พระรัตนตรัยคือ ที่พึ่งที่แท้จริงของชาวโลก
วันนี้เรามาประชุมพร้อมกันเพื่อแสวงหาพระรัตนตรัย ซึ่งเปีนที่พื่งที่ระลึกที่อยู่ภายในตัวของเรา นอกเหนือจากพระรัตนตรัยภายนอกคือพุทธปฏิมากร พระธรรมคำสอน และพระสงฆ์ ก็มีพระรัตนตรัยภายในที่อยู่ในกลางกายของเราทุกๆ คน ได้แก่พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้แหละเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทั้งหลาย สิ่งอื่นที่จะเป็นที่พึ่งที่ระลึกยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เราจะต้องตั้งใจปฏิบัติให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ นี้ให้ได้ โดยอาศัย อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ เอาตัวของเรานี่แหละเป็นที่พึ่ง อาศัยกายที่เรานั่งเข้าที่อยู่นี้ ประกอบความเพียร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านตรัสสอนพวกเราทั้งหลายว่า “เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย จงเป็นผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย” ที่พระองค์ตรัสอย่างนี้ก็เพราะว่าตัวของเรานี่แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งให้กับตัวเองได้ดีที่สุด คือท่านแนะนำให้เอากายนี่ฝึกฝนปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมะภายในให้ได้ จะได้ยึดเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง
เพราะสิ่งอื่นไม่ใช่ ยังพึ่งได้ไม่สมบูรณ์ ให้เอาธรรมะที่เราได้เข้าถึงนี่แหละ เป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นสรณะ อย่าเอาอย่างอื่นเป็นสรณะ เนี่องจากชีวิตของเราเป็นทุกข์ มีทั้งทุกข์ประจำแล้วก็ทุกข์ที่จรมา เมื่อชีวิตมีทุกข์ก็จำเป็นต้องมีที่พึ่ง และที่พึ่งนั้นต้องสามารถ พึ่งได้ทุกหนทุกแห่ง พึ่งได้ตลอดเวลา ให้ความอบอุ่น ความปลอดภัยในชีวิตได้ ทั้งภัยในสังสารวัฏ ภัยในอบายภูมิ ช่วยได้หมด ธรรมะที่เราได้เข้าถึงนั่นแหละจึงจะเป็นที่พึ่งได้อย่างแท้จริง มีพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้แหละที่จะพึ่งได้ ๓ อย่างนี้อยู่ในตัวของเรา มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม เมื่อเข้าถึงได้แล้ว เราจะมีดวามสุข มีความบริสุทธิ์ แล้วก็มีความรู้แจ้ง จะรู้เรี่องราวของชีวิตเรา แล้วก็รู้หนทางที่จะไปถึงที่หมายได้โดยปลอดภัย
พุทธรัตนะได้แก่ พระธรรมกายที่ใสเป็นแก้ว ถ้าเราเข้าถึงด้วยตัวเอง เราก็จะเห็นท่านได้ชัดใสแจ่ม ชัดเจนทีเดียว ลักษณะก็คล้ายๆ พุทธปฏิมากร เกตุดอกบัวตูม ใสเกินใส ใสเป็นเพชร สวยเกินสวย งามไม่มีที่ติ ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ นั่งขัดสมาธิเจริญภาวนา หันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา เห็นท่านแล้วเราจะรู้สึกอบอุ่นใจ ปลอดภัย รู้สึกปลอดภัยทีเดียว ทุกข์ทั้งหลายก็ดับไป เมื่อเข้าถึงพุทธรัตนะ จนกระทั่งเราลืมความทุกข์ทั้งหลายไปเลย นึกไม่ออกว่าเมื่อสักครู่นี้มีความทุกข์ได้อย่างไร เพราะพระรัตนตรัยนั้นเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง
ธรรมรัตนะ คือดวงธรรมใสๆ ที่อยู่ในกลางกายของพุทธรัตนะ เป็นที่รวมพระธรรมคำสอน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ความรู้ทั้งหมดในทางพระพุทธศาสนาก็กลั่นออกมาจากกลางธรรมรัตนะนี่แหละ
สังฆรัตนะ คือพระธรรมกายละเอียดที่ซ้อนอยู่ในกลางดวงธรรม รักษาธรรมรัตนะเอาไว้ ๓ อย่างนี้เป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริงของเราและของชาวโลกทั้งหลาย ถ้าเห็นได้อย่างนี้ก็เรียกว่าเห็นธรรม เข้าถึงได้อย่างนี้ก็เรียกว่าถึงไตรสรณคมน์ คือใจแล่นเข้าไปถึงสรณะทั้ง ๓ ภายใน ไปเป็นอันหนี่งอันเดียวกับท่าน จะเข้าถึงท่านได้ ใจด้องหยุด ต้องนี่ง
ดังนั้น หยุดนี่งจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ได้ เราต้องหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดให้นิ่งให้ได้ เอาตัวของเรา เอากายของเรานี่แหละ เป็นที่ฝึกฝนอบรมจิต เป็นทางผ่านของใจให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายใน นี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตเราทีเดียว
ถ้าหากว่าไม่มีพระพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น ไม่มีหลวงพ่อวัดปากนํ้าภาษีเจริญ มารื้อฟื้นคำสอนขึ้นมาใหม่ ไม่มีคุณยายอาจารย์ของเรามาสืบทอดแล้วก็สั่งสอนกันต่อๆ มา เราก็คงไม่รู้ว่าในตัวของเรานี้มีพระรัตนตรัย ไม่รู้วิธีการที่จะเข้าถึงพระรัตนตรัย เราก็จะไม่มีสิทธิ์ที่จะพบสรณะที่แท้จริงไปจนตลอดชีวิต ก็จะมีชีวิตสะเปะสะปะกันไปวันๆ วิ่งวุ่นไปตามความทะยานอยาก ยินดียินรัายกันเรื่อยๆไป เดี๋ยวมีสุขมีทุกข์กันไปอย่างนั้นแหละ ใจไม่คงที่ มีขึ้นมีลงตลอดเวลา
แต่ผู้รู้ท่านจะสอนตรงกันหมด คือ สอนให้หยุดจากความอยากทั้งปวง หยุดตรงกับคำว่า นิโรธะ นิโรธะ แปลว่าหยุด ก็คือเอาใจนั้นหยุดลงไปตรงศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เอากายหรือเอาตัวของเรานี่แหละเป็นฐานที่ตั้งสำหรับหยุดใจ หยุดจากทุกสิ่ง หยุดแม้กระทั้งความคิด หยุดอยู่ภายใน ให้ใจกลับมาอยู่กับเนี้อกับตัวของเรา กลับมาอยู่ในฐานที่ตั้งดั้งเดิมของใจ คือศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพราะตำแหน่งนี้เป็นที่บังเกิดขึ้นของรัตนะทั้ง ๓ ที่เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วก็เป็นตัวตนที่แท้จริงของเรา
วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๓
โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ที่มา หนังสือ แม่บทเดินทางข้ามวัฏสงสาร