โอวาทคุณครูไม่เล็ก

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ”

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” . ปูย่าตายายใช้อุปมานี้ เพื่อหมายถึงว่าเรื่องอะไรไม่สมควรไปฟังก็อย่าไปฟัง หรือฟังแล้วร้อนใจก็อย่าไปฟัง ทำหูเป็นหูกระทะเสียก็หมดเรื่อง . เขาอยากด่า ด่าได้ก็ด่าไป คำด่า ถ้าเราไม่ไปรับไว้ ก็คืนเข้าตัวเขาเองนั่นแหละ . ปู่ย่าตายายมักเตือนหลานบ่อยๆ ว่า คนเราถูกด่าแล้ว พอฝึกใจถึงจุดหนึ่งก็เลยไม่โกรธ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเก่ง ที่เก่งกว่านั้นยังมี คือชมแล้วไม่ยิ้ม ใครชมแล้วไม่ยิ้ม คนนี้ละเก่งจริงๆ . เพราะคนเราทั่วไปพอได้รับคำชมแล้วมักจะยิ้ม โดยเฉพาะฝ่ายหญิง ลูกถึงได้เต็มบ้าน หลานถึงได้เต็มเมือง . ไปได้ยินคำชมว่า น้องจ๊ะ น้องจ๋า สวยจริงๆ เลย ก็เลยไปเลี้ยงลูกกันเป็นพรวน ถ้าชมแล้วยังเฉยเสียได้ก็สบาย ป่านนี้ก็ไม่ต้องปวดหัวกับเรื่องนอกใจอะไรทั้งนั้น . เพราะฉะนั้น ใครทำหูเหมือนหูกระทะได้ ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางหู พาให้ใจสงบสุขได้เป็นชั้นที่ ๒ . ที่มา: หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๙-๓๐ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา …

“ที่ว่าหูเหมือนหูกระทะ ก็คือ หูกระทะไม่ได้มีไว้ฟัง แต่มีไว้สำหรับหิ้ว หรือแขวนตัวกระทะ” Read More »

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑” ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่ . ตาไม้ไผ่ ถ้าเราไม่ริดเสีย ปล่อยให้ติดลำไผ่ไว้เป็นแขนงยาว ประมาณสักคืบกว่าๆ เราเหลือไว้อย่างนี้ตลอดลำไม้ไผ่ ก็ใช้สำหรับ เป็นที่เหยียบขึ้นแทนบันไดได้สบายๆ ซึ่งเรียกว่า “พะอง” . ชาวบ้านที่อยู่ในดงต้นตาล จะรู้จักประโยชน์ของพะองดี ว่าสามารถใช้เป็นบันไดสำหรับขึ้นต้นตาลสูงๆ . ตาเหมือนตาไม้ไผ่ อุปมาข้อนี้หมายถึงว่า นัยน์ตาของเรานั้น อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดูมันเลย เหมือนอย่างตาไม้ไผ่ ซึ่งสักแต่ว่าเป็นตา แต่ใช้ตาดูไม่เป็นหรอก . ปู่ย่าตายายใช้อุปมาเช่นนี้ก็เพื่อจะบอกว่า อะไรที่ไม่ควรดูก็อย่าไปดู ไม่ควรมองก็อย่าไปมอง อย่าเที่ยวไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้านมากนัก เดี๋ยวใจจะฟุ้งช่าน เดี๋ยวจะมีเรื่องร้อนๆ เข้ามาในบ้าน . ให้ทำตาเหมือนตาไม้ไผ่ โดนเหยียบขึ้นไปๆ มันก็เฉยไม่เอาเรื่องกับใคร . ใครทำได้อย่างนี้ก็เป็นการลดการกระทบกระทั่งทางตา เป็น การพาให้ใจสงบในชั้นที่ ๑ . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๘ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น …

“ขยายความธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง ข้อที่ ๑”
ที่ว่าตาเหมือนตาไม้ ถ้าพูดเต็มๆ ต้องบอกว่า ตาเหมือนตาไม้ไผ่
Read More »

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง”

✍️ ตาไม้ หูกระทะ กายผ้าขี้ริ้ว ใจแผ่นดิน “ธรรมะเพื่อป้องกันการหย่าร้าง” . การประคับประคองชีวิตคู่ของพ่อแม่ให้ลูกดูถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอันดับแรก คือการป้องกันการหย่าร้างระหว่างพ่อแม่เอง . และอันดับสอง คือเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่จะทำให้ลูกสามารถเลือกคู่ครองเป็น และสามารถประคับประคองครอบครัว ให้ตลอดรอดฝั่ง เมื่อเขาเติบโตอยู่ในวัยที่มีคู่ครองได้แล้ว . สำหรับเรื่องนี้ โบราณได้ให้หลักธรรมในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ลดปัญหาการกระทบกระทั่งในชีวิตคู่ และป้องกันปัญหาการหย่าร้างไว้ ๔ คำด้วยกัน . คือ ๑. ตา เหมือน ตาไม้ ๒. หู เหมือน หูกระทะ ๓. กาย เหมือน ผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้า ๔. ใจ ประดุจ แผ่นดิน . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๗

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย

วิกฤตพระพุทธศาสนาในประเทศไทย “2562 มีวัดร้างทั่วประเทศ 7,000 กว่าวัด ประชากรไทยประมาณ 65 ล้าน คนเพิ่มขึ้นวัดร้างน่าจะหมด แต่!วัดร้างก็เพิ่มขึ้น นี่คือตัวเลขที่พวกเราชาวพุทธต้องรู้…” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง

สิ่งที่แสดงว่าเขาขาดความจริงใจต่อเรา คือ การพูดเท็จนั่นเอง . จำไว้นะลูก ใครก็ตามที่รักเรา ถ้าเราพูดเท็จกับเขา เขาก็จะหมดรักเรา . แล้วถ้าเขาพูดเท็จกับเรา เราก็จะหมดรักเขาเช่นกัน . ใครๆ ก็ต้องการความจริงใจด้วยกันทั้งนั้น . จากหนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือครอบครัวอบอุ่น หน้า ๒๖๒

✍️” สังคมอยู่ได้ เพราะมีให้และมีรับ “

✍️” สังคมอยู่ได้ เพราะมีให้และมีรับ ” . เราควรจะให้อะไรกับเขา แล้วเราควรรับอะไรจากเขา คือมีให้และมีรับ ถ้าสังคมมีให้มีรับแบ่งปันกันอย่างนี้ สังคมจึงจะอยู่รอด . ถ้ามีแต่ รับ ไม่มี ให้ ไปไม่รอด หรือมีแต่ให้ๆๆ แล้วไม่มีรับกลับมา ก็หมด ก็ต้องชัดเจนลงไปอย่างนี้ว่า เราควรจะให้อะไรเขา แล้วเราควรจะรับอะไรจากเขา มีให้ มีรับ อย่างนี้ สังคมอยู่ได้ . 15 พฤศจิกายน 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”เหน็ดเหนื่อยในการหา”

✍️”เหน็ดเหนื่อยในการหา” . สาเหตุประการหนึ่งที่มนุษย์ต้องดิ้นรนทำงานเหน็ดเหนื่อยกันสายตัวแทบขาดอยู่ทุกวันนี้ก็มีสาเหตุมาจากความไม่รู้จักประมาณในการใช้ทรัพย์หรือปัจจัย ๔ นั่นเอง . คนใช้สอยปัจจัย ๔ ไม่เป็น อุปมาก็เหมือนกับเข่งที่มีรูรั่วพรุนทั้งใบ การทำมาหากินของแต่ละคน อุปมาเหมือนกับการตักน้ำใส่เข่ง . ถ้าเข่งมันมีรูพรุ่นทั้งใบอย่างนั้น ต่อให้เติมน้ำเท่าไหร่ เมื่อหยุดเติมแล้ว น้ำก็ไหลออกจากเข่งหมด . ตรงกันข้ามถ้าเราอุดรูเข่งไว้เป็นอย่างดี เหลือไว้เพียงรูเล็ก ๆ เพื่อใช้ในสิ่งจำเป็น เช่น เรื่องอาหาร เรื่องเสื้อผ้า เรื่องที่อยู่อาศัย เรื่องยารักษา และเรื่องที่จำเป็นๆ . ถ้าอย่างนี้ โอกาสที่ร่างกายจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเกินไปก็มีมากขึ้น โอกาสที่จะได้พักก็มาก โอกาสที่จะไม่ต้องถล่มทลายสังขารก็มีมาก . หนังสือแด่นักสร้างบารมี เล่ม ๒ (เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือแด่นักสร้างบารมี เล่ม ๒ (เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️”สิ่งที่ให้กำลังใจมนุษย์ ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่พอเหมาะพอดีที่ถูกใจ และสิ่งที่ตัดทอนกำลังใจได้มาก ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่แสลงใจ

✍️”สิ่งที่ให้กำลังใจมนุษย์ ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่พอเหมาะพอดีที่ถูกใจ และสิ่งที่ตัดทอนกำลังใจได้มาก ก็ไม่มีอะไรเกินคำพูดที่แสลงใจ❗️” . 18 ตุลาคม 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”การแทนคุณอันประเสริฐ”

✍️”การแทนคุณอันประเสริฐ” . บุตรควรมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้คุณ และตอบแทนคุณของบิดามารดา ซึ่งนอกเหนือจากการเอาใจใส่ดูแลท่านแล้ว ควรหากุศโลบายให้ท่านได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อเป็นทางไปสู่ความพ้นทุกข์ของท่านด้วย นี่นับว่าเป็นการแทนคุณอันประเสริฐสุด . จากหนังสือชาดก เล่มที่ ๒ (เผด็จ ทตฺตชีโว) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา หนังสือชาดก เล่มที่ ๒ (เผด็จ ทตฺตชีโว)

✍️” หัวใจของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา “

✍️” หัวใจของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ” . การเผยแผ่พระพุทธศาสนาคืออะไร? คือการทำให้พระพุทธศาสนาอยู่คู่โลกต่อไปอีกนานแสนนาน เพื่อใช้ดับทุกข์ให้ชาวโลก . คำถาม เมื่อเผยแผ่เสร็จแล้ว พระพุทธศาสนาจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไร ? . ตอบคือ ต้องอยู่ในใจคนให้ได้ อยู่อย่างไร คือ อยู่ด้วยความเข้าใจ แล้วนำไปทุ่มเทปฏิบัติจนกระทั่งเป็นนิสัยใจคอฝังแน่นอยู่ในใจ แล้วสุดท้ายปราบกิเลสได้หมดเลยนั่นแหละ ต้องอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วนอกจากนั้นยังสามารถสืบทอดส่งต่อๆ กันไปได้อีกด้วย ถ้าไม่งั้นก็ไม่ได้ . 29 พฤศจิกายน 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”คิดดี พูดดี ทำดี ให้เป็นนิสัย”

✍️”คิดดี พูดดี ทำดี ให้เป็นนิสัย” . ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งเราต้องลาโลกไป ทุกชีวิตล้วนตกอยู่ใต้กฎแห่งกรรม ซึ่งย่อสั้นๆ ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว . กฎแห่งกรรมนี้เป็นกฎเหล็กทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมทั้งสิ้น ใครจะรู้จักกฎแห่งกรรมหรือไม่รู้ แต่ทุกอนุวินาที เขาก็ตกอยู่ใต้กฎแห่งกรรม . ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้หรือไม่รู้ เหมือนไฟ ที่ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่รู้ ไปโดนเข้าเป็นได้ร้อน เป็นได้โดนลวกกัน . ตรงนี้นี่เองที่อยากจะฝากเป็นข้อคิดของพวกเรา ข้อคิดก็คือ ในเรื่องของการคิดดี พูดดี ทำดีนั้น ต้องหมั่นฝึกให้เป็นนิสัย . ถ้าไม่ฝึกให้เป็นนิสัยแล้ว เรามีโอกาสที่จะพลาด คิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดีได้ ซึ่งจะกลายเป็นการสั่งสมบาปเอาไว้ในตัว นอกจากนั้นหากเกิดเป็นนิสัยไม่ดีขึ้นแล้ว ก็จะแก้ไขได้ยาก . 12 มกราคม 2558 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️” เห็นคุณยายบ้วนน้ำลาย จึงได้รู้ว่าเจอครูแล้ว “

✍️” เห็นคุณยายบ้วนน้ำลาย จึงได้รู้ว่าเจอครูแล้ว ” . หลวงพ่อตามหาครูบาอาจารย์มาเยอะ มาเจอคุณยายอาจารย์ของเราบ้วนน้ำลายเท่านั้นล่ะ หลวงพ่อรู้เลยว่าได้เจอครูบาอาจารย์แล้ว . เพราะเวลาคุณยายจะบ้วนน้ำลาย คุณยายจะมีกระดาษประมาณเท่าแผ่น A4 ตัดเป็นสี่ส่วน วางเอาไว้ข้างๆ ตัวยาย เวลาบ้วนน้ำลายทีหนึ่งใส่แผ่น บ้วนน้ำลายทีใส่แผ่น . ถามคุณยายว่าใส่ลงไปทำไม คุณยายก็ตอบว่า ยายแก่แล้วเราทิ้งเองไม่ได้ต้องให้หลานๆ ช่วยเทกระโถน เพราะฉะนั้น ถ้าบ้วนน้ำลาย ล้างมือหรือสั่งน้ำมูกอะไรลงไป มันลอยอยู่อย่างนั้น แมลงหวี่ แมลงวันมันก็มากวน ญาติโยมที่เขามา เขาเห็นเขาก็จะรังเกียจ หลานๆ มันจะเอาไปเทมันก็จะรังเกียจ . แต่ถ้ายายใส่กระดาษไปแบบนี้ เวลามันไปเทเห็นเป็นกระดาษชื้นๆ มันก็ไม่รังเกียจ แม้หลานตัวเองก็ยังต้องคิดเยอะขนาดนี้ นี้เป็นตัวอย่างของการเอาใจเขาใส่ใจเรา เอาใจเราใส่ใจเขา . 29 พฤศจิกายน 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”ใจที่ขุ่นมัวเป็นทางมาของกรรมชั่ว”

✍️”ใจที่ขุ่นมัวเป็นทางมาของกรรมชั่ว” . ชีวิตคนเราในแต่ละวัน ต่างมีเรื่องที่ต้องให้คิดสารพัดเรื่อง และโดยมากก็มักทำให้ใจขุ่นมัว เมื่อเป็นอย่างนี้เราในฐานะชาวพุทธจึงต้องหมั่นเตือนตัวเองว่า เราจะต้องพยายามทำใจของเราให้ผ่องใสให้ได้อยู่ตลอดเวลา ตลอดทั้งวัน . นี่เป็นหลักวิชชาที่สำคัญมาก หรือถ้ามีเรื่องอะไรมากระทบให้ใจขุ่นมัว ต้องรีบเลิกทันทีทันใด พอรู้ตัวต้องรีบหยุดตัวเอง ไม่งั้นขาดทุน . มันเรื่องอะไรเล่าที่จะปล่อยให้ใจของเราขุ่นมัวต่อไป เพราะถ้าใจขุ่นมัวใจหมองแล้ว เรื่องความดีจะคิดไม่ออก เรื่องบุญกุศล เรื่องดีๆ เรื่องสร้างสรรค์คิดไม่ออก . นอกจากนั้นทุกอนุวินาทีใจคิดไม่ยอมหยุด เพราะฉะนั้น เมื่อเราไม่หยุดตัวเอง ไม่เบรกตัวเอง เมื่อเผลอไปคิดเรื่องขุ่นมัวๆ หมองๆ เข้า ใจก็จะคิดเรื่องขุ่นมัวไม่ยอมหยุด . กลายเป็นว่าเรานี่เพิ่มบาปให้กับตัว เรานี่กำลังเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง เรานี่กำลังทำลายตัวเอง ตรงนี้ต้องชัดเจน . เพราะฉะนั้น การที่จะต้องระมัดระวังตัวเองให้ใจผ่องใสอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นหน้าที่ของทุกๆ คน . เพราะว่าต้องรู้ไว้นะ โลกนี้น่ะอยู่ใต้กฎแห่งกรรม เรื่องที่ทำให้ใจขุ่นมัวทั้งหลาย คือ ทางมาของกรรมชั่วทั้งหลาย ที่มันจะไหลมาสู่ใจของเราตามมาอีกมากมายเลย . 4 มกราคม 2559 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️ “อบายมุข เสียเวลา เสียงาน เสียทรัพย์ เสียคน”

✍️ “อบายมุข เสียเวลา เสียงาน เสียทรัพย์ เสียคน” ❗️❗️❗️ . ดูให้ชัด อบายมุขทุกประเภท ขั้นต้น ทำให้เสียเวลาก่อน ตามมาด้วยเสียการงาน การงานที่ควรจะทำให้เกิดทรัพย์สินเงินทองอะไรเพิ่ม เสียหมด . เสียเวลา เสียการงานที่ควรจะได้ทำ เสียความดีที่ควรจะได้ทำ แล้วก็ตามมาด้วยเสียทรัพย์ แล้วก็ตามมาด้วยเสียคน คือกลายเป็นคนไม่รับผิดชอบต่อความดีใดๆ . มันเป็นสเต็ปๆ เพราะฉะนั้น อย่าได้มองผ่าน เสียเวลา เสียการงาน เสียทรัพย์ และท้ายที่สุดคือ เสียคน . . 23 สิงหาคม 2560 โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา

✍️”ใจที่ผ่องใส คือ ใจที่มีพลัง”

✍️”ใจที่ผ่องใส คือ ใจที่มีพลัง” . วันหนึ่งๆ ของคนเรา ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาก็มีเรื่องคิดไม่หยุดจนกระทั่งกลับเข้านอน แต่จะมีใครสักกี่คนที่ถามตัวเองว่า เรื่องที่คิดในแต่ละวันนั้น ระหว่างเรื่องที่ทำให้ใจเป็นบุญใจผ่องใสและเรื่องที่ทำให้ใจขุ่นมัว อย่างไหนมากกว่ากัน . ยิ่งไปกว่านั้น เวลาไปกระทบเรื่องอะไรที่ทำให้ใจขุ่นมัว แทนที่จะรีบเบรกตัวเอง ให้หยุดๆๆๆ กลับยิ่งหยิบยกเรื่องขุ่นมัวเหล่านี้มาวิจารณ์กันเละเทะไปหมด . เลยกลายเป็นว่า เอาความขุ่นมัวมาเพิ่มให้กับใจตัวเองกันทุกวันๆ โดยไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งการคิดถึงเรื่องที่ทำให้ใจขุ่นมัวเหล่านี้ กลายเป็นเรื่องปกติไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือว่า ผิดหลักธรรมในพระพุทธศาสนาแล้วนะ เพราะว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนเอาไว้แล้วว่า หน้าที่ของมนุษย์ ถ้าจะให้มีชีวิตปลอดภัยมีแต่ความสุขความเจริญ ต้องพยายามทำใจให้ผ่องใสเข้าไว้ . ถ้าใจผ่องใสแล้วจะได้มีกำลังใจในการที่จะเลือกคิด พูด และทำในสิ่งที่ดีที่งาม เลือกคิดในสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตตัวเองและผู้อื่นตลอดจนคนทั้งโลก โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) ที่มา