เราอย่ายินดีกับรายได้ที่มาจาก
การขายสุรา บุหรี่ และสิ่งเสพติดทั้งหลาย
ซึ่งถือเป็นมิจฉาอาชีวะ
เป็นมลพิษทั้งปัจจุบัน และในสังสารวัฏ
เลิกยึดถือทัศนคติที่ว่า จะเป็นแมวขาวแมวดำก็ได้ขอให้จับหนูได้ ซึ่งหมายความว่า จะประกอบอาชีพอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาอาชีวะหรือสัมมาอาชีวะ ขอให้ได้มาซึ่งเม็ดเงินเป็นใช้ได้ ความคิดอย่างนี้ไม่ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้ประกอบสัมมาอาชีวะทางเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นทางมาแห่งทรัพย์ให้เรานำมาหล่อเลี้ยงชีวิตครอบครัว และนำมาสร้างบารมีเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ให้ทำอย่างนี้แค่นี้เท่านั้น จึงจะถูกหลักวิชชา ถูกมรรคมีองค์ ๘ คือ มีความเห็นถูก โดยเฉพาะมีความเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
ถ้าเราไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หิริโอตตัปปะก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อไม่เกิด ก็มีโอกาสที่จะทำบาปอกุศลได้ เพราะไม่มีความละอายต่อการกระทำบาป และไม่กลัวต่อผลของบาปที่จะเกิดขึ้น แม้พระพุทธเจ้าจะตรัสสอนอย่างไรก็ไม่เชื่อ เมื่อไม่เชื่อ สัมมาทิฏฐิก็ไม่เกิด มรรคอื่นๆ ก็ไม่ตามมา เพราะฉะนั้นต้องเปลี่ยนทัศนคติกันใหม่ว่า เราจะประกอบเฉพาะอาชีพที่เป็นสัมมาอาชีวะเท่านั้น
หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมบางคนที่ประกอบมิจฉาอาชีวะ ค้าขายสุราเมรัย บุหรี่ แต่เขากลับมีความเจริญรุ่งเรืองได้รับการยกย่องในสังคม มีสุขภาพแข็งแรง ดูโหงวเฮ้งดีมีพรรคพวกมาก และยังนำเงินไปบริจาคแบ่งปันให้กับคนอื่นอีก ไม่เห็นบาปกรรมจะส่งผลทันตาเห็นเลย ทั้งๆ ที่เงินได้มาจากความหายนะของเพื่อนมนุษย์ที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับหลายๆ ครอบครัว
เรื่องกฎแห่งกรรมเป็นเรื่องซับซ้อน
กรรมบางอย่างให้ผลในปัจจุบันทันตาเห็น
แต่บางอย่างก็ให้ผลหลังจากตายแล้ว
ซึ่งตาของเรามองไม่เห็น
เพราะฉะนั้น บุคคลเหล่านั้นที่เขายังเฟื่องฟูอยู่ เพราะบุญเก่าที่เขาเคยสร้างมหาทานบารมี ทั้งในบุญเขต และนอกบุญเขต แล้วได้อธิษฐานจิตว่า “ขอให้รวย” แต่ไม่มีคำว่า “นิพพานะปัจจะโย โหตุ” ขอให้เป็นปัจจัยในการบรรลุมรรคผลนิพพาน ซึ่งเป็นการอธิษฐานจิตที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ทำให้บาปอกุศลได้ช่อง นำเขามารวยด้วยมิจฉาอาชีวะ ให้รวยอย่างไม่มีทิศทาง และก็บดบังไม่ให้เขาเห็นผลของการกระทำในปรโลก ให้เห็นผลแต่ในมนุษยโลกว่า มีทรัพย์มาก มีคนนับหน้าถือตา มีเกียรติในสังคม และยังเห็นเขาใช้เศษเงินไปสร้างทานกุศลต่างๆ ทั้งในและนอกบุญเขต มองเห็นเพียงแค่นั้น
เมื่อเรายังมองไม่เห็นผลกรรมด้วยตาของเรา และผลกรรมยังไม่ส่งผล จึงทำให้เราไม่ค่อยเชื่อกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริง
เราเป็นชาวพุทธ เป็นลูกพระพุทธเจ้า ก็ควรศึกษาคำสอนของพระองค์ และก็ต้องเชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์เป็นเบื้องต้น แล้วก็ลงมือปฏิบัติ พิสูจน์ว่าสิ่งที่พระองค์พูดนั้นเป็นจริงแค่ไหน ซึ่งอุปกรณ์ที่จะไปเรียนรู้ก็มีอยู่ในตัวของเรา ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีการ คือ ทำใจหยุดกับนิ่งเท่านั้น ถ้าให้โอกาสกับตัวเอง เราก็ต้องเข้าถึงความจริงนั้นได้ ถ้าเราพิสูจน์ได้ เราก็เกิดความมั่นใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อเรามีความมั่นใจ ก็จะขยายความมั่นใจต่อๆ ไปยังบุคคลอื่น ความมั่นใจเท่านั้นจะสร้างความมั่นใจให้เกิดขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนคลื่นลูกแล้วลูกเล่าเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างนั้น
๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๖
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://www.dhamma01.com/book/90
ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 1 สิ่งที่ต้องสั่งสมคือบุญกุศล
กลับสู่
สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่