อนาถบิณฑิกเศรษฐี (มหาเศรษฐีเทพบุตร)
อนาถบิณฑิกเศรษฐี (มหาเศรษฐีเทพบุตร) วันเวลาแห่งการสร้างบารมีที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราได้ทำความดีกันอย่างสมํ่าเสมอ เป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ทุกๆ ท่านก็ไม่ได้หวั่นไหวแม้จะต้องสวนกระแส สร้างบารมีกันโดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยยาก ต่างก็ทุ่มเทชีวิตจิตใจสร้างบารมีกันเป็นทีมเรื่อยมาเลย นับว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากในยุคนี้ น่าอนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่ง ความดีที่เราได้ทำไปนี้ นึกถึงทีไรจะเกิดความปลื้มปีติและภาคภูมิใจทุกครั้ง แต่เราก็ไม่ควรประมาทในชีวิต เราจะต้องสร้างให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก เพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายปลายทางคือ ที่สุดแห่งธรรมกันให้ได้ มีวาระพระบาลีที่ท่านอนาถบิณฑิกเทพบุตรได้กล่าวไว้ว่า “มหาวิหารเชตวันนี้มีประโยชน์ มีหมู่สงฆ์ผู้แสวงบุญอยู่อาศัยแล้ว มีพระพุทธองค์ผู้เป็นพระธรรมราชาประทับอยู่ เป็นสถานที่นำมาซึ่งความปีติแก่ข้าพระองค์ สัตว์ทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ด้วยธรรม ๕ อย่างนี้ คือ กรรม วิชชา ธรรม ศีล และชีวิตอุดม ไม่ใช่บริสุทธิ์ด้วยโคตร หรือด้วยทรัพย์ เพราะฉะนั้น บุคคลผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ของตน พึงเลือกเฟ้นธรรมโดยแยบคาย จะบริสุทธิ์ในธรรมนั้นได้ด้วยอาการอย่างนี้” นี่คือคำสุภาษิตที่อนาถบิณฑิกเทพบุตรได้กล่าวไว้เฉพาะพระพักตร์ของพระบรมศาสดาในวัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งในสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านได้เป็นผู้บุกเบิกก่อสร้างขึ้นมา ด้วยพลังศรัทธาที่มีต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อละสังขารจากโลกนี้แล้ว ก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพบุตรในสวรรค์ชั้นดุสิต มีวิมานที่สว่างไสวมากเป็นพิเศษ รัศมีกายของท่าน สว่างโชติช่วงเหมือนกองทองที่สุกปลั่ง มีทิพยอุทยาน บริวาร และวิมานที่กว้างใหญ่ไพศาล บังเกิดขึ้นรอคอยท่านมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ ท่านได้สำรวจดูว่า ทิพยสมบัติที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินนี้ เกิดขึ้นเพราะได้กระทำกุศลกรรมอะไรไว้ในโลกมนุษย์ เมื่อได้เห็นภาพของการประกอบกองการกุศลแล้ว …