เล่าเรื่อง งานของหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร

. เรียบเรียงโอวาท ( )
นาทีที่ 1.48.00
การบรรยายธรรมเรื่องราวหลวงปู่ พระผู้ปราบมาร
วันนี้อาตมาจะมาบรรยายธรรมถึงความสำคัญของอนุสรณ์สถานแห่งที่ 6 คือวัดปากน้ำภาษีเจริญ สิ่งที่บรรยายนี้ก็สะสมสิ่งละอันพันละน้อยจากการได้ยินได้ฟังเรื่องราวจากครูไม่ใหญ่
40 กว่าปีที่อยู่กับท่านฟังท่านมาเรื่อย ท่านคุยท่านสอนเพื่อเอามาเป็นเนติแบบแผนในการสร้างบารมีของเรา

ชีวประวัติของหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี(สด จันทสโร) พระผู้ปราบมาร เป็นสิ่งที่หน้าศึกษาน่าติดตาม เพื่อจะเป็นแง่คิดในการสร้างบารมีของเรา เบื้องต้นท่านทำงานเป็นพ่อค้าข้าว รวบรวมทรัพย์ให้มารดา จนอายุ 22 ปี ขอกราบลามารดาออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาวัดสองพี่น้องจังหวัดสุพรรณบุรี ในปีพุทธศักราช 2449

เมื่อบวชแล้วเจริญสมาธิภาวนาไม่เคยขาดเลยแม้แต่เพียงวันเดียว จนกลางพรรษาที่ 12 ก็ได้บรรลุธรรม เข้าถึงพระธรรมกายในตัว ซึ่งเป็นกายตรัสรู้ธรรม ปีนั้นคือปี 2460 หลวงปู่บอกว่า กายตรัสรู้ธรรมที่เห็น เป็นกายที่สวยงามมาก ประกอบลักษณะมหาบุรุษครบถ้วน มีเกตุดอกบัวตูมใสบริสุทธิ์ ใสเกินใส ใสกว่าเพชรที่มีอยู่ในโลก แล้วก็นั่งสมาธิอยู่บนแผ่นฌานใสๆ เพราะฉะนั้นเมื่อท่านได้บรรลุธรรมนี้แล้ว พอพ้นพรรษาที่ 12 หลวงปู่ก็มาสอนธรรมะปฏิบัติครั้งแรกที่วัดบางปลา ก็ได้พยานบุคคลที่บรรลุธรรมเหมือนกับท่านคือพระภิกษุสังวาลย์ พระภิกษุแบน พระภิกษุอ่วม แล้วปีนั้นท่านก็โปรดหมู่ญาติและเพื่อนสหธรรมิกที่จังหวัดสุพรรณบุรี

ต่อมาพระผู้ใหญ่คือพระธรรมปิฎก (เผื่อน ติสฺสทตฺตเถระ) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงปู่ที่วัดพระเชตุพน เล็งเห็นความสามารถของหลวงปู่ที่จะทำคุณประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนาได้ ท่านจึงมีบัญชาให้หลวงปู่เดินทางมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ซึ่งสมัยนั้นเจ้าอาวาสที่ตำแหน่งเดิมนั้นยังว่างอยู่ ในปี พุทธศักราช 2474 วัดปากน้ำในสมัยแรกที่หลวงปู่ไป ก็เป็นวัดที่ทรุดโทรมมาก มีสภาพกึ่งวัดร้าง สภาพในวัดทั้งหมดส่วนมากเป็นสวน สวนหมาก สวนพลู สวนมะพร้าว มีศาลากลางเก่าใหม่ กุฏิก็มีไม่กี่หลัง เป็นกุฏิเล็กที่อยู่ได้คนเดียว กุฎิก็ตั้งอยู่ตามร่องสวน มีพระภิกษุอยู่ในพื้นที่นั้น เป็นอยู่อยู่มาก่อนแล้ว 13 รูป พระภิกษุในสมัยนั้นยุคนั้นก็อยู่กันอย่างธรรมดาไม่ค่อยมีใครเคร่งครัดนัก ก็เลยย่อย่นต่อการประพฤติปฏิบัติ ทั้งปริยัติทั้งปฏิบัติ หลวงปู่เห็นสภาพนี้แล้ว ก็คิดว่าวัดปากน้ำเป็นวัดที่เราก็จะต้องอยู่จนตลอดชีวิตนะ ก็เลยตั้งใจที่จะพัฒนาวัดปากน้ำให้เจริญรุ่งเรืองให้ยิ่งยิ่งขึ้นไป

หลวงปู่มุ่งมั่นที่จะดูแลวัดให้เจริญก้าวหน้าทางด้านความเป็นอยู่ต่างๆในวัด การอบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณรตลอดจนถึงการเทศน์สอนคฤหัตถ์ชาวบ้านทั่วไป ท่านก็ค่อยๆวางกฎระเบียบแบบแผนต่างๆ ซึ่งจะนำพามาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง แม้แต่ในช่วงนั้นอาจจะมีอุปสรรคบ้างเล็กน้อยบางประการอย่างมากมาย แต่หลวงปู่ก็ไม่ใช่ย่อท้อ ท่านก็บอกว่า “มันเป็นการเพิ่มขันติบารมีให้กับท่าน” ท่านบำรุงดูแลรักษาวัดเป็นอย่างดี จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับของทั้งพระผู้ใหญ่ ของชาวบ้าน แล้วก็หน่วยงานราชการ

ต่อมาหลวงปู่ก็ได้ตั้งโรงครัวขึ้น เนื่องจากว่ามีพระภิกษุสามเณรเริ่มทยอยมีมากขึ้น ท่านไม่ต้องการให้พระภิกษุสามเณรมีความกังวลเรื่องภัตตาหาร คือไม่ต้องไปบิณฑบาต จะได้มีเวลาสำหรับการศึกษาพระปริยัติ มีเวลาสำหรับการประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่

เริ่มสร้างโรงครัวแต่สมัยแรก มีพระเณรประมาณ 30 รูป แล้วก็เพิ่มเรื่อยมาจนกระทั่ง 700 รูป เลี้ยงพระทุกวัน ต่อเนื่องเช้าเพลไม่ขาดเลย จนกระทั่งบางปี มีพระเณร อุบาสก อุบาสิกา แม่ชี รวมกัน 1200 ก็ยังเคยมี หลวงปู่ก็พัฒนาวัดปากน้ำไปด้วย สอนธรรมะปฏิบัติไปด้วย ค้นคว้าวิชชาธรรมกายไปด้วย ด้วยความตั้งใจมุ่งมั่นของหลวงปู่ ยิ่งค้นคว้าวิชชาไป ก็ยิ่งแตกฉาน จนกระทั่งเข้าไปรู้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับหน้าที่ของท่านว่า ท่านต้องมาเกิด เพื่อทำหน้าที่สำคัญ และก็มีทีมงาน ทีมงานที่จะทำงานมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ไปขจัดต้นตอของกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น

หลวงปู่ก็เข้าสมาธิตรวจตราเข้ากลางของกลางไปเรื่อย ค้นวิชชาไปเรื่อย ครั้นรวบรวมทีมงานมาได้กลุ่มหนึ่งแล้ว ก็เริ่มสร้างโรงงานทำวิชชา แล้วก็เริ่มทำวิชชาขึ้นในปีพุทธศักราช 2475 ช่วงนั้นท่านอายุได้ประมาณ 47 ปี รวมทีมงานที่บรรลุธรรมกาย และชุดที่เป็นธาตุธรรมพิเศษ ให้มาศึกษาวิชชาธรรมกายชั้นสูงในโรงงานทำวิชชาของท่าน โดยที่ให้แต่ละท่านนั้นแบ่งช่วงกันทำหน้าที่ ทำหน้าที่ค้นวิชชาธรรมกายทั้งวันทั้งคืนนะ ตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 2 กะ กะกลางวัน กะกลางคืน ค้นคว้าวิชชาธรรมกายไม่หยุดเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพื่อจะค้นคว้าไปหาที่สุดแห่งธรรมที่เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อจะได้แก้ไขที่ต้นเหตุให้ถูกต้อง ในโรงงานทำวิชชาก็มีทั้งทีมพระเณร และมีทั้งทีมแม่ชีช่วยกันประกอบวิชชาธรรมกาย ทั้งนี้ก็มีคุณยายของเรา คือคุณยายจันทร์ ขนนกยูง กับคุณยายทองสุข สำแดงปั้นของเรา รวมอยู่ในทีมด้วย โดยคุณยายจันทร์ของเรา ท่านได้รับความไว้วางใจจากหลวงปู่มอบหมายให้เป็นหัวหน้าเวร หัวหน้าเวรก็คือ จะต้องคอยคุมทีมขณะนั่งธรรมะ ต้องรับผิดชอบในการค้นเรื่องราวเหตุการณ์ ทั้งเหตุทั้งผลที่ต้องคอยตอบหลวงปู่ ตามที่ท่านจะซักถามตามหลักวิชชา

พอหลวงปู่ตั้งโรงงานทำวิชชาได้ไม่นาน เนื่องจากว่าท่านไปค้นเรื่องราวของพญามาร ก็เลยโดนลุยเลย พอตั้งโรงงานทำวิชชาไม่นาน ก็สงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิด มีการฆ่าฟันกันตายเกือบทั่วโลก หลวงปู่ก็ได้ใช้วิชชาธรรมกายไปช่วยแก้ไขเหตุการณ์บ้านเมือง ไม่ให้มนุษย์รบกันเอง คือช่วยประเทศชาติให้ปลอดภัย โดยให้ทีมโรงงานทำวิชชาของท่านช่วยกันอธิษฐาน ท่านบอกว่า อธิษฐานทำเมืองให้เป็นป่าทำป่าให้เป็นเมือง ให้เครื่องบินมาทิ้งระเบิดนั้นทิ้งผิดตำแหน่ง ไม่ทำอันตรายใด ๆให้กับมนุษย์ เอาประเทศไปซ่อนด้วยวิชชาธรรมกาย อธิษฐานปัดลูกระเบิดให้ไปลงทะเล ให้ไปเข้าป่า อย่าให้มาทำอันตรายกับมนุษย์ ท่านทำอย่างนี้ช่วยประเทศจนกระทั่งจบสงคราม

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง หลวงปู่ก็เลยเริ่มเผยแผ่วิชชาธรรมกายอย่างจริงจัง โดยกระจายไปตามต่างจังหวัด ทั่วประเทศ ส่งทั้งพระ ทั้งแม่ชีชุดปฏิบัติธรรมหมุนเวียนกันไปทำหน้าที่เผยแผ่ และก็ช่วยกันแก้ทุกข์โรคภัยให้กับญาติโยมไปด้วย ใครมีทุกข์โศกโรคภัยก็มาขอบารมีหลวงปู่ ในวันที่หลวงปู่รับแขก ขอบารมีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นทุกข์ของตนเอง หลวงปู่ก็ใช้วิชชาธรรมกายเข้าช่วยแก้ไข โดยให้ชุดทำวิชชาในโรงงานทำวิชชา ช่วยกันแก้ไขทุกข์ของมนุษย์ไปด้วย ฝนแล้ง ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ไร่นาเสียหาย มาขอบารมีหลวงปู่ เพราะฉะนั้นหลวงปู่ก็เลยเป็นที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลาย ที่มาศรัทธาหลวงปู่ ช่วงนั้นญาติโยมก็มากันเยอะ พระเณรก็เยอะ

หลวงปู่บอกว่ามนุษย์ก็เหมือนหุ่น เกิดมาไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ไม่รู้ว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรเป็นเป้าหมายชีวิตที่แท้จริง ไม่รู้แล้วก็ยังไม่คิดที่จะแสวงหาความรู้ด้วย เกิดมายังไงก็ทำไปอย่างนั้นแหละทำตามตามกันไปอย่างนั้นแหละ เอาเรื่องเอาราวอะไรก็ไม่ได้ ปล่อยให้เชิดอยู่ตลอดเวลาเหมือนหุ่นกระบอก หุ่นกระบอกจะเดินเรื่องได้ต้องมีคนเชิด มนุษย์ก็เหมือนหุ่นเชิด บุญกับบาปเชิดอยู่
ถ้าปล่อยใจให้บาปอกุศลเข้าไปยึดครองพื้นที่ในศูนย์กลางกายได้ บาปก็บังคับ ให้คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว แต่ถ้ามนุษย์ให้ฝ่ายบุญกุศลเข้ามายึดครองพื้นที่ในศูนย์กลางกายได้ ก็จะมีจิตที่เป็นกุศล คิดดี พูดดี ทำแต่สิ่งที่ดีๆ หลวงปู่บอกว่า การรบกันในเมืองมนุษย์มันเหมือนเด็กเล่นขายของ เล่นเล่นไป เดี๋ยวก็ทะเลาะกัน เดี๋ยวก็ดีกัน เหมือนอย่างนั้นจริงๆ

ที่จริงแล้วการรบที่เห็นในเมืองมนุษย์ เป็นการรบของฝ่ายบุญกับฝ่ายบาป ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน มันเป็นเพียงสงครามตัวแทน ท่านใช้คำว่าสงครามตัวแทนเท่านั้นแหละ เพราะมนุษย์ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย ก็เลยถูกพญามารจัดปั่นเหมือนจิ้งหรีด ให้กัดกัน ให้ทำร้ายกัน ให้ฆ่ากัน เขาเอากิเลสอาสวะมาบังคับ แล้วก็บดบังไม่ให้รู้เป้าหมายของการเกิดมา ที่ว่าจะต้องเกิดมาเพื่อมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรม และก็ไม่รู้ด้วยว่า มนุษย์ต่างก็ล้วนเคยเป็นญาติกัน เคยเป็นครอบครัวเดียวกัน เคยเป็นพี่เป็นน้องกัน แต่ว่าเพราะวิบากกรรมที่ทำเอาไว้ในแต่ละภพชาติ ส่งผลบีบบังคับให้พลัดพรากให้กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ ต่างบ้าน ต่างตำบล ต่างอำเภอ ต่างเมือง ต่างประเทศ ต่างภาษา ต่างความเชื่อ ต่างเผ่าพันธุ์ ต่างสิ่งแวดล้อม ให้มีความแตกต่างไปเรื่อย เป้าหมายเพื่อจะทำให้มนุษย์ไม่สามารถรวมกันได้ติด นี้เป็นฝีมือของพญามาร เขาแหละ

หลวงปู่ก็พยายามค้นคว้าแก้ไข  จนกระทั่งหลวงปู่ได้ค้นไปถึงละเอียดเข้าละเอียดเข้า ก็พบว่า ต้นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวงเกิดมาจากพญามาร พญามาร คือ มันมีคำว่าพญาอยู่ข้างหน้า คงไม่ธรรมดา พญามารเขาก็ระดมเสนามาร คือมีเสนาด้วย ไม่ใช่มารธรรมดา พญามารระดมเหล่าเสนามาร 5 ฝูงเข้ามา ทั้ง ก. ท. ม. ข. อ. คงจำกันได้ที่หลวงพ่อครูไม่ใหญ่บอกเรื่อยๆ ทั้งกิเลสมาร เทวบุตรมาร มัจจุมาร ขันธมาร อภิสังขารมาร รุมกันเข้ามาเลย แล้วก็เอาความโลภ ความโกรธ ความหลง ทับทวีใส่เข้าไปในใจของมนุษย์ผู้ไม่รู้เล่ห์กลของพญามาร

พอมนุษย์ไม่รู้ก็เผลอล่วงละเมิดไปทำเข้า พอทำความไม่ดีเข้า เขาก็เอาวิบากกรรมเข้ามาบังคับ บังคับด้วย ปรับคดีด้วย ทำความชั่วนิดเดียวไม่กี่นาที แต่ไปขยายผลในนรกเป็นล้านๆปี เอาความแก่ ความเจ็บ ความตายมาบังคับให้กายมนุษย์เสื่อมค่าไปเร็วๆ ให้อ่อนกำลัง ให้ตายเร็วๆ จะได้สร้างบุญได้น้อยๆ พอตายแล้วก็เอาไปกักขังในนรกขุมต่างๆ ให้เสวยทุกข์ทรมานนานๆ ยึดกายมนุษย์เปลี่ยนใหม่เป็นกายสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสูรกาย เดิมที่เกิดเป็นมนุษย์มีบุญระดับนึงนะ ที่ทำให้ได้กายมนุษย์มา พอมาพลาดพลั้งทำความชั่ว (สิ่งที่เป็นกลลวงของพญามาร) ก็ทำให้ถูกยึดกายมนุษย์ มาเจอกันครั้งแรกก็ สวัสดีครับ สวัสดีคะ เจอกันอีกที..ร้องเหมียวๆ ถูกยึดกายมนุษย์แล้ว คุณยายอาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่า หมู หมา กา ไก่ที่เราเห็นกัน ข้างในเป็นกายมนุษย์ทั้งนั้นแหละ เป็นอดีตมนุษย์ แต่ว่าพลาดพลั้งทำกรรมชั่ว ก็เลยต้องถูกยึดกายมนุษย์ไป ได้กายอะไรมาก็ไม่รู้

หลวงปู่ ท่านรู้ท่านเห็นเรื่องราวเบื้องหลังของเหตุนี้ตลอดหมด ท่านจึงไม่ยอม ไม่ยอมให้พญามารมาข่มเหงรังแกพระ ท่านไปเห็นเหตุการณ์ก็รู้ว่า อ้อ..นี่มันเรื่องพญามารมาข่มเหงรังแกพระนี่เอง พญามารทำอะไรก็ไม่เป็น หากินก็ไม่เป็น เป็นแต่รังแกพระนั้นแหละ อาชีพหลักของเขาเลย คอยรังแกพระ ข่มขู่พระ ข่มขู่พยานของพระ

เพราะฉะนั้นหลวงปู่จึงไม่ให้พญามารมารังแกพระ หลวงปู่จึงใช้วิชชาธรรมกายแก้ไข แก้ไขเหตุในเหตุ เหตุในเหตุ เรื่อยมา ทำทุกวัน ทำทุกคืน ไม่มีหยุดเลย แก้ไขให้มนุษย์ ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ใจขอ หลวงปู่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นนะ แก้ไขไม่ให้แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ท่านเคยบอกไว้ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม พุทธศักราช 2497 “…ผู้เทศน์ ทำวิชชาฯนี่มา 22 ปี 8 เดือน 9 วัน” แสดงว่าท่านนับของท่านมา ไม่มีหยุดเลย หลวงปู่บอกไว้ถ้างานยังไม่เสร็จผู้เทศน์ยอมตาย ยอมตายไม่ยอมถอย ยอมตายอยู่วัดปากน้ำนี่แหละ จะไม่ไปแรมราตรีที่ไหน ไม่ถอยก็สู้กันสุดฤทธิ์สุดเดช เอาให้หมดแก หมดเจ็บ หมดตายของพญามารให้ได้ ให้พญามารแพ้ให้ได้ เพราะฉะนั้นเราจึงถวายมงคลนามแก่ท่านว่า “พระผู้ปราบมาร”

ท่านดูแลพวกเราขนาดนี้นะ คอยปราบมารให้พวกเรามีความสุข นี่คือพลังใจยิ่งใหญ่ของหลวงปู่ ท่านจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ “ไม่ได้ไม่ยอมกันละ ไม่ได้ตายเถอะ” นี่เป็นคำของท่านเลยนะ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ท่านทำมาเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เป็นงานละเอียดภายใน เราอาจจะมองไม่เห็น แต่ว่าผู้รู้ผู้เห็นก็มี ผู้เข้าถึงพระธรรมกาย ศึกษาวิชชาธรรมกาย เขาก็รู้เห็นกัน นั่นเป็นงานละเอียด ไม่เสร็จไม่เลิก นี่เป็นอัธยาศรัยของท่าน

พวกเราเหมือนกัน Zoom เป็นของเห็นๆ ล้านซูม กระดึ้บๆ ยังไปได้ไม่ถึงไหน เพราะฉะนั้น ก็ทำอย่างหลวงปู่ ไม่ได้ตายเถอะ เดี๋ยวก็ได้แน่นอน ญาติโยมที่อยู่ทั่วโลกช่วยกัน เรามีทีมงานมาสร้างบารมีกันมากมายเป็นล้านล้าน ฉะนั้นต้องช่วยกันตามทีมงาน อายุขัยเราไม่คอย เดี๋ยวจะหมดเวลาซะก่อน

หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ได้เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า สิ่งที่พญามารกลัวมากที่สุด คือ กลัวกายมนุษย์ กายมนุษย์นี้สำคัญ พระโพธิสัตว์ พระบรมโพธิสัตว์ จะสร้างบารมีต้องมาสร้างที่กายมนุษย์ พระพุทธเจ้าจะต้องตรัสรู้ด้วยกายมนุษย์อย่างเดียว ไม่เคยตรัสรู้กายไหนเลย เพราะฉะนั้นกายมนุษย์นี้สำคัญ เป็นกายที่พญามารเขากลัวที่สุด โดยเฉพาะกายมนุษย์ที่ “เป็นผู้รู้” เพราะว่าจะไปรู้เรื่องราวของเขาหมด แล้วไปทำความเห็นให้ตรงให้ถูกต้อง เมื่อความเห็นถูกต้องแล้วก็จะไปแก้ไขผังของเขา แล้วก็จะมุ่งไปปราบพญามารให้หมดสิ้น

นี่แหละกายมนุษย์ผู้รู้จะเป็นอย่างนั้น นี่คือสิ่งที่เขากลัวกายมนุษย์ โดยเฉพาะกายมนุษย์ที่เป็นผู้รู้ ที่เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วก็ศึกษาวิชาธรรมกาย ชุดนี้แหละสำคัญที่สุดที่พญามารกลัวที่สุด คือพยายามกีดขวางทุกวิถีทาง ให้การเกิดเป็นมนุษย์ “ยาก” มนุษย์นี้เกิดยาก แต่เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ได้แล้ว ก็พยายามไม่ให้รู้เรื่องราวใดๆทั้งสิ้น ให้ลืมให้หมด ในอดีตชาติที่ผ่านมา ให้ลืมไปให้หมด นี้เป็นอิทธิฤทธิ์ของพญามาร ลืมแม้กระทั่งเป้าหมายในชีวิต ก็ลืม

ก่อนมาเกิดก็ตั้งใจดีๆ พอมาเกิดก็ลืมหมดเลย ลืมว่า เกิดมาทำไม มีเป้าหมายอะไร เพราะฉะนั้นเราโชคดีที่ได้กายมนุษย์มาแล้วนะ เราต้องถนอมรักษาไว้ดีๆนะ กายมนุษย์เขามีไว้ให้สร้างบารมีนะ ไม่ใช่ให้ไปทำอย่างอื่น ให้สร้างบารมี มีมาไว้ให้เข้าถึงพระธรรมกาย ให้มาศึกษาวิชาธรรมกาย นี่เป็นเรื่องหลักนะ ส่วนเรื่องรวยยังเป็นเรื่องรองนะ

เพราะฉะนั้นต้องให้เข้าใจ ชิงช่วงก่อนที่จะถูกช่วงชิง เอากายมนุษย์ที่แข็งแรงมาสร้างบุญสร้างบารมี มาปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้อย่างรีบด่วน อย่าเอากายมนุษย์ไปถล่มทลายในอบายมุขทั้งหลาย หรือสิ่งไม่ควร เพราะเดี๋ยวจะพลาดพลั้งไป มันจะเสียโอกาส เสียโอกาสที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และเราก็ไม่ได้ใช้กายมนุษย์สร้างบารมีได้อย่างเต็มตามความปรารถนา เพราะฉะนั้นต้องสอนตัวเอง เตือนตัวเองให้ดี ๆนะ

หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่เคยบอกไว้ว่า การบังเกิดขึ้นของวิชชาธรรมกาย โดยพระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร เป็นเรื่องไม่ธรรมดา การปราบมารที่หลวงปู่หมายถึงนี้คือ การปราบมารไปที่รากเหง้าของพญามาร ที่เป็นรากเหง้าของต้นๆของพญามาร เมื่อกี้พูดถึงพญามาร มี “พญา” อยู่ข้างหน้าแล้ว เราก็คิดว่าบิ๊กหรือใหญ่แล้วนะ นี่ไปต้นๆกว่านั้นอีก

ถ้าปราบมารตรงนี้ได้ สิ่งที่ทุกคนถูกปกปิดมานาน ก็จะถูกเปิดเผยโดยถาวร วัฏฏะ ก็จะถูกทำลายไป การเชื่อมโยงของจักรวาลต่าง ๆ ที่มีอนันตจักรวาลแสนโกฎิจักรวาล ก็จะเกิดขึ้น มนุษย์ก็จะเปลี่ยนแปลงจากผู้ไม่รู้มาเป็นผู้รู้ พูดเหมือนกัน คิดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน ความแตกต่างก็จะหมดไปจากโลก ไม่ว่าจะแตกต่างทางด้านรูปสมบัติ คุณสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ฐานะ ชนชั้นวรรณะต่างๆ จะถูกละลายหายสูญไปหมด กายดั้งเดิมของมนุษย์แต่ละคนที่สวยงามประดุจกายมหาบุรุษก็จะถูกนำกลับคืนมา เพื่อใช้สร้างบุญบารมีให้ดียิ่งๆขึ้นไปอีก

พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านจึงมีพระคุณมากมายมหาศาล
ลองคิดดูถ้าไม่มีหลวงปู่ ชีวิตเราอาจจะต้องกระจัดกระจายไปตามที่ต่างๆ ไม่ได้มารวมกันอย่างนี้
ที่พวกเรามารวมกันอยู่ได้ก็ด้วยบุญบารมีหลวงปู่ตามมา
บารมีหลวงปู่ บารมีคุณครูไม่ใหญ่ คุณยายอาจารย์ช่วยกันตามมา มาเกิดมาสร้างบุญสร้างบารมี
ไม่งั้นชีวิตเราก็จะกระจัดกระจายไปในที่ต่างๆแล้ว
และชีวิตก็จะไม่มีเป้าหมายที่เด่นชัดแน่นอน คล้ายๆกับชาวโลกทั่วๆไป
ซึ่งอาจจะเผลอทำผิดทำพลาดพลัดไปสู่อบาย
เพราะฉะนั้นท่านช่วยปิดนรก เปิดหนทางสวรรค์ บอกทางพระนิพพานให้กับเรา สอนให้เรารู้จักเข้าถึงพระธรรมกายอันเป็นสรณะที่พึ่งที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นหลวงปู่ท่านเป็นบุคคลที่มีพระคุณมหาศาล ทั้งต่อตัวเรา ต่อชาวโลก ต่อพระพุทธศาสนา ต่อถธาตุต่อธรรม
ท่านสอนไว้ว่า หนทางที่จะไปสู่อายตนะนิพพาน ต้องผ่านศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ต้องผ่านเส้นทางนี้
แสดงว่าท่านผ่านมาจนชำนาญแล้วท่านถึงบอกเหนทางนี้ได้
เพราะฉะนั้นต้องผ่านเส้นทางนี้เท่านั้น ผ่านเข้าไปทางศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ด้วยวิธีการทำใจหยุดใจนิ่งอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะเข้าถึงพระธรรมกายภายในตัวได้
ท่านได้บอกทั้งวิธีการ บอกหนทาง บอกจุดหมายปลายทาง บอกหมดเลย
เพื่อไม่ให้มีความลับ แล้วก็ยังให้บทสรุปเอาไว้ด้วย
“หยุดเป็นตัวสำเร็จ”
ตลอดเส้นทางนี้ใช้ “หยุดเป็นตัวสำเร็จ” เท่านั้น ถึงพระนิพพานถึงที่สุดแห่งธรรม แน่นอน
ในกายธรรมก็จะมีกายธรรมซ้อนๆๆเข้าไปอีกนับอสงไขไม่ถ้วน
ยิ่งซ้อนเข้าไปยิ่งใสยิ่งสะอาดยิ่งบริสุทธิ์หนักขึ้นไป ก็จะสามารถไปถึงที่สุดแห่งธรรมได้
เพราะฉะนั้นพระคุณหลวงปู่มากมายมหาศาล
แล้วหลวงปู่ยังไปค้นอีก
ธรรมทั้งหลายที่มีอยู่มันประกอบด้วยกุสะลาธัมมา อะกุสะลาธัมมา อัพยากะตาธัมมา
อย่างที่พวกเราได้เคยได้ยินได้ฟังกันบ่อยๆเวลาไปสวดงานศพ ก็เริ่มต้น กุสะลา ธัมมา อะกุสะลาธัมมา อัพยากะตา ธัมมา ธรรมทั้งสามมันมีอยู่จริงนะ มีตัวตนจริง อยู่ข้างในตัวเรานี่แหละ รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน ต่างกันก็แค่สีสรร
ธาตุธรรมทั้งสาม ก็ผลัดกันปกครองทั้ง อากาศโลก ขันธโลก สัตวโลก ทั้งสรรพสัตว์สรรพสิ่ง
ธรรมทั้งสามผลัดกันปกครอง ประมูลฤทธิ์กัน สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งสาม มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง มีไม่สุขไม่ทุกข์บ้าง
เพราะท่านเห็นจริงรู้จริง ท่านถึงเอาสิ่งเหล่านี้มาบอกได้ บรรยายได้ แยกแยะได้
ความเหมือนความต่าง บอกได้ละเอียดด้วย ว่า รูปร่างหน้าตาเหมือนกันแต่ต่างกันที่สีสัน
เจาะรายละเอียดมาให้ด้วย บอกที่อยู่ด้วย อยู่ในตัวเรานี่เอง ไม่ได้อยู่ตรงไหนไกล
บอกหน้าที่คุณสมบัติด้วยนะ แต่ละธาตุจะมีคุณสมบัติอย่างไร มีหน้าที่ทำอะไร แล้วบอกด้วยว่ากำลังทำอะไรอยู่
แสดงว่าต้องเจาะรายละเอียดมาจริงๆ ต้องรู้จริงเห็นจริงถึงจะไปหาความรู้อย่างนี้มาให้เราได้
หลวงปู่ท่านก็ได้ทำหยุดในหยุดภายในไปเรื่อย จนกระทั่งไปรู้ไปเห็นว่า
ตัวท่านถูกส่งมา ให้มาเกิดมาทำหน้าที่ ทำหน้าที่ปราบมารให้ถึงที่สุดเพื่อทาสธรรมทั้งหมดจะได้มีสันติสุขอันไพบูลย์
สิ่งเหล่านี้เราได้ทราบจากท่าน ความรู้นี้เราได้ทราบมาจากท่าน
ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเรามารวมกันอยู่ที่นี่ เพิ่งมาศึกษาให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
หลวงปู่จึงมีพระคุณต่อเราอย่างมากมายมหาศาล ไม่เคยมีใครในโลกให้ความรู้ชนิดนี้แกเราได้ ไม่ว่าจะเป็นศาสดาไหน ตำรับตำราไหนในโลก ไม่มีใครพูดถึงสิ่งเหล่านี้เลย เพราะว่าเขาไม่รู้
หลวงปู่ไปทั้งรู้ไปทั้งเห็น ไปเจาะเอาความรู้เหล่านี้มาให้พวกเราได้
ดังนั้นสมควรที่เราจะต้องทุ่มชีวิตสร้างบารมีไปกับท่าน กับการปฏิบัติตามคำสอนของท่าน
ท่านจะได้นำพาชีวิตของเราไปสู่เป้าหมายที่ถูกต้อง ปลอดภัย ไปถึงที่สุดแห่งธรรม
หลวงปู่นำพาชีวิตของเราไปนี้ เป้าหมายถูกต้องด้วย ปลอดภัยด้วย แล้วก็ไปถึงที่สุดแห่งธรรมด้วย
หลวงปู่บอกว่างานสร้างบารมีแบบนี้เป็นงานใหญ่นะ เป็นงานใหญ่มาก มันต้องทำกันเป็นทีม ให้ช่วยกันทางใดทางหนึ่ง
เมื่องานสำเร็จก็จะสำเร็จไปด้วยกัน
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกันทุกวิถีทาง ทำยังไงจะได้ล้านซูม เร่งด่วนนะเร่งด่วน
สังขารอายุเรามันไม่คอยนะ แล้วก็ถ้าเราถูกปิดกั้นมาวัดไม่ได้ เราสามารถศึกษาหาความรู้ได้จากซูม สำคัญทีเดียว
ต้องเร่งเอามาล้านซูมให้ได้อย่างเร็วๆๆไวๆ สำเร็จเป็นอัศจรรย์อย่างรีบด่วน

หลวงปู่สร้างบารมีอยู่ที่วัดปากน้ำตลอดจนสิ้นอายุขัยและก็ละโลกไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์พุทธศักราช 2502
3 กุมภาพันธ์ก็ใกล้จะถึงแล้ว
ช่วงธรรมญาตราเป็นช่วงโอกาสพิเศษที่เราจะได้บูชาธรรมหลวงปู่
เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ไพศาลเกินควรเกินค่าที่เดียว
ที่หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่พยายามเขี้ยวเข็นให้เรามาบูชาหลวงปู่กันนะช่วงนี้สำคัญ
แล้วเราจะต้องทำให้เป็นประเพณี เป็นกิจวัตรทุกปีเลย
พอช่วงนี้ของปี ก็มาเอาบุญกับหลวงปู่กัน
เราจะได้สร้างบารมีอยู่ในวงบุญพิเศษด้วยกัน ไปสู่ที่สุดแห่งธรรมตลอดเส้นทาง
ตลอดเส้นทางในวัฏสงสารจะได้สมบูรณ์ไปด้วยรูปสมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญสุข มรรคผลนิพพาน วิชชาธรรมกาย
เราก็จะสามารถระลึกชาติได้ และบรรลุธรรมตั้งแต่เยาว์วัย
เพราะฉะนั้นให้ทุกคนมีความปลื้มปิติยินดีกับสิ่งที่เราได้ทำไว้อย่างดีแล้วในวันนี้
เราก็ต้องตั้งใจมั่นไว้ว่า เราจะต้องสร้างบารมีให้ดียิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกในทุกๆวัน
คือวันนี้เราก็ทำดีแล้ว แต่ว่าวันรุ่งขึ้นเราต้องทำให้ดีกว่านี้อีกเราต้องเอาบุญของเราไปเยอะๆ
โครงการธรรมยาตราเหลืออีก 3 วันเท่านั้น ที่เราจะได้เอาบุญใหญ่กับหลวงปู่อย่างเต็มที่
เพราะฉะนั้นเราก็ต้องนึกถึงหลวงปู่ที่ศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดทั้งวันทั้งคืน ทุกวันทุกคืน ทั้งหลับตื่นนั่งนอนยืนเดิน เอาใจผูกติดแน่นกับหลวงปู่ไปให้ได้ตลอด
แล้ววันอาทิตย์ที่ 31 มกราคมนี้หลวงพ่อทัตตชีโวก็จะมาบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับอนุสรณ์สถานแห่งที่ 7 อยู่ที่วัดพระธรรมกาย
ก็ให้พระธรรมยาตราทุกรูป และกัลยาณมิตรทั่วโลก เตรียมตั้งใจติดตามฟังธรรมะจากท่าน ที่ท่านจะมาเมตตาบรรยายให้นะ
และในวันนั้นเราก็จะมีการรวมพระภิกษุทั่วโลกผ่านซูม สวดธรรมจักรและสวดรัตนสูตร วันที่ 31 สำคัญนะ
มาร่วมบุญร่วมใจกัน Zoomเข้ามาเยอะๆ จะได้มาเอาบุญกับหลวงปู่นะ

โอวาท พระครูสังฆรักษ์ รังสฤษดิ์ อิทธิจินตโก
วันที่
ที่มา

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *