติพี่น้องของตัวเอง และใช้แหวนเป็นสื่อ วิธีการคือ จะถอดแหวนให้ผู้สืบทอดรับไปใส่ต่อ เขาก็จะกลายเป็นกระสือตัวต่อไป เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้ากระสือมีจริง แล้วกระหังมีจริงหรือไม่–

คุณครูไม่ใหญ่ :
กระสือ คือ ภูตชนิดหนึ่งภูตอย่างหนึ่ง ผีอย่างหนึ่ง ปีศาจก็อีกอย่างหนึ่ง แต่เราจะได้ยินคำรวมไปเลยว่าภูตผีปีศาจ เพราะคำมันคล้องกัน แต่จริง ๆ แล้วมันคนละประเภทกัน คือ หน้าตามันจะแตกต่างกันไป และพฤติกรรมหรือความสามารถมันจะแตกต่าง ซึ่งตอนเป็นมนุษย์ ทำกรรมหลอกลวงต้มตุ๋นเพื่อนมนุษย์ เช่น นำของปลอมมาหลอกขายว่าเป็นของจริงของโบราณโดยหากินทางมิชอบ อันนี้คือวิบากกรรมที่ทำให้เป็นภูต เป็นต้น–

ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม ตายแล้วก็จะไปเป็นเปรตก่อน เพราะความโลภอยากได้ทรัพย์โดยมิชอบ มีความหิวโหยมากจากเปรต กรรมยังไม่หมดก็จะมาเป็นพวกภูตที่กินได้เฉพาะของสกปรก ของคาว ของเน่าเหม็นโดยจะเข้ามาสิงอยู่กับคนที่มีวิบากกรรม เหมือนที่ตัวเองเคยทำตอนเป็นมนุษย์คือ ไม่ได้สิงได้ทุกคน

พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

ที่มา https://www.dhamma01.com/book/11
ต้นฉบับ หนังสือ ที่นี่มีคำตอบ ๑

กลับสู่
สารบัญ หนังสือที่นี่มีคำตอบ

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *