ธรรมะเพื่อประชาชน

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๘ ( แก้ปมปริศนา )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๘ ( แก้ปมปริศนา )     ขึ้นชื่อว่าทุกข์ ไม่มีใครที่อยากจะพบเจอ มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนปรารถนาความสุขกันทั้งนั้น ต้องการแสวงหาสิ่งที่เป็นสรณะอันแท้จริง การที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ พบกับความสุขล้วนๆได้นั้น ต้องอาศัยตัวของเรา พึ่งตัวเรา อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ คือ พึ่งตัวเองเท่านั้น ต้องลงมือปฏิบัติธรรม จนใจหยุดนิ่งเกิดความรู้แจ้งภายใน เข้าถึงพระธรรมกายอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ชราสูตรว่า “นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา  แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี”     แสงสว่างแห่งดวงปัญญา ถ้าจะพูดให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในภาคปฏิบัติ ต้องลงมือปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนา จนกว่าจะพบแสงสว่างภายใน เพราะปัญญาเป็นแสงสว่าง ที่ขจัดความมืดหรือความไม่รู้ให้หมดไป ถ้าเราหยุดใจได้ถูกส่วน จะพบกับดวงปัญญา ดวงปัญญาของกายแต่ละกาย ตั้งแต่กายมนุษย์หยาบ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหม จนถึงกายธรรมภายใน ล้วนมีความสว่างแตกต่างกันออกไป     เมื่อเราสามารถปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงดวงปัญญาของกายธรรมอรหัตแล้ว จะเกิดปัญญาบริสุทธิ์ที่กว้างขวางขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ตามความละเอียดของกายธรรมที่ขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อยากรู้เรื่องอะไรก็รู้ได้หมด เหมือนอย่างพระบรมศาสดาของเราที่ทรงได้รับการเฉลิมพระนามว่า เป็นพระสัพพัญญู คือ …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๘ ( แก้ปมปริศนา ) Read More »

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๙ ( ประลองปัญญา )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๙ ( ประลองปัญญา )     วันเวลาที่ผ่านไป ได้นำความชรามาสู่ตัวเรา ชีวิตมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็เสื่อมสลายไป สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นบุตรธิดา ทรัพย์สินเงินทอง ญาติพี่น้อง ล้วนไม่อาจติดตามเราไปสู่ปรโลกได้ มีแต่กุศลผลบุญที่สั่งสมไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะเป็นดังเงาติดตามตัวไป ดังนั้น เราต้องตระหนัก และแสวงหาหลัก ของชีวิต ด้วยการสั่งสมบุญบารมี รีบประพฤติปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงที่พึ่งที่ระลึกภายใน คือ พระรัตนตรัยให้ได้ ชีวิตเราจะได้ปลอดภัย และมีความสุขไปทุกภพทุกชาติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ชาดกว่า     “สัตบุรุษทั้งหลาย สรรเสริญปัญญาเท่านั้น สิริสมบัติเป็นที่ใคร่ของคนไม่ฉลาด เพราะมนุษย์ทั้งหลายยินดีในโภคสมบัติ ก็ความรู้ของท่านผู้รู้ทั้งหลาย ใครๆ ก็ชั่งไม่ได้ในกาลไหนๆ คนมีสิริสมบัติย่อมไม่ล่วงเลยคนมีปัญญาไปได้ ไม่ว่าในกาลไหนๆ”     ผู้คนส่วนใหญ่ที่เกิดมา มักปรารถนาทรัพย์สมบัติมากกว่าการแสวงหาวิชาความรู้ เพราะมองกันสั้นๆ ว่า สมบัตินอกตัวเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่จะทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขในภพชาตินี้ แต่วิสัยของนักปราชญ์บัณฑิต ท่านมองการณ์ไกล มองข้ามไปในภพเบื้องหน้า ท่านจึงมีข้อวัตรปฏิบัติที่ตรงกันข้าม ท่านจะขวนขวายแสวงหาปัญญาใส่ตัวให้มากที่สุด …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๙ ( ประลองปัญญา ) Read More »

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๑๐ ( ต้อนรับบัณฑิตใหม่ )

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๑๐ ( ต้อนรับบัณฑิตใหม่ )     ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างเสาะแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตนเอง ไม่ว่าจะเป็นความสุข ปัญญา หรือที่พึ่งที่ระลึกในชีวิต สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะสมปรารถนาได้ เมื่อเราได้พบพระรัตนตรัย หรือได้เข้าถึงพระธรรมกาย จึงได้ชื่อว่าประสบความสุข และความสำเร็จในชีวิตของการเกิดมาเป็นมนุษย์ การได้เข้าถึงพระธรรมกาย จะทำให้เราพบกับความสุขที่แท้จริง พบกับความรู้แจ้งภายใน อันเป็นปัญญาบริสุทธิ์ที่จะนำไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งหลาย หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ จากการบังคับบัญชาของพญามาร เป็นความรู้อันประเสริฐที่จะทำให้เราบรรลุจุดมุ่งหมายปลายทางของชีวิต คือ บรรลุมรรคผลนิพพานอันเกษม ถึงที่สุดแห่งธรรม มีวาระพระบาลีใน สัมภวชาดกว่า “ชเวน ภทฺรํ ชานนฺติ    พลิพทฺธญฺจ วาหิเย โทเหน เธนุ ชานนฺติ    ภาสมานญฺจ ปณฺฑิตํ ม้าดีรู้ได้ด้วยฝีเท้า  โคถึกรู้ได้ในคราวลากเข็น แม่โคนม รู้ได้ในคราวรีดนม บัณฑิตที่แท้จริง รู้ได้เมื่อเจรจา”     ครั้งนี้ เรามาติดตามดูการใช้ปฏิภาณไหวพริบ และวิธีการเจรจาต่อหน้ามหาสมาคมของมโหสถกันว่า จะสามารถฉายแววแห่งความเป็นบัณฑิตนักปราชญ์ต่อเบื้องพระพักตร์พระราชา และเหล่าอำมาตย์ข้าราชบริพารได้อย่างไร เรื่องดำเนินถึง  ตอนที่มโหสถบัณฑิต และท่านสิริวัฒนเศรษฐีผู้เป็นบิดา …

มโหสถบัณฑิต ตอนที่ ๑๐ ( ต้อนรับบัณฑิตใหม่ ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๓ ( บริจาคพระนางมัทรี )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๓ ( บริจาคพระนางมัทรี ) ชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยูˆเวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๓ ( บริจาคพระนางมัทรี ) ชีวิตของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยูˆตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม และนำไปสู่ความตาย เราจึงไม่ควร ประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อม จะได้คลายความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงในโลก เราเกิดมาเพียงแค่อาศัยสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ ไว้ใช้สร้างบารมี ใช้เป็นอุปกรณ์ในการทำทาน รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และทำสมาธิ(Meditation)เจริญภาวนาได้อย่างสะดวก อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เมื่อปล่อยวางจากสิ่งที่ไม่เป็นจริงแล้ว ใจของเราจะได้มุ่งสู่สิ่งที่เป็นจริงของชีวิต ที่เรียกว่า อริยสัจ มีใจมุ่งตรงต่อหนทาง พระนิพพาน เราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริงกันทุกคน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน เวสสันดรชาดก ว่า เราตถาคตเมื่อสละชาลีโอรส กัณหาชินาธิดา และ มัทรีเทวี ผู้เคารพต่อภัสดา มิได้คิดเสียดายเลย เพราะเหตุแห่งพระโพธิญาณเท่านั้น ลูกทั้งสองเป็นที่เกลียดชังของเราก็หามิได้ มัทรีเทวีไม่เป็นที่รักของเราก็หามิได้พระสัพพัญญุตญาณเป็นที่รักของเรายิ่งกว่า เพราะฉะนั้นเราจึงได้ให้บุตรธิดา และเทวีผู้เป็นที่รักเสีย เมื่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์ทรงบริจาคปิยบุตรมหา ทานแล้ว หมู่เทวดาที่อยู่บริเวณป่าหิมพานต์ ต่างปรึกษากันว่า ถ้าพระนางมัทรีเสด็จมาสู่อาศรมสถานแต่วัน แล้วไม่เห็นพระโอรสธิดาในอาศรม และหากรู้ว่าพระเวสสันดรได้บริจาคแก่พราหมณ์ ชูชกไปแล้ว …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๓ ( บริจาคพระนางมัทรี ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๔ ( พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๔ ( พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ ) ในเส้นทางแห่งการสร้างบารมี นักสร้างบารมีจะต้องมีจิตประกอบด้วยเมตตา ปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะเมตตาธรรมคํ้าจุนโลก ก่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข เป็นจุดเชื่อมโยงใจให้มนุษย์ และสรรพสัตว์อยู่ร่วมกันได้ โดย ไม่ต้องเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ความเมตตานี้เป็นหนึ่งในบารมี ๑๐ ทัศ ที่พระบรมโพธิสัตว์จะต้องบำเพ็ญให้บริบูรณ์ จึงจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ กระแสแห่งความเมตตานี้จะเกิดขึ้นได้ เมื่อใจเราหยุดนิ่ง มีความสุข ความสงบ และความบริสุทธิ์ภายในอย่างเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ โดยต้องเริ่มจากการเจริญ สมาธิ(Meditation)ภาวนาอย่างสม่ำเสมอ พระเวสสันดรได้อธิษฐานขอพรกับท้าวสักกเทวราชว่า “ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อหม่อมฉันบริจาคทาน ทรัพย์สมบัติพึงไม่หมดสิ้นไป บริจาคแล้วไม่พึงเดือดร้อนภายหลัง เมื่อกำลังบริจาค พึงทำจิตให้ผ่องใส เมื่อหม่อมฉันพ้นจากอัตภาพนี้ พึงไปสู่สวรรค์ ถึงชั้นดุสิตอันวิเศษ จุติจากชั้นดุสิตมาเป็นมนุษย์ พึงเป็นผู้ไม่เกิดอีก” ผู้มีบุญญาธิการที่ได้สั่งสมบุญไว้มากๆ ถึงจุดหนึ่งปัญหาและอุปสรรคย่อมไม่มีความหมาย มารก็กีดขวางไม่ได้ เมื่อถึงคราวอธิษฐานเพื่อปรารถนาสิ่งใด แรงอธิษฐานนั้นก็จะกลายเป็นจริงทุกประการ เหมือนอย่างพระเวสสันดรโพธิสัตว์ ผู้รักในการบริจาคทานยิ่งกว่าสิ่งใดๆ การให้นั้นฝังแน่นอยู่ในจิตใจ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของพระองค์ จึงยากที่ใครจะมาบอกให้เลิกทำทาน ขนาดถูกขับไล่ พระองค์ก็ไม่เคยน้อยเนื้อตํ่าใจ บริจาคได้กระทั่งพระโอรสพระธิดา และมเหสีผู้เป็นที่รักยิ่ง …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๔ ( พระเวสสันดรขอพร ๘ ประการ ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๕ ( กัณหาชาลีได้รับอิสรภาพ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๕ ( กัณหาชาลีได้รับอิสรภาพ ) สรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เหมือนดอกไม้ เดิมเราเคยเห็นมันเป็นต้นกล้าเล็กๆ ไม่นานก็เจริญเติบโตขึ้น แตกใบแผ่กิ่งก้านสาขา ผลิดอกออกผล ให้ความสดชื่นแก่ทุกชีวิต ครั้นไม่นานดอกไม้นั้น ก็เหี่ยวแห้งร่วงโรยไปตามกาลเวลา สังขารร่างกายของเราก็เช่นเดียวกัน ความแก่ ความเจ็บ ความตายได้คืบคลานเข้ามาในชีวิตเรา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกอนุวินาที โดยที่ตัวเราเอง สังเกตไม่ออก เมื่อเวลาผ่านไป ๑๐ ปี ๒๐ ปี ๖๐ ปี จึงรู้ว่าเราแก่ลงทุกขณะ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต่อเนื่องกันไปสู่ความเสื่อมสลาย ดังนั้น เราจึงไม่ควรประมาท ควรให้ชีวิตผ่านไปด้วยการสร้างบุญบารมี ฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่งให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้ เพื่อเราจะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง มีถ้อยคำที่ชูชกได้สรรเสริญพระเวสสันดรไว้ว่า พระราชาเวสสันดรพระองค์ใดเป็นที่พึ่งอาศัยของยาจกทั้งหลาย ดุจธรณีเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ทั้งหลาย หรือเป็นที่ไปมาของยาจกทั้งหลาย ดุจสาครเป็นที่ไหลหลั่งไปมาแห่งแม่น้ำทั้งหลาย พระราชาเวสสันดรพระองค์นั้น เมื่อเสด็จประทับแรม ณ ราวไพร ได้พระราชทานพระโอรสพระธิดาแก่ข้าพระบาท เรื่องพระเวสสันดรกำลังจะดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว เพราะพระองค์ได้บริจาคทรัพย์สมบัติทุกอย่างครบทั้ง ๕ ประการ ที่เรียกว่า ปัญจมหาบริจาค เพียงแต่ผลแห่งการบริจาค ยังไม่เกิดเป็นอานิสงส์ทันตาเห็นในทันทีทันใด …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๕ ( กัณหาชาลีได้รับอิสรภาพ ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๖ ( เชิญพระเวสสันดรกลับพระนคร )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๖ ( เชิญพระเวสสันดรกลับพระนคร ) เรามีเวลาสร้างบารมีอยู่ในโลกนี้อย่างจำกัด เดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืน กาลเวลาได้นำความแก่ ความเจ็บ และความตายมาสู่ตัวเราทุกขณะ ไม่เคยหยุดพักแม้แต่อนุวินาทีเดียว จึงไม่ควรที่จะประมาทในการดำเนินชีวิต บัณฑิตทั้งหลายจะรีบสั่งสมบุญ เพื่อเป็นเหตุให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง ซึ่งความสุขที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง เพราะเป็นของเฉพาะตน หากเราตั้งใจลงมือปฏิบัติในวันนี้ ย่อมจะได้ความสุขในปัจจุบัน หรือแม้วันนี้เรายังเข้าไม่ถึงธรรม ก็จะเป็นอุปนิสัยติดตัวเราไป ให้ได้เข้าถึงพระธรรมกายในวันข้างหน้า ดังนั้น การปฏิบัติธรรมจึงเป็นกรณียกิจสำหรับพวกเราทุกๆ คน สุเมธดาบสโพธิสัตว์ได้อธิษฐานจิต เกี่ยวกับทานบารมีไว้ว่า “ดูก่อนสุเมธดาบสจำเดิมแต่นี้ไป ท่านพึงบำเพ็ญทานบารมีข้อแรกให้เต็ม หม้อน้ำที่ควํ่าแล้ว ย่อมคายน้ำออกไม่เหลือ ไม่นำกลับเข้าไปอีกฉันใด แม้ท่านเมื่อไม่เหลียวแล ทรัพย์ ยศ บุตร ภรรยา หรืออวัยวะน้อยใหญ่ ให้สิ่งที่เขาต้องการอยากได้ ทั้งหมด แก่ผู้ขอที่มาถึง กระทำมิให้มีส่วนเหลืออยู่จัักได้นั่งที่โคนต้นโพธิ์ ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า” หลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องพระเวสสันดรติดต่อกันมาหลายวัน เราคงจะได้ความรู้ และความเข้าใจถึงความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ ของพระบรมโพธิสัตว์ของเราว่า ต้องสร้างบารมีอย่างยิ่งยวด เกี่ยวกับทานบารมีอย่างไรบ้าง ส่วนสิ่งที่พระองค์ทรงทุ่มเทลงไปด้วยใจที่มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวนั้น จะส่งผลอันไพศาลต่อพระองค์ท่านเองอย่างไรบ้าง เราก็ได้มาถึงตอนอวสานของเรื่องพระเวสสันดร ซึ่งตอนที่แล้ว ถึงตอนที่พระชาลีราชกุมารได้อ้อนวอนให้พระเจ้าสัญชัย …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑๖ ( เชิญพระเวสสันดรกลับพระนคร ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ ) สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่มีอยู่ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิตก็ตาม ตัวของเรา บุคคลอื่น หรือสรรพสัตว์ทั้งหลายก็ตาม ต่างอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง คือ ความไม่เที่ยง แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อมทุกอนุวินาทีและ สูญสลายไปในที่สุด เพราะฉะนั้นเราควรแสวงหาสิ่งเที่ยงแท้ แน่นอน ที่จะนำความสุขและความบริสุทธิ์ที่แท้จริงมาให้เรา ด้วยการปฏิบัติธรรมในหนทางสายกลาง ทางเอกสายเดียว ที่เรียกว่า เอกายนมรรค ที่มุ่งตรงสู่พระนิพพาน *มีธรรมภาษิตใน เวสสันตรชาดก ว่า เราได้ให้ทานภายนอก ทานนั้นหายังเราให้ยินดีไม่ เราใคร่จะให้ทานภายใน แม้ถ้าใครๆ พึงขอหทัยของเรา เราจะพึงให้ผ่าอุระประเทศนำหทัยออก แล้วมอบให้แก่บุคคลนั้น ถ้าเขาขอจักษุทั้งสองของเรา เราก็จะควักจักษุมอบให้ ถ้าเขาขอเนื้อในสรีระ เราจะเชือดเนื้อจากสรีระทั้งสิ้นให้ ถ้าแม้ใครๆ พึงขอโลหิตของเรา เราก็จะพึงถือเอาโลหิตให้ หรือว่าใครๆ พึงบอกเราว่า ท่านจงเป็นทาสของข้าพเจ้า เราก็ยินดียอมตัวเป็นทาสแห่งผู้นั้น นี่เป็นถ้อยคำของนักสร้างบารมี ที่กลั่นออกมาจากใจของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ผู้สร้างมหาทานบารมีที่ทำให้หัวใจของมนุษย์ และเทวาทั้งหลายต้องหวั่นไหว เพราะท่านได้ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยากยิ่ง ให้ในสิ่งที่ให้ได้ยากยิ่ง ด้วยท่านรู้ว่าสิ่งที่บังเกิดขึ้นได้ยากยิ่งกว่านั้นยังมีอยู่ คือ การได้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ดังนั้นเพียงแค่ท่านคำนึงถึงทานที่ได้ ที่เป็นไปในภายในเท่านั้น …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ ) การสร้างบารมีเป็นงานที่แท้จริงของมวลมนุษยชาติ ส่วนงานอย่างอื่น เช่น การทำมาหากิน เป็นต้น เป็นเรื่องรองที่จะสนับสนุนการสร้างบารมีของเราให้สะดวกราบรื่น เราเกิดมาก็เพื่อสร้างบารมี ดำเนินตามรอยบาทพระบรมศาสดา มุ่งแสวง หาสาระอันแท้จริงของชีวิต มุ่งหลุดพ้นจากการครอบงำของกิเลสอาสวะของพญามาร เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือ ที่สุดแห่งธรรม การทำใจให้หยุดนิ่งเป็นวิธีเดียวที่จะเอาชนะกิเลสอาสวะได้ และยังเป็นทางมาแห่งมหากุศล หากเรานำใจ มาหยุดนิ่ง ให้ใจใส ใจสะอาดบริสุทธิ์ บุญกุศลย่อมจะบังเกิดขึ้นอย่างจะนับประมาณมิได้ และจะเป็นเหตุให้ได้บรรลุเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตในที่สุด “มีธรรมภาษิตใน เวสสันตรชาดก ว่า “ข้าพระพุทธเจ้าได้ทำการบูชาพระองค์ด้วยจุณแห่งแก่นจันทน์นี้ ขอให้ข้าพระพุทธเจ้าได้เป็นมารดาของพระพุทธเจ้าผู้เช่นพระองค์ในอนาคตกาล”” การอธิษฐานเป็นหนึ่งในบารมีสิบทัศ ที่พระบรมโพธิสัตว์ ทั้งหลายให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การอธิษฐานเป็นประดุจหางเสือเรือ ที่คอยคัดท้ายนาวาชีวิตของเราให้ก้าวไปสู่จุดหมายปลายทาง ได้อย่างปลอดภัย ฉะนั้นทุกครั้งที่ทำความดี ต้องหมั่นอธิษฐานทุกๆ ครั้ง เป็นการตั้งผังแห่งความสำเร็จ ให้เกิดขึ้นกับชีวิต เมื่อถึงคราวบุญส่งผล เราย่อมจะสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ การที่จะให้แรงอธิษฐานนั้นส่งผลสำเร็จ ต้องสั่งสมบุญไว้ให้มากๆ เหมือนภาษิตที่ได้ยกขึ้นมากล่าวข้างต้น เป็นคำอธิษฐานที่พระมารดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ได้เคยทำบุญกับพระวิปัสสีพุทธเจ้า แล้วอธิษฐานขอให้ได้เป็นพุทธมารดาในอนาคตกาล *เรื่องมีอยู่ว่า …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร ) “ธรรมกาย” เป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรม เป็นหลักของพระพุทธศาสนาและของโลก ถ้าเราได้เข้าถึง เราจะเป็นพุทธศาสนิกชนที่สมบูรณ์ทั้งภายนอกและภายใน จะรู้ซึ้งในคุณของ พระรัตนตรัยว่า เป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ จะหายสงสัยในอานุภาพอัน ไม่มีประมาณของพระรัตนตรัย อีกทั้งจะเปลี่ยนจากผู้ไม่รู้ มาเป็นผู้รู้แจ้ง ทำให้เข้าใจโลกและชีวิต ได้อย่างถูกต้อง สามารถดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุข สร้างบารมีเพื่อมุ่งไปสู่อายตนนิพพาน ดังนั้นเราจึงควรที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายกันทุกๆ คน “มีธรรมภาษิตที่พระเวสสันดรได้กล่าวไว้เป็นอมตวาจาว่า “เมื่อใด เรายังเป็นทารก มีอายุ ๘ ขวบ แต่เกิดมา เมื่อนั้น เรานั่งอยู่ในปราสาท คิดจะบริจาคทานว่า เราจะพึงให้หทัย ดวงตา เนื้อ เลือด และร่างกาย เมื่อใครมาขอเรา เราก็ยินดีมอบให้ เมื่อเราคิดถึงการบริจาคทานอันเป็น ความจริง หทัยก็ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่นอยู่ในกาลนั้น แผ่นดินซึ่งมีเขาสิเนรุ และหมู่ไม้เป็นเครื่องประดับ ก็หวั่นไหว”” ครั้งที่แล้วได้เล่าถึงปฐมเหตุของการที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดกว่า เกิดจากการที่พระองค์ ทรงทำลายทิฏฐิมานะของเหล่าประยูรญาติ ด้วยการแสดงปาฏิหาริย์ ให้เจ้าศากยราชตระกูลได้เห็นด้วยตาเนื้อ …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๔ ( พระราชทานช้างมงคล )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๔ ( พระราชทานช้างมงคล ) บุญเป็นธาตุสำเร็จ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จทุกอย่าง เปรียบประดุจแก้วสารพัดนึกที่บันดาลให้เรา ได้สมปรารถนาในทุกเรื่อง การที่ความสุขและความสำเร็จจะบังเกิดขึ้นได้นั้น ต้องเริ่มจากการสั่งสมบุญให้แก่ตัวเราเองก่อน บุญเป็นสิ่งที่ต้องทำ ใครทำคนนั้นได้ ถ้าไม่ทำบุญ จะแสวงหาความสุขอย่างไรก็ไม่พบ ดังนั้นหากอยากเข้าถึงความสุขและความเต็มเปี่ยมของชีวิต ต้องเริ่มที่การสั่งสมบุญ ด้วยการบำเพ็ญทานให้ต่อเนื่อง รักษาศีลให้บริสุทธิ์ และหมั่นนั่งสมาธิเจริญภาวนาอย่างสมํ่าเสมอ สักวันหนึ่ง ความสุข ความสำเร็จสมหวัง ย่อมจะบังเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน มีธรรมภาษิตที่พระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้กล่าวไว้เป็น อาสภิวาจาว่า “ดวงหทัยหรือจักษุ เราก็ให้ได้ จะป่วยกล่าวไปไยกับทรัพย์ นอกกายของเรา คือ เงิน ทอง มุกดา ไพฑูรย์ หรือแก้วมณี ในเมื่อยาจกมาแล้ว เราได้เห็นแล้ว พึงให้พาหาทั้งซ้ายขวาก็ได้ เราไม่พึงหวั่นไหว เพราะใจของเรายินดีในการบริจาค ชาวสีพีจงขับไล่หรือฆ่าเราเสียก็ตาม พวกเขาจะตัดเราเป็น ๗ ท่อนก็ตามเถิด เราจักไม่งดเว้นจากการบริจาคทานเป็นอันขาด” นี่คือใจของพระโพธิสัตว์เจ้าของเรา เมื่อท่านตั้งความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ทันทีที่คิดจะบริจาคทานอะไร ไม่ว่าจะเป็นสมบัติภายนอกหรือภายในก็ตาม ท่านก็ให้ได้ทุกอย่าง ความรู้สึกหวงแหนหรือห่วงกังวล ไม่มีอยู่ในจิตใจอันบริสุทธิ์ของท่านเลย อีกทั้งเมื่อคิดจะให้ทานแล้ว …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๔ ( พระราชทานช้างมงคล ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๕ ( สัตตสตกมหาทาน )

เวสสันดรชาดก ตอน ที่ ๕ ( สัตตสตกมหาทาน ) ความเมตตาปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลก และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น เป็นสิ่งที่มวลมนุษยชาติควรมีไว้เป็นคุณธรรมประจำใจ โลกใบนี้คือบ้านหลังใหญ่ที่ ทุกคนต่างอาศัย ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ เพื่อการดำรงชีวิตอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน มีผืนแผ่นดิน ทะเล สายน้ำ ลำธาร ภูเขา ป่าไม้ แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวเดียวกัน อีกทั้งเราต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกัน เพราะฉะนั้นจึงควรอยู่รวมกันด้วยใจที่เปี่ยมด้วยกรุณา มีความปรารถนาดีต่อกัน อยากให้ทุกคนหลุดพ้นจากความทุกข์ เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ คือ พระนิพพาน พระนางผุสดีราชเทวีได้กล่าวสุนทรวาจาไว้ว่า เหตุไฉนชาวนครสีพีจึงจะให้ขับไล่เวสสันดรลูกรักผู้ไม่มีโทษ ผู้แม้พระราชาต่างแดนทั้งหลายก็เคารพบูชา มีเกียรติยศ เหตุไฉนชาวสีพีจึงให้ขับไล่ลูกเวสสันดรผู้ไม่มีความผิด ผู้เลี้ยงดูบิดามารดา ประพฤติถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ในราชสกุล ผู้เกื้อกูลแก่พระเจ้าแผ่นดิน แก่เทพเจ้า แก่พระ-ประยูรญาติ แก่พระสหาย และเกื้อกูลทั่วแว่นแคว้น ครั้งที่แล้ว ถึงตอนที่พระเวสสันดรโพธิสัตว์ ถูกขับไล่ออกนอกเมือง ให้เสด็จไปอยู่เขาวงกตในป่าหิมพานต์ …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๕ ( สัตตสตกมหาทาน ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๖ ( เดินทางสู่เขาวงกต )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๖ เดินทางสู่เขาวงกต การเจริญสมาธิภาวนาเป็นทางลัดที่สุด ที่จะทำให้กายวาจา ใจ ของเราบริสุทธิ์ ถ้ากาย วาจา ใจ ของเรามีความบริสุทธิ์มาก บุญกุศลก็เกิดขึ้นมาก ถ้ามีความบริสุทธิ์น้อย บุญกุศลก็ลดหย่อนลงไป ความบริสุทธิ์เป็นบ่อเกิดแห่งความสุข เป็นสิ่งที่สั่งสมได้ การเจริญภาวนาทุกวันเป็นการเพิ่มเติมความบริสุทธิ์ขึ้นทุกวัน จะทำให้เราเข้าถึงความสุขที่แท้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และกำลังแสวงหากันอยู่ ดังนั้นเราจึงควรให้ความสำคัญกับการเจริญภาวนา เพื่อให้ชีวิตของเราเข้าถึงความสุขและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง พระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้กล่าวธรรมภาษิตสอนพระนางมัทรีไว้ว่า ดูก่อนพระนางมัทรี พัสดุอันใดอันหนึ่งที่ฉันให้เธอ ทั้งทรัพย์อันประกอบด้วยสิริ เงิน ทอง มุกดา ไพฑูรย์ที่มีอยู่มาก และสิ่งใดที่เธอนำมาแต่พระชนกของเธอ เธอจงเก็บสิ่งนั้นไว้ทั้งหมด เธอจงบริจาคทานในท่านผู้มีศีลทั้งหลายตามควร เพราะที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวงอย่างอื่นยิ่งกว่าบุญกุศลย่อมไม่มี ชาวโลกส่วนใหญ่ปรารถนาจะเป็นผู้รับมากกว่าผู้ให้ การเป็นผู้ให้นั้นยากกว่าการเป็นผู้รับ โดยเฉพาะให้โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ให้เพื่อยังความสุข และความสำเร็จของบุคคลอื่น ให้เกิดขึ้นเพียงอย่างเดียวนั้น นับเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลก ทว่าพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย ต่างดำรงตนบนพื้นฐานของความเป็นผู้ให้ตลอดมา โดยทั่วไปคนส่วนมากมักมีความตระหนี่เหนียวแน่นอยู่ในใจ เหมือนยางเหนียวที่ติดเสื้อผ้าหรือวัตถุต่างๆ ยากจะขัดให้หลุดออกได้ง่ายๆ เกิดจากตัวกิเลสคือตัณหาที่ฝังติดแน่นอยู่ในกมลสันดาน น้อยคนนักที่จะหาทางขจัดความตระหนี่ให้หลุดร่อนออกไปจากใจได้ ตรงกันข้ามกับพระโพธิสัตว์ผู้ที่สามารถขจัดออกจากใจได้ทุกภพทุกชาติ บางครั้งความเป็นผู้มีใจกว้างขวางของท่าน กลับเป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่ซึ่งยังมีความตระหนี่อยู่มากเดือดเนื้อร้อนใจแทน เหมือนดังเรื่องของพระเวสสันดร โดยเฉพาะในช่วงที่ท่านกำลังประสบมรสุมชีวิต เพราะทรงบริจาคมงคลหัตถีแก่พราหมณ์ไป …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๖ ( เดินทางสู่เขาวงกต ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๘ ( ชีวิตนักบวช )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๘ ( ชีวิตนักบวช ) ชีวิตในวันหนึ่งๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนหยาดน้ำค้างบนปลายยอดหญ้า เมื่อต้องแสงอาทิตย์ในยามเช้า ย่อมเหือดแห้งหายไปโดยฉับพลัน ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อมสลาย คล้ายฟองน้ำ เมื่อเวลาฝนตกหนัก ฝนหนาเม็ดเกิดเป็นฟองน้ำขึ้น แล้วแตกสลายไปในชั่วพริบตาเดียว ช่วงเวลา ของชีวิตเราสั้นนักคล้ายอย่างนั้น จึงไม่ควรประมาท พึงเร่งทำ ความเพียร เพื่อไปให้ถึง จุดหมายปลายทางของชีวิต เช่นเดียวกับ ผู้รู้หรือพระอรหันต์ทั้งหลายในกาลก่อน ครั้งหนึ่งนางอมิตตตาปนาได้กล่าวกับชูชกว่า”คนขลาดยังไม่ทันถึงสนามรบ ไม่ทันได้รบก็ยอมแพ้ ฉันใด ดูก่อนพราหมณ์ ท่านยังไม่ทันได้ไปขอกัณหาชาลีเลย ก็ยอมแพ้ ฉันนั้น ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านไม่หาทาส และทาสีมาให้ฉัน ฉันจักไม่อยู่ในเรือนของท่าน เมื่อท่านเห็นฉันแต่งกายในงานมหรสพ ประกอบด้วยนักขัตฤกษ์ รื่นรมย์อยู่กับชายคนอื่น ความทุกข์ก็จักมีแก่ท่าน เมื่อท่านผู้ชราแล้ว พิไรครํ่าครวญอยู่ เพราะไม่เห็นฉัน ร่างกายที่โก่งงอก็จักงอยิ่งขึ้น ผมที่หงอกก็จักหงอกมากขึ้น เพราะฉะนั้น ท่านจงออกเดินทางไปขอโอรสธิดากับพระเวสสันดรเถิด” นี่เป็นถ้อยคำของนางอมิตตตาภรรยาสาวของชูชกผู้ แก่ชรา นางจะเป็นเหตุที่จะมาเติมมหาทานบารมี ของพระเวสสันดรโพธิสัตว์ให้แก่รอบยิ่งๆ ขึ้นไป เมื่อครั้งที่แล้ว หลวงพ่อได้กล่าวถึงตอนที่พระเวสสันดร เดินทางถึงภูเขาคันธมาทน์ หรือเขาวงกต …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๘ ( ชีวิตนักบวช ) Read More »

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๗ ( เสด็จออกบรรพชา )

เวสสันดชาดก ตอนที่ ๗ ( เสด็จออกบรรพชา ) กาลเวลากลืนกินสรรพสัตว์ เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง สรรพชีวิตที่เกิดมาแล้ว ล้วนบ่ายหน้าไปสู่ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ผู้คนมากมายได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า เหตุเพราะไม่รู้จุดหมายปลายทาง ของชีวิตว่า เกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายของชีวิต เมื่อไม่รู้ความจริงของชีวิต จึงเวียนวน ข้องเกี่ยวอยู่กับเบญจกามคุณทั้ง ๕ อันเป็นเหยื่อล่อของพญามาร ทำให้ข้องอยู่ในภพทั้ง ๓ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ เวียนตายเวียนเกิดอย่างนี้มานับภพนับชาติไม่ถ้วน การทำสมาธิเจริญภาวนา หมั่นฝึกฝนใจให้สะอาดบริสุทธิ์หยุดนิ่ง เป็นประจำสมํ่าเสมอ เป็นวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะนำพานาวาชีวิตของเรา ให้หลุดพ้นจากวังวนแห่งสังสารวัฏอันยาวไกลนี้ ก้าวไปสู่พระนิพพานแดนอันเกษมที่เป็นเอกันตบรมสุข พระเวสสันดรโพธิสัตว์ได้กล่าวอำลา เพื่อออกบวชเป็นบรรพชิตว่า ข้าแต่เสด็จแม่ ขอพระองค์ทรงอนุญาตการบวชแก่หม่อมฉันเถิด หม่อมฉันบริจาคทานในวังของตน ยังถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้เบียดเบียนทั้งตนเองและคนอื่น หม่อมฉันจะออกไปจากแคว้นของตน โดยประสงค์ของชาวสีพี หม่อมฉันจะเสวยทุกข์นั้นในป่า ที่เกลื่อนด้วยพาลมฤค มีแรด และเสือเหลืองอยู่อาศัย แล้วหม่อมฉันจักบำเพ็ญบุญทั้งหลาย *ครั้งที่แล้ว ได้กล่าวถึงตอนที่พระเวสสันดร ได้ถวาย สัตตสตกมหาทาน พร้อมทั้งสิ่งของอย่างอื่นมากมาย …

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๗ ( เสด็จออกบรรพชา ) Read More »