๒ ผ้าสีสุดท้าย ๑

ลูกเณรรู้ตัวหรือเปล่าว่า ลูกเณรมีบุญมากที่ได้มาศึกษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เขาจะวัดว่าใครมีบุญมากบุญน้อย วัดกันตรงนี้
วัดว่าใครดับทุกข์ได้ เป็นผู้บริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะไปสู่อายตนนิพพานได้ อย่างนี้เขาถือว่าเป็นผู้มีบุญมากที่สุด
เขาไม่ได้ดูว่า ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นมหาเศรษฐีของโลก เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแค่นั้นนะ
นั่นมีบุญเหมือนกัน แต่มีบุญระดับปานกลาง
มีบุญมากที่สุดต้องไปสู่พระนิพพาน

การมีบุญที่ได้เป็นเทือกเถาเหล่ากอของสมณะอย่างที่ลูกเณรเป็น
มีเครื่องแบบชุดสุดท้ายของสังสารวัฏ คือผ้ากาสาวพัสตร์ที่ลูกเณรได้ครองอยู่ ถือเป็นผ้าผืนสุดท้ายที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
ในสมัยพุทธกาล แม้เกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์อย่างพระมหากัปปินะ ในที่สุดพระองค์ก็ต้องทิ้งเครื่องทรงพระราชามาสวมใส่ชุดนี้
หรือมหาเศรษฐีที่มีสมบัติตักไม่พร่องอย่างท่านโชติกเศรษฐี สุดท้ายก็มาสวมชุดนี้
จะเกิดเป็นคนชั้นสูง ชั้นกลาง หรือชั้นล่าง ในที่สุดก็ต้องมาอยู่ในชุดนี้
แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา เวียนว่ายตายเกิดมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์ก็ดี เป็นสามัญชนก็ดี
ตอนสุดท้ายพระองค์ก็สละราชสมบัติออกบวชบำเพ็ญพรต ครองผ้ากาสาวพัสตร์เป็นชุดสุดท้ายก่อนไปอายตนนิพพาน
เหมือนเป็นชุดที่รวมบุญ รวมบารมี รวมคุณความดีทั้งหมด มาสู่ชุดนี้
คล้ายกับมหาสมุทรเป็นที่รวมของแม่น้ำทุกสาย จากห้วย หนอง คลอง บึง จากป่าเขาอย่างนั้น

ถ้าใครได้สวมเครื่องแบบชุดนี้ มีนิพพานเป็นที่ไป
หมายถึงว่ามีบารมีที่สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน เวียนว่ายตายเกิด เป็นอะไรมาสารพัด สุดท้ายก็จะต้องอยู่ในชุดผ้ากาสาวพัสตร์ ที่ลูกเณรกำลังสวมอยู่
ถ้าหากมีเครื่องแบบที่แตกต่างจากนี้ไป นั่นแสดงว่ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด สร้างบุญสร้างบารมีไปอีกยาวนานทีเดียว

กว่าจะได้มีโอกาสมาสวมชุดนี้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ
สีสุดท้ายของมวลมนุษยชาติ ต้องเป็นสีทองคำบริสุทธิ์ผุดผ่องนี้
ทอง เกิดขึ้นมาก็งามตั้งแต่เกิด เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีมูลค่า
มูลค่าคือราคา ทองไปอยู่ที่ไหนก็มีราคา ไม่ว่าจะอยู่ในโคลนตม ในป่าเขา หรือในห้วย หนอง คลอง บึง
สีทองเป็นสีแห่งความบริสุทธิ์ผุดผ่อง เหมือนดวงใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เต็มเปี่ยมไปด้วยบุญกุศลที่ลูกเณรได้สั่งสมมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ทำให้ลูกเณรมีคุณค่า และมีราคาสมกับที่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์
เพราะฉะนั้นชุดนี้ไม่ใช่ชุดธรรมดา เป็นชุดสำหรับผู้มีบุญมาสวมใส่

แล้วดูการออกแบบจีวรที่เราห่ม
พระพุทธเจ้ารับสั่งให้พระอานนท์ออกแบบ ถอดแบบมาจากคันนา เป็นช่องๆ
เนื่องจากผ้าในสมัยก่อนหายาก เวลาผ้าขาดช่องไหนจะได้นำผ้าผืนเล็กๆ มาปะซ่อมได้ง่าย
เป็นชุดที่ออกแบบดีแล้ว
ทันสมัยอยู่เสมอ
ชุดนอน ชุดเที่ยว ชุดเดียวกัน ใช้ได้ตั้งแต่เด็ก
อยู่ในท้อง เขาก็นิมนต์ไปทำบุญ
คลอดมาแล้ว ไปเยี่ยมเยียนก็ใช้ชุดนี้
จนกระทั่งถึงวันคล้ายวันเกิด วันแต่งงาน งานบำเพ็ญบุญ กระทั่งวันตาย
ตั้งแต่เกิดกระทั่งตาย เราไปชุดนี้
แต่ของชาวโลกเดี๋ยวนุ่งยาว นุ่งสั้น หลากสีสัน เพราะเขายังไม่รู้ว่าจะเอาอย่างไร
ชุดนี้สวมไปที่ไหนคนก็ยกมือไหว้ ถ้าสวมชุดอื่นต้องไปไหว้เขา
ชุดนี้แค่ประคองบาตรใบหนึ่ง ใครๆ เห็นก็ดีใจ มีอะไรก็อยากนำมาถวาย ข้าวปากหม้อ อาหารรสเลิศ นำมาใส่ให้
บางทีภายในบ้านเขายังไม่มีโอกาสได้ทานเลย
และน่าแปลก ยิ่งให้เขายิ่งดีใจ ซึ่งปกติชาวโลกยิ่งได้ยิ่งดีใจ
แต่เมื่อเห็นชุดของลูกเณร ดีอกดีใจ มาแล้ว ปลุกกันทั้งบ้าน ตื่นมาแต่เช้า เตรียมอาหารอย่างดีมาใส่บาตร
เพราะฉะนั้นลูกเณรให้รู้เถอะนะว่าลูกเณรเป็นผู้มีบุญมีบารมีมากที่ได้สวมเครื่องแบบชุดนี้

ชุดนี้สำคัญ ต้องรักษาเครื่องแบบชุดนี้ให้ยิ่งกว่าชีวิต คือ ตายได้ แต่ว่าเครื่องแบบนี้จะต้องรักษาไว้อยู่แนบกาย
เป็นชุดที่มนุษย์ เทวดา เคารพกราบไหว้
เป็นชุดที่พระราชามหากษัตริย์สละราชสมบัติมานับภพนับชาติไม่ถ้วนเลย เพื่อที่จะมาครองเพศนี้ ครองเครื่องแบบชุดนี้

โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
วันที่ วันอังคารที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๙
ที่มา
หนังสือ ผ้าสีสุดท้าย
อ่านในรูปแบบ EBook ที่นี่

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *