นักบวชที่แท้จริง
หมั่นฝึกใจเราให้หยุดนิ่งอยู่ภายใน
ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมให้ดี ถ้าทำได้อย่างนี้
ไม่ว่าจะบวชสั้นหรือบวชยาวก็ตาม
ก็ได้ชื่อว่า “เป็นนักบวชที่แท้จริง”
เป็นสมณะผู้มีความสงบกาย วาจา ใจ เพราะใจหยุดอยู่ภายใน มีความแตกต่างจากคฤหัสถ์ ต่างจากชาวโลกทั้งหลาย ได้ชื่อว่า เป็นบุตรแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง นึกเมื่อไรเราก็ปลื้ม มีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ
บุญก็จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ถึงโยมพ่อโยมแม่ ปู่ย่าตายาย บรรพบุรุษทั้งหลาย กระทั่งแผ่ไปถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงก็จะมีส่วนแห่งบุญนี้ ไม่ว่าเราจะบวชสั้น บวชยาวก็ตาม นึกถึงเมื่อไรก็ปลื้มภาคภูมิใจในตัวของเราเอง
ก่อนหน้านี้เราจะเป็นอะไรก็ช่างเถิด แต่เดี๋ยวนี้เราเป็นสมณะ เป็นบรรพชิต เป็นพุทธบุตร บุตรแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรามีความรู้สึกว่า เราเป็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แท้จริง ด้วยชีวิตจิตวิญญาณแห่งนักบวช พออารมณ์นี้เกิดขึ้น การเดินธรรมยาตราทุกย่างก้าวก็เป็นย่างแก้ว คือใจจะใส จะสะอาด จะบริสุทธิ์ จะองอาจ สง่างาม ปีติและภาคภูมิใจในตัวเอง จะมองแต่กลางกายของเรา และมองหนทางที่เราจะก้าวเดินไป
<< เดินตามรอยหลวงปู่ >>
เดินตามพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระผู้ปราบมารไป ท่านไปทางไหน เราก็ไปทางนั้น ในเส้นทางแห่งพระอริยเจ้า เส้นทางที่ท่านเดินตอนสมัยมีชีวิตอยู่ก็เดินทางในเส้นทางนี้ เราก็เดินตามรอยเท้าท่านไปอย่างองอาจ สง่างาม สมกับเป็นพุทธบุตรที่แท้จริง
ถ้าเป็นสามเณรก็เป็นเทือกเถาเหล่ากอของสมณะ มีเชื้อสายของสมณะ องอาจ สง่างาม สมควรแก่การเดินบนกลีบดอกไม้ที่ญาติโยมได้น้อมเคารพบูชากราบไหว้เนื้อนาบุญ เราก็เป็นประดุจเนื้อนาบุญที่เขาโปรยกลีบดอกไม้มาด้วยความเคารพ ศรัทธา เลื่อมใส บุญก็เกิดขึ้นกับทุกคน ทั้งผู้โปรย ทั้งผู้ที่ได้เห็น ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ผู้ที่จิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัยก็จะได้มีส่วนแห่งบุญนี้ด้วย
ผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสก็จะเริ่มมีความเลื่อมใส ช้าบ้าง เร็วบ้าง ที่เลื่อมใสอยู่แล้วก็จะเลื่อมใสยิ่งขึ้น ถ้าหากเราเป็นประดุจพระบรมโพธิสัตว์ที่โปรดสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากความทุกข์ทรมานของชีวิต ให้เข้าสู่เส้นทางชีวิตแห่งความเป็นอมตะเหมือนพระอริยเจ้าทั้งหลาย เราจะมีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจทุกย่างก้าว สิ่งแวดล้อมก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเรา ไม่ว่าจะเดินในที่จอแจ ฝนตก แดดออก อะไรก็แล้วแต่ เพราะเราจะมีีปีติสุขอยู่ภายใน มีความบริสุทธิ์ที่หล่อเลี้ยงใจเราทุกอนุวินาที ทุกอณูเนื้อ จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางในแต่ละวัน
ความปลื้มปีติจะเกิดขึ้นกับทุกคนที่ได้เห็น เท่ากับเราช่วยปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์นิพพานให้กับทุกๆ คน นี่เป็นกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะฉะนั้นต้องทำกิจตรงนี้ให้สมบูรณ์ ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์
<< สมณะแท้ตลอดเวลา >>
แม้ไปสู่ที่พัก ข้อวัตรปฏิบัติ กิจวัตรกิจกรรมก็ให้สมกับสมณะ ไม่ว่าเราจะอยู่ตามลำพังไม่มีใครเห็นก็ตาม แต่เราเห็นตัวของเราเอง พฤติกรรมตัวเราว่า เรายังเป็นสมณะอยู่ไหม เป็นในระดับที่เรามีความปีติและภาคภูมิใจไหม แม้อยู่ตามลำพังเราต้องมีปีติและภาคภูมิใจในตัวเราเอง ด้วยข้อวัตรปฏิบัติตามหลักวิชชา
อย่างนี้จึงจะเรียกว่า “สมณะแท้” เป็นพุทธบุตรที่แท้จริง นึกเมื่อไรก็ปลื้ม มนุษย์เทวาเห็นก็ปลื้ม เล่าสู่ใครๆ ฟังเขาก็ปลื้ม ปลื้มแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากจะมาเป็นอย่างเรา มามีข้อวัตรปฏิบัติอย่างเรา พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรือง แล้วเราก็มีส่วนอย่างสำคัญในการสืบทอดอายุของพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไปเรื่อยๆ บารมีพิเศษ บารมี ๑๐ ทัศ ก็จะเกิดขึ้นกับเรา โดยเฉพาะเนกขัมมบารมี คือ บารมีแห่งการเป็นนักบวช เป็นบรรพชิต กิจนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่ลูกต้องฝึกให้ได้
ทั้งหมดนี้จะได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าหากลูกใจหยุดนิ่งได้ หยุดนิ่งในระดับที่เราเข้าถึงพระในตัว เห็นท่านชัดใสแจ่มกระจ่างอยู่ที่กลางกาย ทั้งนั่ง ทั้งนอน ทั้งยืน ทั้งเดิน ทั้งทำกิจวัตรกิจกรรมอะไรต่างๆ ก็เห็นอยู่ตลอดเวลาเลย
<< ต้องทำให้ดีกว่าดีที่สุด >>
เรามีเวลาจำกัดในการสร้างบารมีนะลูกนะ โดยเฉพาะการเดินธรรมยาตราที่เป็นประวัติศาสตร์ชีวิตของเรานี้ ช่วงระยะเวลาแค่ ๑ เดือนเท่านั้น ลูกต้องสอนตัวเองว่า เราจะต้องทำให้ดีกว่าดีที่สุด นอกจากได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากพระอาจารย์ พระพี่เลี้ยงแล้ว หรือเพื่อนสหธรรมิกก็ตาม ก็ต้องสอนตัวเองให้ได้ด้วย
เพราะฉะนั้น ๑ เดือนนี้ ต้องเป็นสมณะให้สมบูรณ์ เป็นสามเณรเทือกเถาเหล่ากอของสมณะให้สมบูรณ์ ที่นึกเมื่อไรก็ปลื้ม แล้วมีปีติสุขหล่อเลี้ยงใจ ภาคภูมิใจตัวของเราเอง
เราจะอยู่ในสายตาของพระผู้ปราบมาร ซึ่งท่านก็จะน้อมเอาเราทั้งหมดไว้ในกลางกายของท่าน กลางองค์พระที่ผุดผ่านกายท่านนับพระองค์ไม่ถ้วน
วิบากกรรมวิบากมารต่างๆ ที่ติดตามตัวเรามาข้ามชาติกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งจะมีผลต่อไปในอนาคต ท่านก็จะกลั่นแก้ไขให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ให้ทั้งธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้เราสะอาดบริสุทธิ์
ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ อากาศ ในตัวเรา ให้สะอาด ให้บริสุทธิ์ ธรรมในตัวเราซึ่งเป็นเครื่องรองรับธาตุความบริสุทธิ์ เห็น จำ คิด รู้ คือ ใจของเราก็ใสบริสุทธิ์ในทุกๆ กายที่สะอาดเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพราะฉะนั้นวันเวลาที่เหลืออยู่นี้ ลูกต้องตั้งใจฝึกให้ดีนะลูกนะ
๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา https://www.dhamma01.com/book/92
ต้นฉบับ หนังสือ เล่ม 3 ชีวิตสมณะ ผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร
กลับสู่
สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่