โอวาทคุณครูไม่เล็ก

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓”

✍”ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓” . ที่ว่ากายเหมือนผ้าเช็ดเท้า ก็คือธรรมดาผ้าเช็ดเท้า เวลาใครเอาเท้าสกปรกๆ มาเช็ด มันเคยบ่นไหม ไม่เห็นมันบ่นเลย ไม่มีผ้าเช็ดเท้าบ้านไหนบ่นได้ . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ ท่านตั้งใจจะเตือนว่า คนเราจะทำงานอะไรก็ทำให้เต็มกำลังลงไป เป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว ไม่เลือกงาน และขอให้งานนั้นเป็นงานอาชีพ สุจริตก็ทำเข้าไป . คุณยายฯ ท่านพูดเสมอๆ ว่า ตั้งแต่เป็นเด็กมาแล้วถ้ามันถึงคราวจะต้องไปรับจ้างเขาเทกระโถนล้างกระโถนก็เอาเพราะมันเป็นอาชีพบริสุทธิ์ แต่จะให้ไปลักขโมยใครเขา หัวเด็ดตีนขาดยายไม่ยอมทำ . จะทำกายอย่างกับผ้าเช็ดเท้า ใครจะโขกจะสับอย่างไรก็ยอมล่ะ เพื่อให้ได้อาชีพที่สุจริต แต่จะให้ไปโกงไปกินเขา เพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ ไม่เอาเด็ดขาด . เพราะฉะนั้น ใครทำกายเหมือนผ้าเช็ดเท้าได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางกาย พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๓ ที่มา : หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๓๐

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ”

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ เพื่อหมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟังก็อย่าไปฟัง หรือฟังแล้วร้อนใจก็อย่าไปฟัง ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็หมดเรื่อง . เขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่า ถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้าตัวเขาเองนั่นแหละ . ปู่ย่าตายายมักเตือนหลานบ่อยๆ ว่า คนเราถูกด่าแล้ว พอฝึกใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่ง ที่เก่งกว่านั้นยังมี คือชมแล้วไม่ยิ้ม ใครชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ . เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้วมักจะยิ้ม โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ลูกถึงได้เต็มบ้าน หลานถึงได้เต็มเมือง . ไปได้ยินคำชมว่า น้องจ๊ะ น้องจ๋า สวยจริงๆ เลย ก็เลยไปเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้ก็สบาย ป่านนี้ก็ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนอกใจอะไรทั้งนั้น . เพราะฉะนั้น ใครทำหูเหมือนหูกระทะได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางหู พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๒ . ที่มา: หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๙-๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา …

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” Read More »

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่ . ตาไม้ไผ่ ถ้าเราไม่ริดเสีย ปล่อยให้ติดลำไผ่ไว้เป็นแขนงยาว ประมาณสักคืบกว่าๆ เราเหลือไว้อย่างนี้ตลอดลำไม้ไผ่ ก็ใช้สำหรับ เป็นที่เหยียบขึ้นแทนบันไดได้สบายๆ ซึ่งเรียกว่า “พะอง” . ชาวบ้านที่อยู่ในดงต้นตาล จะรู้จักประโยชน์ของพะองดี ว่าสามารถใช้เป็นบันไดสำหรับขึ้นต้นตาลสูงๆ . ตาเหมือนตาไม้ไผ่ อุปมาข้อนี้หมายถึงว่า นัยน์ตาของเรานั้น อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูมันเลย เหมือนอย่างตาไม้ไผ่ ซึ่งสักแต่ว่าเป็นตา แต่ใช้ตาดูไม่เป็นหรอก . ปู่ย่าตายายใช้อุปมาเช่นนี้ก็เพื่อจะบอกว่า อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดู ไม่ควรมองก็อย่าไปมอง อย่าเที่ยวไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านมากนัก เดี๋ยวใจจะฟุ้งช่าน เดี๋ยวจะมีเรื่องร้อนๆ เข้ามาในบ้าน . ให้ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ โดนเหยียบขึ้นไปๆ มันก็เฉยไม่เอาเรื่องกับใคร . ใครทำได้อย่างนี้ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางตา เป็น การพาให้ใจสงบในชั้นที่ ๑ . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๘ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น …

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑”
ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่
Read More »

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง”

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง” . การประคับประคองชีวิตคู่ของพ่อแม่ให้ลูกดูถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอันดับแรก คือการป้องกันการหย่าร้างระหว่างพ่อแม่เอง . และอันดับสอง คือเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้ลูกสามารถเลือกคู่ครองเป็น และสามารถประคับประคองครอบครัว ให้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อเขาเติบโตอยู่ในวัยที่มีคู่ครองได้แล้ว . สำหรับเรื่องนี้ โบราณได้ให้หลักธรรมในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ลดปัญหาการกระทบกระทั่งในชีวิตคู่ และป้องกันปัญหาการหย่าร้างไว้ ๔ คำด้วยกัน . คือ ๑. ตา เหมือน ตาไม้ ๒. หู เหมือน หูกระทะ ๓. กาย เหมือน ผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้า ๔. ใจ ประดุจ แผ่นดิน . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย “2562 มีวัดร้างทั่วประเทศ 7,000 กว่าวัด ประชากรไทยประมาณ 65 ล้าน คนเพิ่มขึ้นวัดร้างน่าจะหมด แต่!วัดร้างก็เพิ่มขึ้น นี่คือตัวเลขที่พวกเราชาวพุทธต้องรู้…” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง . จำไว้นะลูก ใครก็ตามที่รักเรา ถ้าเราพูดเท็จกับเขา เขาก็จะหมดรักเรา . แล้วถ้าเขาพูดเท็จกับเรา เราก็จะหมดรักเขาเช่นกัน . ใครๆ ก็ต้องการความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒

✍เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก

✍อยากฝากพวกเราไว้ว่า เมื่อมีความผิดปกติเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าเพิ่งไปคิดพึ่งใคร ต้องคิดพึ่งตัวเองเป็นอันดับแรก . ฝึกสาวจากผลที่เกิดขึ้นไปหาต้นเหตุ ด้วยการสำรวจตัวเอง ด้วยการนึกทบทวนก่อนว่า . สิ่งที่เราประพฤติในวันนี้ หรือวันอื่นๆ ที่ผ่านมา มีความผิดพลาดอะไรกับตัวเราบ้าง การนึกทบทวนนี้ บางทีอาจจะผิดหรืออาจจะถูกก็ได้ . แล้วนำไปเล่าให้หมอฟัง หมอซึ่งมีความชำนาญมากกว่าเรา จะช่วยตัดสินให้เราได้ว่า สิ่งที่เราสันนิษฐานนั้นผิดหรือถูก ใช่หรือไม่ใช่ . และถ้าหมอได้ข้อมูลถูก หมอก็สามารถมุ่งไปแก้ไขรักษาที่ต้นเหตุ ไม่นานพวกเราก็หายป่วย . จากหนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี หน้า ๕๕ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี หน้า ๕๕

✍️ มรรคมีองค์ ๘ จุดเริ่มต้นมาจากสัมมาทิฐิ เริ่มมาจากกัลยาณมิตร เป็นองค์ประกอบภายนอก โยนิโสมนสิการเป็นกัลยาณมิตรภายใน

✍️ มรรคมีองค์ ๘ จุดเริ่มต้นมาจากสัมมาทิฐิ เริ่มมาจากกัลยาณมิตร เป็นองค์ประกอบภายนอก โยนิโสมนสิการเป็นกัลยาณมิตรภายใน . ถึงแม้ได้กัลยาณมิตรภายนอกมา แต่ไม่มีโยนิโสมนสิการก็ไปต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นโยนิโสมนสิการเป็นสิ่งสำคัญ . พระอานนท์ถามกัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ ตกลงโยนิโสมนสิการไม่สำคัญใช่ไหมไม่ใช่ . เพราะกัลยาณมิตรนี้เองที่ชี้ให้เห็นโทษและคิดโยนิโสมนสิการ เพราะฉะนั้นกัลยาณมิตรจึงเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์ . เพียงแต่ว่ามีกัลยาณมิตรที่ ๑ ๒ ๓ แต่ที่สุดของกัลยาณมิตรคือ “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ๓ ม.ค.๖๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

ยักษ์มาจากไหน

ยักษ์มาจากไหน❓ . เดิมยักษ์ก็เป็นคนเหมือนพวกเรา แต่มีข้อเสียตรงที่ว่า เป็นคนเจ้าโทสะ แม้จะทำบุญก็ยังทำด้วยความโทสะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ . ตัวอย่างเช่น จะทำบุญตักบาตร ก็ด้วยความตั้งใจที่อยากจะให้ดี จึงรีบตื่นแต่เช้า รีบเข้าครัวเตรียมข้าวปลาอาหาร . ใครมาช่วยก็ไม่ถูกใจ ทำไปก็บ่นไป พอถึงเวลา ด้วยความที่เป็นคนเจ้าโทสะ ถ้าพระมาช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง ก็บ่น . ขึ้นมาฟังเทศน์บนศาลาก็รำคาญคนอื่น คนโน้นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ มีเรื่องยั่วให้เกิดโทสะอยู่ร่ำไป . ใจน่ะเป็นบุญแต่พื้นใจเป็นคนเจ้าโทสะ เพราะฉะนั้นจะทำบุญให้ทาน ก็ได้บุญเหมือนกัน แต่ได้แบบหกๆ หล่นๆ . พอละโลกไปแล้ว แทนที่จะได้เป็นเทวดากลับต้องไปเกิดเป็นยักษ์ . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๔๙-๕๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๔๙-๕๐

✍️ ในโลกนี้มีคนอยู่ ๒ กลุ่มใหญ่ คือ มิตรเทียมกับมิตรแท้

✍️ ในโลกนี้มีคนอยู่ ๒ กลุ่มใหญ่ คือ มิตรเทียมกับมิตรแท้ . มิตรเทียม ได้แก่คน ๔ ประเภท ๑.ปอกลอก ๒.ดีแต่พูด ๓.ประจบ ๔.ชวนฉิบหาย . มิตรแท้ ได้แก่คน ๔ ประเภท ๑.มิตรมีอุปการะ ๒.มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข ๓.มิตรแนะประโยชน์ ๔.มิตรความรักใคร่ . มิตรแท้มีลักษณะคือ มิตรอุปการะ กล้าเป็นที่พึ่งให้เพื่อน มิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข กล้าสละชีวิตเพื่อเพื่อน มิตรแนะประโยชน์ กล้าขัดใจเตือนสติเพื่อน ขัดใจเขาก็ต้องยอม มิตรมีความรักใคร่ กล้าออกหน้าปกป้องเพื่อน โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍ฝึกแก้นิสัยฝึกอย่างไร?

✍ฝึกแก้นิสัยฝึกอย่างไร? การแก้นิสัยไม่ดีแต่ละอย่าง ไม่ใช่จะแก้ได้ง่าย แต่ก็ต้องพยายามแก้ จะแก้ได้มากหรือได้น้อยแค่ไหนก็ต้องพยายามแก้กันเรื่อยไป วันหนึ่งย่อมจะแก้หมดเอง . พระสัมมาสัมพุทธจ้า เมื่อครั้งบำเพ็ญบารมีในพระชาติต้นๆ ความรู้ความประพฤติของพระองค์ก็ยังหย่อนอยู่เช่นคนทั้งหลาย จึงต้องล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง . บางชาติก็เกิดเป็นเสือ ช้าง กวาง เก้ง พูดง่ายๆ บางชาติเกิดเป็นสัตว์ บางชาติเกิดเป็นคน เป็นคนยากจนก็มี บางชาติเป็นกษัตริย์ บางชาติเป็นนักปราชญ์ . แต่จะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร พระองค์ก็พยายามฝึกตัวอยู่ตลอดเวลา สังเกตได้จากเรื่องชาดกต่างๆ . เราประกาศตัวเป็นชาวพุทธ เท่ากับประกาศว่าเป็นลูกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงมีหน้าที่ต้องฝึกตนตามพระองค์ . รู้ว่านิสัยอะไรไม่ดีก็รีบแก้เสีย ฝืนใจให้ได้ ฝืนใจอยู่บ่อยๆ ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ช้าคุ้นกับความดี . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๖๓ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๖๓

✍️ “สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ยิ่งตัวเราเองหรือรอบตัวสกปรกเท่าไร ใจจะไม่ยอมอยู่กับตัว วิ่งออกข้างนอกหมด”

✍️ “สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ ยิ่งตัวเราเองหรือรอบตัวสกปรกเท่าไร ใจจะไม่ยอมอยู่กับตัว วิ่งออกข้างนอกหมด” . ตื่นเช้ามาใจกำลังดี ๆ อารมณ์กำลังดี ๆ ไปได้ยินคำพูดอะไรไปไม่เข้าท่าใจวิ่งออกจะไปลุยกับเขา . แล้วได้กลิ่นอะไรไม่เข้าท่า ใจไม่อยู่กับตัว เห็นข้าวของอะไรมันสกปรก เดี๋ยวจะออกไปลุยกันเสีย . ในทางกลับกัน เมื่อตัวเราและรอบตัวเรา อะไร ๆ ก็สะอาดไปหมด ใจจะนิ่งขึ้นมา แล้วใจรักที่จะอยู่ในตัว ๗ กันยายน ๒๕๖๑ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

“บวชเพิ่มมิตรแท้”

“บวชเพิ่มมิตรแท้” “เจ้านิสัยดีๆ จะเป็นเพื่อนแท้ของเรา.. การมาบวชของเรานั้น เป็นการมาเพิ่มมิตรแท้ให้กับตัวเอง..” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️ คนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นเวลา จะติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง

✍️ คนที่ไม่เคยทำอะไรเป็นเวลา จะติดนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง . อยู่ดีๆ จะกำหนดให้ทำเสร็จ ภายในเวลาเท่านั้นเท่านี้ . เขาจะอึดอัดทำไม่ได้ เพราะฝึกวินัยมาน้อย แต่ทำตามใจ ทำตามอารมณ์มามาก . จึง “ยากจะทำอะไรได้สำเร็จตามแผนงาน” . ที่มา : หนังสือครอบครัวอบอุ่น โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้

✍ใครก็ตามที่บวชเข้ามา ในพระพุทธศาสนาแล้ว หากจะเป็นพระแท้ให้สมเจตนาในการบวช จึงต้องเอาจริงในการฝึกฝนอบรมตนเองตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จะทำเหยาะๆ แหยะๆ ไม่ได้ . เพราะงานสำคัญที่สุดในชีวิตนักบวช ก็คืองานถางกิเลสออกจากใจไปพระนิพพาน ผู้ที่เอาจริงเท่านั้นจึงสามารถถางป่ากิเลสออกจากใจ แล้วเปิดหนทางไปพระนิพพานให้ตัวเองได้สำเร็จ . ถ้าจะถามต่ออีกว่า แล้วพระนิพพานอยู่ที่ไหน หลวงปู่หลวงทวดท่านก็ตอบยิ้มๆ ว่า “ก็อยู่ในตัวคุณเองนั่นแหละ ก้มหน้าก้มตาถางทางเร็วเข้าเถอะ” . จากหนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือบวชไม่เสียผ้าเหลือง สึกไม่เปลืองผ้าหลาย หน้า ๙