ธรรมะเพื่อประชาชน

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๓)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๓) เหล็กกล้ากว่าจะเป็นเหล็กกล้าขึ้นมาได้ ต้องทนอยู่ในเตาหลอมที่มีความร้อนสูง และถูกตีกระหนํ่าแล้วกระหนํ่าอีก เพื่อให้ได้รูปทรงที่สมบูรณ์ทนทานเหมาะที่จะเป็นอาวุธคู่มือของขุนศึก คนเราก็เช่นกัน ถ้าต้องการประสบความสำเร็จก็ต้องไม่กลัวลำบาก และต้องเตรียมใจไว้ให้พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะดีหรือร้าย โดยเมื่อตั้งใจจะทำสิ่งใด จงทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ และทำให้ดีที่สุด จะได้เป็นผังสำเร็จของชีวิตติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ โดยเฉพาะเมื่อเรามีความตั้งใจ และปรารถนาจะเข้าถึงธรรม ก็ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจ รู้จักให้เวลาและโอกาสกับตัวเองในการที่จะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมให้ได้มากๆ มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน โกสิยชาดก ว่า “ทาน ผู้ให้ให้ได้ยาก เพราะต้องครอบงำความตระหนี่ก่อนแล้วจึงให้ได้ การทำทานนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากโดยแท้ อสัตบุรุษทั้งหลายย่อมไม่ทำทานตามที่สัตบุรุษทำแล้ว เพราะเหตุนั้น การไปจากโลกนี้ของสัตบุรุษกับอสัตบุรุษจึงต่างกัน อสัตบุรุษย่อมไปนรก สัตบุรุษย่อมไปสวรรค์” การทำทานไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะต้องเริ่มต้นกันที่จิตใจว่าจะกล้าหาญ เพื่อสลัดความตระหนี่ออกจากใจได้หรือไม่ ใจต้องรบชนะความโลภให้ได้เสียก่อน ท่านผู้รู้กล่าวถึงทานกับการรบไว้ว่ามีสภาพเสมอกันคือ นักรบแม้จะมีกำลังพลน้อย หากทุ่มเทชีวิตจิตใจ ใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา ชำนาญในการยุทธ์ ก็สามารถมีชัยต่อข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่าได้ เจตนาเครื่องบริจาคก็เหมือนกัน แม้จะน้อย ย่อมชนะหมู่กิเลสมากได้ เพราะวัตถุประสงค์ในการบริจาค เพื่อจะเอาชนะความตระหนี่ในตัวของเขาเอง ไม่ใช่เพื่อเอาชนะคนอื่น เพราะฉะนั้น บัณฑิตผู้มองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับในปรโลก จึงสามารถสละไทยธรรมที่ตนเองมีแม้เพียงเล็กน้อยได้ ส่วนผู้ไม่รู้ทั้งหลาย แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายก่ายกองก็ให้ไม่ได้ เพราะถูกความตระหนี่ครอบงำใจไว้ เป็นผู้มีความโลภอยู่ในขันธสันดาน จึงไม่สามารถให้ทาน …

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๓) Read More »

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๔)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๔) การดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความรีบร้อน รีบเร่ง และสับสนวุ่นวายนี้  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีศิลปะในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข  อารมณ์สบาย จัดเป็นศิลปะชั้นสูงในการดำเนินชีวิตให้มีความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เพราะการสร้างอารมณ์สบายให้ต่อเนื่อง เป็นสิ่งที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง เพียงแค่ทำใจนิ่งๆ เฉยๆ อย่างสบายๆ ไว้ที่ศูนย์กลางกายภายในตัว ทำไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลิน ด้วยความพึงพอใจ โดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น ในไม่ช้าเราจะเข้าถึงอารมณ์สบายอย่างแท้จริง อันจะนำมาซึ่งความสุขที่ถาวรตลอดไป อารมณ์ดี อารมณ์เดียว อารมณ์สบาย จะทำให้พบความสุขอย่างง่ายดายอย่างน่าอัศจรรย์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทายกก่อนให้ทานเป็นผู้ดีใจ กำลังให้ทานอยู่ ย่อมยังจิตให้เลื่อมใส ครั้นให้ทานแล้วย่อมปลื้มใจ นี้คือองค์ ๓ ของทายก องค์ ๓ ของปฏิคาหกเป็นไฉน ? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปฏิคาหกในศาสนานี้ เป็นผู้ปราศจากราคะหรือปฏิบัติเพื่อกำจัดราคะ เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฏิบัติเพื่อกำจัดโทสะ เป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฏิบัติเพื่อกำจัดโมหะ นี้องค์ ๓ ของปฏิคาหก  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การถือประมาณบุญแห่งทักษิณาทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ ประการอย่างนี้ว่า …

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๔) Read More »

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๕)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๕) ในสมรภูมิรบที่มากด้วยอันตรายนั้น ทหารเมื่ออยู่ในหลุมหลบภัยย่อมปลอดภัยจากอาวุธร้ายของศัตรูฉันใด ในสมรภูมิชีวิตที่มากด้วยความทุกข์นั้น ผู้มีใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย ย่อมปลอดภัยจากทุกข์ทั้งปวงฉันนั้น ศูนย์กลางกายเป็นเสมือนหลุมหลบภัยของใจที่จะคอยป้องกันภัยจากปัญหา และอุปสรรคต่างๆ นานาในชีวิตที่เกิดขึ้นกับใจ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องรักษาใจให้หยุดนิ่ง ณ ภายในศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ และเมื่อใจหยุดนิ่ง กระแสแห่งความสุขความชุ่มเย็นภายใน จะหล่อเลี้ยงใจให้มีความสดชื่นเบิกบาน มีความสว่างไสว จนกระทั่งเห็นหนทางที่จะดำเนินเข้าไปสู่ภายใน ถึงพระรัตนตรัยได้อย่างแจ่มกระจ่าง ฉะนั้น ใจหยุดนิ่งจึงเป็นหลักสำคัญของชีวิต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร ว่า “ถ้าหากว่าสรรพสัตว์พึงรู้ผลแห่งการจำแนกทาน เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณอันใหญ่ตรัสแล้ว รู้โดยวิธีที่ผลนั้น เป็นผลใหญ่ไซร้ สัตว์ทั้งหลายพึงกำจัดความตระหนี่อันเป็นมลทินเสีย มีใจผ่องใส พึงให้ทานที่ให้แล้วมีผลมาก” การทำบุญให้ถูกหลักวิชชาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะการจะได้รับผลานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลหรือไม่นั้น ต้องดูกันที่การประกอบเหตุว่า ทำบุญถูกหลักวิชชาหรือไม่ ทำบุญกับใคร และเจตนาในการให้เป็นอย่างไร ในคัมภีร์ท่านได้กล่าวถึงเจตนาในการให้ทานของคนในโลกนี้ไว้หลายอย่างด้วยกัน คือบางคนให้ทานเพราะชอบพอกัน บางคนให้ทานเพราะความโลภ หวังจะได้ผลตอบแทน คือเมื่อให้ไปแล้ว ก็หวังว่าเขาจะให้ตอบแทนกลับมา บางคนให้ทานเพราะความโกรธ จึงให้ไปแบบประชดประชัน บางคนให้ทานเพราะความกลัว ถ้าไม่ให้ก็กลัวเขาติเตียน บางคนให้ทานเพราะนึกว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย …

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๕) Read More »

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๖)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๖) วันเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไป ทำให้สรรพสิ่งเปลี่ยนแปลง ชีวิตก็ผันแปร จากวัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาวที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง ก็ค่อยๆ ร่วงโรย ดุจดวงอาทิตย์เคลื่อนคล้อยในยามอัสดง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาคือ เป้าหมายและมโนปณิธานอันแน่วแน่ วันเวลาที่ผ่านมา บางคนก็มีความภาคภูมิใจในชีวิต แต่บางคนกลับรู้สึกเสียดายเวลาและโอกาสดีๆ ที่ผ่านไป แต่ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการสร้างความดี เราสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เสมอ ด้วยการทำสิ่งใหม่ๆ ที่ดีๆ ที่ทำให้ใจสงบสุข พลิกใจที่ห่อเหี่ยวให้กลับมาสดชื่น ยกใจที่อ่อนล้าให้หันมากล้าแกร่ง และกล้าเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออุปสรรค ให้ถือว่าอุปสรรคเป็นเสมือนบทเรียนของชีวิต ที่ทุกคนต้องเรียนรู้ และก้าวข้ามไปให้ได้ โดยเฉพาะการไปสู่ฝั่งพระนิพพานนั้น จะต้องก้าวข้ามอุปสรรคอันยิ่งใหญ่คือสังสารวัฏ เอาชนะกิเลสอาสวะทั้งปวง ด้วยการหมั่นเจริญสมาธิภาวนา ทำใจหยุดนิ่งเป็นประจำสมํ่าเสมอ มีสุภาษิตที่ปรากฏในอรรถกถา ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ธรรมดาพวกมนุษย์ ย่อมไปสู่สำนักของพวกมนุษย์ พวกโคก็ไปสู่ฝูงโค บรรพชิตก็ไปสู่สำนักของบรรพชิต บัณฑิตก็เข้าไปหาพวกบัณฑิต” ธรรมดาของสรรพสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ จะคบหาสมาคมหรือเข้าหากันได้ตามธาตุธรรมคือ มีจริตอัธยาศัย อนุสัย และอาสยะตรงกัน จริตคือความประพฤติ ที่เป็นไปทางกาย วาจา ใจ มีทั้งสุจริตและทุจริต  อัธยาศัยของหมู่สัตว์แต่ละประเภทก็ไม่เหมือนกัน มีทั้งที่น้อมไปในทางที่ดีและไม่ดี  …

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๖) Read More »

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๗)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๗) ชีวิตของคนเราที่เกิดมา บางครั้งก็ประสบความสำเร็จ บางครั้งก็ต้องประสบกับความทุกข์ ความล้มเหลว อย่างไรก็ตาม ขอเพียงแต่ให้เรามีพลังใจที่เข้มแข็ง กล้าหาญ อดทน พร้อมที่จะเผชิญกับอุปสรรค และปัญหาทั้งหลาย แล้วหมั่นสั่งสมความดีอย่างไม่ย่อท้อ และตรึกระลึกถึงบุญที่ทำไว้อยู่เสมอ บุญนั้นจะช่วยเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส ช่วยขจัดปัญหาที่มีอยู่ให้หมดสิ้นไป ดังนั้น อย่าเสียเวลาไปท้อแท้ใจ หรือหมดกำลังใจ แต่ให้มีสติสัมปชัญญะ และรู้จักใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา ยามใดที่เราพบเจอปัญหา ใหัน้อมนำใจกลับมาตั้งไว้ที่ต้นแหล่งแห่งบุญคือ ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ทำใจให้หยุดนิ่งอย่างเบาสบาย  เมื่อใจสงบเราจะพบทางออกที่ดีที่สุดได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ทานสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าสัตว์ทั้งหลายพึงรู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่เรารู้ไซร้ สัตว์ทั้งหลายยังไม่ให้และจะไม่พึงบริโภค อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทินจะไม่พึงครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แต่เพราะสัตว์ทั้งหลายไม่รู้ผลแห่งการจำแนกทานเหมือนอย่างที่เรารู้ ฉะนั้น สัตว์ทั้งหลายจึงไม่ให้ แล้วบริโภคเสียเอง อนึ่ง ความตระหนี่อันเป็นมลทินจึงยังครอบงำจิตของสัตว์เหล่านั้น” ที่ผ่านมาหลวงพ่อได้นำอัตชีวประวัติโดยพิสดารของมหาเศรษฐีผู้มีสมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่องคือ ท่านเมณฑกเศรษฐี มากล่าวไว้ให้ได้รับทราบติดต่อกันแล้วหลายตอน เพื่อให้ตระหนักถึงอานิสงส์ของการให้ทาน ว่ามีอิทธิพลต่อชีวิตในสังสารวัฏอย่างมาก ท่านเมณฑกเศรษฐีเห็นคุณค่าของการให้ทานยิ่งกว่าชีวิต  นับว่าเป็นบุคคลผู้กล้าที่หาได้ยากในโลก ท่านยอมสละชีวิตเพื่อแลกกับการให้ทาน เพราะฉะนั้น เมื่อท่านทำในสิ่งที่ทำได้โดยยาก ชีวิตของท่านจึงได้ในสิ่งที่คนทั่วไปได้โดยยาก ในครั้งนี้ก็มาถึงตอนสุดท้ายกันแล้ว จากครั้งที่แล้ว …

เมณฑกเศรษฐี ผู้ใจบุญ (๗) Read More »

ชฎิลเศรษฐี ผู้มีภูเขาทอง

ชฎิลเศรษฐี ผู้มีภูเขาทอง การปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุดทั้งต่อตัวของเราเองและต่อชาวโลก การสร้างสันติสุขที่แท้จริงให้บังเกิดขึ้น จะต้องเริ่มต้นจากตัวของมนุษย์ทุกๆ คน เพราะทุกคนมีธรรมกายอยู่ภายในตัว ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ภาษาไหน หรือจะมีความเชื่ออย่างไร ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์แล้ว สามารถเข้าถึงธรรมกายได้ทั้งนั้น และจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งอย่างถูกวิธี ณ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ขอเพียงมีความพอใจ และมีความเพียรอย่างสมํ่าเสมอ ย่อมเข้าถึงได้ทุกคน มีวาระพระบาลีที่มีมาใน ขุททกนิกาย สคาถวรรค ว่า “สาธุ โข มาริส ทานํ    อปฺปกสฺมึปิ สาหุ ทานํ สทฺธายปิ สาหุ ทานํ    ธมฺมลทฺธสฺสปิ สาหุ ทานํ วิเจยฺยทานํปิ สาธุ      อปิจ ปาเณสุปิ สาธุ สํยโม ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของที่จะให้มีอยู่น้อย ทานก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ การให้ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธาก็ให้ประโยชน์สำเร็จได้ ทานที่ให้แก่บุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว ยิ่งเป็นการดี อนึ่ง ทานที่บุคคลเลือกให้ ยิ่งเป็นการดี และความสำรวมแม้ในสัตว์ทั้งหลายยิ่งเป็นการดี” …

ชฎิลเศรษฐี ผู้มีภูเขาทอง Read More »

ปุณณเศรษฐี ผู้ไถนาเป็นทอง

ปุณณเศรษฐี ผู้ไถนาเป็นทอง พระรัตนตรัย คือ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ สามสิ่งนี้เท่านั้นที่เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของเรา ผู้ใดก็ตามระลึกถึงรัตนะทั้งสาม หากยามมีทุกข์ก็สามารถบำบัดทุกข์ เมื่อมีสุขแล้วก็เพิ่มเติมความสุขได้ เพราะพระรัตนตรัยเป็นแหล่งรวมแห่งความสุข ความบันเทิง ความเบิกบานใจ ซึ่งมีอยู่ภายในตัวของเราทุกๆ คน หากทุกคนในโลกเข้าถึงสรณะอันสูงสุดนี้ได้ ความทุกข์ทั้งหลายจะดับหมด เพราะได้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง ที่ท่านเรียกว่า เอกันตบรมสุข คือเป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปนเลย การจะเข้าถึงรัตนะทั้งสามนี้ได้ ต้องทำใจให้หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เท่านั้น มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ตสฺมา วิเนยฺย มจฺเฉรํ    ทชฺชา ทานํ มลาภิภู ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ      ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ บุคคลควรกำจัดความตระหนี่อันเป็นสนิมในใจ ให้ทานเถิด เพราะบุญทั้งหลาย ย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า” การให้เป็นอริยะประเพณีที่ผู้รู้ทรงสรรเสริญ แม้เราจะรู้ว่าการให้ทานเป็นสิ่งที่ดี แต่การทำทานที่จะให้ได้ผลมาก เป็นมหาทานบารมีนั้น ผู้ให้จะต้องรู้จักวิธีการให้ทานที่ถูกต้อง และทำถูกเนื้อนาบุญด้วย การทำทานที่จะให้ได้ผลมาก ใจของเราจะต้องใสสะอาดบริสุทธิ์ …

ปุณณเศรษฐี ผู้ไถนาเป็นทอง Read More »

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างมีเวลาที่เสียไปวันละ ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมานั้นไม่เท่ากัน บางคนได้บุญเพิ่มขึ้น บางคนได้บาปอกุศลเพิ่มขึ้น หากคิดว่า เราจะมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดเอง เพราะในความเป็นจริง อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เราไม่อาจรู้ว่าสังขารร่างกายนี้จะแตกดับเมื่อไร ชีวิตบนโลกใบนี้ไม่ยาวนาน แต่ชีวิตหลังความตายยาวนานยิ่งนัก เราเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที ที่ว่าน้อยนั้นคือ น้อยสำหรับการสร้างบุญบารมี เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้ สั่งสมความดีให้เต็มที่ เพื่อความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย วาจา และใจ มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน อรรถกถา โลณกสูตร ว่า “ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมแม้ประมาณน้อย ที่บุคคลบางคนทำแล้ว บาปกรรมนั้น ย่อมนำเขาไปนรกได้ บาปกรรมประมาณน้อยอย่างเดียวกันนั้น บางคนทำแล้ว กรรมนั้นเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรมที่ให้ผลในภพปัจจุบัน” เมื่อมนุษย์ทำบาปกรรมใด กรรมนั้นย่อมส่งผลอย่างแน่นอน เพียงแต่จะส่งผลเร็วหรือช้าเท่านั้น และที่ไปทำอกุศลกรรมต่างๆ เพราะกิเลสเป็นตัวบังคับใจให้เราทำกรรมทั้งทางกาย วาจา และใจ เมื่อทำไปและเกิดวิบากตามมา ซึ่งการส่งผลของกรรมนั้นมีหลักๆ ๓ ชนิด ได้แก่ ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม คือ กรรมที่ให้ผลในภพปัจจุบัน อุปปัชชเวทนียกรรม คือกรรมให้ผลในภพถัดไป และอปรปริยายเวทนียกรรม …

มหาเศรษฐีกากวฬิยะ Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์)

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์) มหาสมบัติทุกอย่างที่บังเกิดขึ้นมาในโลก ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ตาม บังเกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญทั้งสิ้น สำหรับนักสร้างบารมีที่ตั้งใจสั่งสมคุณงามความดีมาโดยตลอด ความดีที่เราได้ทำจะกลั่นตัวเป็นดวงบารมีที่ใสสว่าง คอยดึงดูดมหาสมบัติ และสิ่งที่เป็นสิริมงคลทั้งหลายให้บังเกิดขึ้น เพื่อส่งเสริมให้เรามีชีวิตที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ มีความสุขสมหวังเพราะมีบุญเป็นเบื้องหลังแห่งความสำเร็จ มหาสมบัตินั้นมีทั้งที่เป็นโลกียะ และอริยทรัพย์ ทรัพย์ภายนอกทั้งหลายเป็นโลกียทรัพย์ ส่วนอริยทรัพย์หรือรัตนะภายในก็คือพระธรรมกายในตัวนั่นเอง เป็นอริยทรัพย์ที่ประเสริฐที่สุด เป็นที่พึ่งให้กับเราได้อย่างแท้จริง แต่ว่าก็สำคัญทั้งสองอย่าง เพราะเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการสร้างบารมี โดยเฉพาะรัตนะภายในนั้น จะเป็นอุปกรณ์อย่างสำคัญที่จะนำเราข้ามพ้นสังสารวัฏไปสู่ฝั่งพระนิพพาน ดังนั้น ให้พวกเราทั้งหลายตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม  ให้เข้าถึงรัตนะภายในกันทุกๆ คน มีวาระพระบาลีที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ความว่า “ผู้ที่มาเกิดแล้ว จำจะต้องตายในโลกนี้ ย่อมทำกรรมใดไว้ คือ เป็นบุญและเป็นบาปทั้งสองประการ บุญและบาปนั้นแล เป็นสมบัติของเขา และเขาจะพาเอาบุญและบาปนั้นไปสู่ปรโลก บุญและบาปนั้น ย่อมจะติดตามตัวเขาไป ประดุจเงาติดตามตนไปฉะนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงบำเพ็ญบุญ สะสมกรรมดีไว้เป็นสมบัติในปรโลก เพราะว่า บุญทั้งหลายย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย” การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ล้วนอยู่ในกระแสแห่งกิเลส กรรม วิบาก กิเลสที่สั่งสมในขันธสันดาน หุ้ม เคลือบ เอิบอาบ ซึมซาบ ปนเป็น …

วิสาขามหาอุบาสิกา (มหาลดาปสาธน์) Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐)

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐) พระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เป็นหลักของพระพุทธศาสนา ผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย จึงได้ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาท่านได้เข้าถึงพระรัตนตรัย และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดสิ้นกิเลสอาสวะ มีแต่ความบริสุทธิ์ล้วนๆ จึงเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ ผู้มีจิตเลื่อมใสในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เลิศ ผลบุญอันเลิศย่อมบังเกิดขึ้นกับบุคคลนั้น และบุญนั้นยังตามส่งผลข้ามภพข้ามชาติไปจนถึงที่สุดแห่งธรรม การทำสมาธิภาวนาด้วยการเจริญพุทธานุสติ มีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ จึงมีอานิสงส์ใหญ่ควรที่พวกเราทั้งหลายจะต้องฝึกให้เป็นอุปนิสัย แล้วบุญใหญ่ก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา มีวาระพระบาลีที่กล่าวไว้ในมงคลสูตรว่า “ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห    เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การสงเคราะห์บุตรและภรรยา เป็นอุดมมงคล” การใช้ชีวิตในการครองเรือน เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถ้าคู่สามีภรรยาไม่เข้าใจกัน ไม่รู้วิธีผูกรักให้ยั่งยืน ด้วยการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันด้วยสังคหวัตถุ ๔ ไม่ช้าก็ต้องแยกจากกันไปคนละทิศละทาง บางคู่ทนอยู่ด้วยกันมา ๑๐ ปีบ้าง ๒๐ ปีบ้าง แต่ในที่สุดก็หย่าร้างกันไป ดังนั้นเมื่อสองคนตัดสินใจที่จะมาครองเรือนร่วมกันแล้ว จำเป็นจะต้องมีธรรมะของผู้ครองเรือน จะมัวเอาแต่ใจตนเองเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะไม่อยากให้เกิดการแตกแยกในครอบครัว อยากให้เป็นครอบครัวแก้ว ครอบครัวธรรมกาย ที่ทุกคนมีธรรมะอยู่ในใจ เป็นครอบครัวตัวอย่างของโลก ครอบครัวของนักสร้างบารมี ที่ดำเนินชีวิตเป็นต้นบุญต้นแบบที่ดีให้แก่ชาวโลก ซึ่งพื้นฐานของครอบครัวที่ทำให้สามีภรรยาครองชีวิตกันยืนยาวและมีความสุขนั้น คู่สามีภรรยาต้องมีทิฏฐิเสมอกัน มีศรัทธาเสมอกัน แม้จะเป็นพุทธศาสนิกชนก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิ …

วิสาขามหาอุบาสิกา (โอวาท ๑๐) Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (สร้างบุพพาราม)

วิสาขามหาอุบาสิกา (สร้างบุพพาราม) การเกิดมาแต่ละชาติของสรรพสัตว์ทั้งหลายนั้น ต่างมีเป้าหมายสูงสุดอย่างเดียวกันคือ เพื่อจะฝึกฝนอบรมจิตใจให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ ประพฤติปฏิบัติธรรม เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ให้เข้าถึงพระธรรมกาย แล้วอาศัยธรรมกายศึกษาวิชชาธรรมกายกำจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป จะได้พ้นจากความทุกข์ และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง มุ่งไปสู่อายตนนิพพาน ซึ่งมีแต่สุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปน เสวยวิมุตติสุขอย่างเดียวคือ สุขที่เกิดจากการหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ ไปสู่ความสุขที่ไม่มีขอบเขต อันไม่มีประมาณ นี่คือเป้าหมายของทุกชีวิต ดังนั้น เราจะต้องมุ่งแสวงหาความสุขที่แท้จริงอย่างนี้กันทุกๆ คน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา     กยิรา มาลาคุเฬ พหู เอวํ ชาเตน มจฺเจน      กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ ํ นายมาลาการพึงทำพวงดอกไม้ให้มาก จากกองดอกไม้แม้ฉันใด มัจจุสัตว์ผู้มีอันจะต้องตายเป็นสภาพ ควรทำกุศลไว้ให้มากฉันนั้น” เมื่อเราเกิดมาแล้ว ต้องรู้จักแนะนำตักเตือนตัวเองให้ดำเนินชีวิตอยู่บนเส้นทางแห่งการสร้างความดี เพราะเราเกิดมามีหน้าที่ จะไปมัวคอยให้คนอื่นมาเป็นกัลยาณมิตรชี้นำให้ตลอดเวลานั้นไม่ได้ ต้องพิจารณาให้รู้ถึงภารกิจหลัก ภารกิจรอง ว่าสิ่งไหนควรทำก่อนหรือทำหลัง แม้เราจะมีกรณียกิจที่ต้องทำหลายอย่าง แต่การสั่งสมบุญก็เป็นสิ่งที่เราควรทำไปพร้อมๆ กัน จะได้เป็นที่พึ่งให้กับตัวเองในสัมปรายภพ …

วิสาขามหาอุบาสิกา (สร้างบุพพาราม) Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (พรอันประเสริฐ)

วิสาขามหาอุบาสิกา (พรอันประเสริฐ) พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ท่านได้ค้นพบว่า นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง เป็นบรมสุข เป็นธรรมที่สงบประณีต ซึ่งจะนึกคิดหรือคาดคะเนเอาไม่ได้ จะรู้ได้เฉพาะตน และจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อปรับใจให้หยุดนิ่งไปตามลำดับ จนกระทั่งเข้าไปถึงพระธรรมกายที่ชัด ใส สว่าง ซึ่งเป็นแหล่งแห่งความสุขความบริสุทธิ์ แหล่งของสติ แหล่งของปัญญา จนเกิดธรรมจักขุและญาณทัสสนะ เมื่อนั้นเราจะรู้เห็นทุกสิ่งไปตามความเป็นจริงว่าสาระแก่นสารของทุกๆ ชีวิตคือ การฝึกฝนใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่ง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งเท่านั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน จีวรขันธกะ วินัยปิฎก ว่า * “สตรีใดให้ข้าวและน้ำ มีใจเบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่แล้ว บริจาคทาน อันเป็นเหตุแห่งสวรรค์ เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสุข สตรีนั้น อาศัยมรรคปฏิบัติ ปราศจากธุลี ไม่มีกิเลสเครื่องยั่วยวน ย่อมได้กำลัง และอายุทิพย์ สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมีสุข สมบูรณ์ด้วยพลานามัย ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน” * พระบรมศาสดาได้ตรัสพระคาถานี้ ด้วยทรงปรารภพร ๘ ประการที่มหาอุบาสิกาวิสาขาได้ขอจากพระพุทธองค์ และมองเห็นการณ์ไกลว่า พรที่นางได้ทูลขอนั้น …

วิสาขามหาอุบาสิกา (พรอันประเสริฐ) Read More »

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (เฮือกสุดท้ายของชีวิต)

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (ก่อนลมหายเฮือกสุดท้าย) เราทั้งหลายได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐ ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา เป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อเรื่องกรรม และผลของกรรม ตั้งใจมั่นในการทำความดี เมื่อเรายังไม่สิ้นอาสวกิเลส เส้นทางชีวิตอาจแบ่งได้เป็น ๒ ทางคือ ทางหนึ่งไปสู่สุคติ ซึ่งเป็นผลของการทำความดี อีกทางหนึ่งไปสู่ทุคติ ซึ่งเป็นผลบาป บุคคลผู้เป็นบัญฑิตนักปราชญ์ฉลาดในการใช้ชีวิต ย่อมเลือกเอาเส้นทางที่จะนำไปสู่สุคติ เพราะเป็นทางแห่งความสุข และปลอดภัย ดังนั้น เราจึงควรสั่งสมบุญทั้งการทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เมื่อมีโอกาสควรทำให้เต็มที่เต็มกำลัง เก็บเกี่ยวบุญกุศลไว้มากๆ จะได้เป็นเสบียงในการเดินทางไกลในสังสารวัฏ มุ่งสู่เป้าหมายคือ อายตนนิพพาน มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “อนิจฺจา วต สงฺขารา    อุปฺปาทวยธมฺมิโน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ    เตสํ วูปสโม สุโข สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีความเกิดขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไปสงบระงับสังขารเหล่านั้น นำสุขมาให้” ที่หลวงพ่อได้ยกพุทธพจน์บทนี้ เพราะปรารภเหตุเกี่ยวกับสังขารของยอดนักสร้างบารมีผู้มีจิตใจที่งดงาม เริ่มมีความเสื่อมกันบ้างแล้ว บางท่านก็ละสังขารไปก่อนถึงวัยอันสมควร หรือละสังขารไปเพราะสังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลาก็มี …

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (เฮือกสุดท้ายของชีวิต) Read More »

วิสาขามหาอุบาสิกา (อดีตชาติของวิสาขา)

วิสาขามหาอุบาสิกา (อดีตชาติของวิสาขา) ความไม่ประมาทเป็นยอดแห่งกุศลธรรมทั้งปวง เป็นที่ประชุมรวมลงแห่งธรรมทั้งหลาย ดุจรอยเท้าของสรรพสัตว์ทั้งหลายในพื้นชมพูทวีป ย่อมประชุมรวมลงในรอยเท้าช้าง ฉะนั้น บุคคลใดที่ไม่ประมาท ความคิด คำพูด และการกระทำของบุคคลนั้น ย่อมถูกต้องร่องรอยในธรรมของพระอริยเจ้าทั้งหลาย หากเรามีความไม่ประมาทฝังลึกอยู่ในใจแล้ว เราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า และมีชีวิตที่สมบูรณ์บริบูรณ์ ซึ่งความไม่ประมาทที่แท้จริงนั้นคือ การมีสติอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตลอดเวลา ใจหยุดนิ่งอยู่กลางธรรมะ กลางพระรัตนตรัย หากทำได้อย่างนี้ ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท เป็นชีวิตที่ปลอดภัย และมีชัยชนะแท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สัมมาทิฏฐิสูตร ว่า “สมฺมามนํ ปณิธาย         สมฺมาวาจํ อภาสิย สมฺมากมฺมานิ กตฺวาน       กาเยน อิธ ปุคฺคโล พหุสฺสุโต ปุญฺญกโร         อปฺปสฺมึ อิธ ชีวิเต กายสฺส เภทา สปฺปญฺโญ    สคฺคํ โส …

วิสาขามหาอุบาสิกา (อดีตชาติของวิสาขา) Read More »

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (มหาเศรษฐีเทพบุตร)

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (มหาเศรษฐีเทพบุตร) วันเวลาแห่งการสร้างบารมีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราได้ทำความดีกันอย่างสมํ่าเสมอ เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ทุกๆ ท่านก็ไม่ได้หวั่นไหวแม้จะต้องสวนกระแส สร้างบารมีกันโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยยาก ต่างก็ทุ่มเทชีวิตจิตใจสร้างบารมีกันเป็นทีมเรื่อยมาเลย นับว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในยุคนี้ น่าอนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่ง ความดีที่เราได้ทำไปนี้ นึกถึงทีไรจะเกิดความปลื้มปีติและภาคภูมิใจทุกครั้ง แต่เราก็ไม่ควรประมาทในชีวิต เราจะต้องสร้างให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางคือ ที่สุดแห่งธรรมกันให้ได้ มีวาระพระบาลีที่ท่านอนาถบิณฑิกเทพบุตรได้กล่าวไว้ว่า “มหาวิหารเชตวันนี้มีประโยชน์ มีหมู่สงฆ์ผู้แสวงบุญอยู่อาศัยแล้ว มีพระพุทธองค์ผู้เป็นพระธรรมราชาประทับอยู่ เป็นสถานที่นำมาซึ่งความปีติแก่ข้าพระองค์  สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕ อย่างนี้ คือ กรรม  วิชชา ธรรม ศีล และชีวิตอุดม ไม่ใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตร หรือด้วยทรัพย์ เพราะฉะนั้น  บุคคลผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย  จะบริสุทธิ์ในธรรมนั้นได้ด้วยอาการอย่างนี้” นี่คือคำสุภาษิตที่อนาถบิณฑิกเทพบุตรได้กล่าวไว้เฉพาะพระพักตร์ของพระบรมศาสดาในวัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งในสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านได้เป็นผู้บุกเบิกก่อสร้างขึ้นมา ด้วยพลังศรัทธาที่มีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อละสังขารจากโลกนี้แล้ว ก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมานที่สว่างไสวมากเป็นพิเศษ รัศมีกายของท่าน สว่างโชติช่วงเหมือนกองทองที่สุกปลั่ง มีทิพยอุทยาน บริวาร และวิมานที่กว้างใหญ่ไพศาล บังเกิดขึ้นรอคอยท่านมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ท่านได้สำรวจดูว่า ทิพยสมบัติที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินนี้ เกิดขึ้นเพราะได้กระทำกุศลกรรมอะไรไว้ในโลกมนุษย์ เมื่อได้เห็นภาพของการประกอบกองการกุศลแล้ว …

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (มหาเศรษฐีเทพบุตร) Read More »