ธรรมะเพื่อประชาชน

สามเณรนิโครธ (๓)

สามเณรนิโครธ (๓) การดำเนินชีวิตให้อยู่รอดปลอดภัยในสังสารวัฏ เราจะต้องรู้ว่าสิ่งไหนเป็นบุญ สิ่งไหนเป็นบาปอกุศล แล้วดำรงตนให้อยู่ในเส้นทางแห่งบุญ เส้นทางแห่งความดี เพราะถ้าไม่รู้ในสิ่งเหล่านี้แล้ว จะทำให้เราพลาดพลั้งไปทำบาปอกุศล ทำให้ชีวิตมัวหมองได้ เมื่อไม่รู้ก็ต้องแสวงหาผู้รู้ เข้าไปสอบถามในสิ่งที่สงสัย ที่สำคัญต้องหมั่นเข้าไปหาผู้รู้ภายในคือพระธรรมกาย ด้วยวิธีการหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ แสวงหาความรู้แจ้งที่เกิดจากปัญญาอันบริสุทธิ์ แล้วเราจะเข้าถึงผู้รู้แจ้งเห็นแจ้งภายใน และจะได้แนวทางที่ถูกต้องสมบูรณ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน กุลสูตร ว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตผู้มีศีลทั้งหลาย เข้าไปหาสกุลใด มนุษย์ในสกุลนั้นย่อมประสบบุญเป็นอันมาก โดยฐานะ ๕ ประการ คือ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล จิตของพวกมนุษย์ ย่อมเลื่อมใส สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่าปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อสวรรค์ สมัยใด บรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปหาสกุล พวกมนุษย์ พากันลุกต้อนรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ยังสัตว์ ให้เป็นไปพร้อมเพื่อเกิดในสกุลสูง สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล พวกมนุษย์ย่อมกำจัดมลทินคือความตระหนี่ สมัยนั้น สกุลนั้นชื่อว่า ปฏิบัติปฏิปทาที่ทำตน ให้เป็นไปพร้อมเพื่อความเป็นผู้มีศักดิ์ใหญ่ สมัยใด เมื่อบรรพชิตผู้มีศีลเข้าไปสู่สกุล …

สามเณรนิโครธ (๓) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) คนเราทุกๆ คน ล้วนมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตในภพชาติปัจจุบันและชีวิตในสัมปรายภพ ตลอดจนกระทั่งชีวิตในสังสารวัฏ จึงพากันแสวงหาบุคคลที่จะเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินชีวิตให้แก่ตนเอง แม้ว่าเราจะมีความพยายามแสวงหา แต่ถ้ายังไม่พบกัลยาณมิตรผู้เป็นต้นบุญต้นแบบ เราจะดำเนินชีวิตผิดพลาดประมาทอยู่เสมอ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบที่สมบูรณ์ที่สุด  ฉะนั้น การได้พบกัลยาณมิตรมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น จึงถือว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวที่แท้จริงของชีวิต เช่น อยากรู้ว่าเกิดมาจากไหน มาทำไม  อะไรคือเป้าหมายของชีวิต อะไรเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด เมื่อเกิดคำถามก็จะทำให้แสวงหาคำตอบ ทำให้เราแสวงหาเป้าหมายในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ดำเนินชีวิตอยู่เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีเถรีวาทะอันเป็นอมตวาจาที่ปรากฏใน เถรีคาถา ความว่า “ในที่ใด ไม่มีความแก่หรือความตาย ไม่มีการสมาคมด้วยสัตว์และสังขารอันไม่เป็นที่รัก ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั้นนักปราชญ์กล่าวว่าเป็นอสังขตสถาน” ในทุกโลกธาตุ ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนมีพื้นฐานของชีวิตเหมือนกัน คือ ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้น ไม่มีที่ใดเลยที่จะพ้นจากวัฏจักรอันเวียนวนนี้ไปได้ ยกเว้นที่แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีความแก่ ความเจ็บหรือความตาย ไม่มีการพลัดพรากจากสัตว์และสังขารอันเป็นที่รัก ที่นั่นเป็นอสังขตสถานคือ สถานที่ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ บริสุทธิ์ล้วนๆ ด้วยธรรมธาตุอันเป็นวิราคธาตุ วิราคธรรม ที่นั้นผู้รู้เรียกกันว่า …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๑) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) สรรพสัตว์ทั้งหลายต่างก็มีเวลาที่เสียไป ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่สิ่งที่ได้กลับคืนมาไม่เท่ากัน บางคนได้บุญเพิ่ม บางคนได้บาปอกุศลเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน  ฉะนั้น การที่เรามีความคิดว่า จะต้องมีชีวิตอยู่อีกยาวนานนั่นเป็นสิ่งที่เราคิดเอาเอง เพราะในความเป็นจริงแล้ว อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน เราจะเดินทางออกจากร่างกายนี้เมื่อไรก็ไม่รู้ ชีวิตในโลกนี้ไม่สั้นนิดเดียว แต่ชีวิตหลังความตายนั้นยาวนานนัก เราเหลือเวลาอยู่น้อยเต็มที ที่ว่าน้อยนั้นคือน้อยสำหรับการสร้างบุญบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป  เพราะฉะนั้น เราต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนี้  สั่งสมความดีความบริสุทธิ์ทั้งทางกาย วาจา และใจให้เต็มที่ มีวาระพระบาลีที่พระผู้พระภาคเจ้าตรัสไว้ใน พราหมณ์วรรค ว่า “ยสฺส กาเยน วาจาย   มนสา นตฺถิ ทุกฺกตํ สํวุตํ ตีหิ ฐาเนหิ       ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ความชั่วทางกาย วาจา และใจของบุคคลใดไม่มี เราเรียกบุคคลนั้น ผู้สำรวมแล้วโดยฐานะ ๓ ว่า เป็นพราหมณ์” การขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นจากใจเป็นเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ เมื่อเราสามารถกำจัดกิเลส ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความชั่วทั้งหลายให้หมดสิ้นไปได้ เราก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง บริสุทธิ์ทั้งทางกาย …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๒) Read More »

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓)

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ยังต้องวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ ล้วนถูกบังคับบัญชาด้วยธรรมสามประการคือ กุศลธรรม อกุศลธรรม และอัพยากตธรรม ธรรมทั้ง ๓ ประการนี้ จะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาครอบครองจิตใจของเรา จะมีการชิงช่วง และช่วงชิงกันอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น เราควรจะหวงแหนเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวินาที ให้จิตใจของเราเกาะเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ไม่ควรไปเสียเวลากับสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ควรใช้เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันอยู่กับการสร้างบารมี แล้วชีวิตของเราถึงแม้จะเป็นของน้อย แต่จะทรงคุณค่าอย่างมหาศาล เป็นเวลาที่จะเป็นไปเพื่อการแสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้น เป็นเวลาที่มุ่งแต่แสวงหาพระรัตนตรัยภายใน เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะเลิศไปกว่าใจที่บริสุทธิ์ และไม่มีสิ่งใดที่ประเสริฐกว่า การได้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน มีพุทธพจน์ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า “อปฺปมายุ มนุสฺสานํ    หิเฬยฺย นํ สุโปริโส จเรยฺยาทิตฺตสีโสว      นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโม อายุของมนุษย์มีน้อย คนดีพึงดูถูกอายุนั้นเสีย พึงประพฤติตน ดุจคนมีศีรษะถูกไฟไหม้ มฤตยูที่จะไม่มาถึงย่อมไม่มี” ชีวิตของเรามีระเบิดเวลาที่พญามัจจุมารตั้งไว้ พร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเวลา เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าจะระเบิดขึ้นเมื่อใด และเมื่อระเบิดเวลาในชีวิตได้ระเบิดขึ้น ถึงเวลานั้นเราได้เตรียมตัวสำหรับการเดินทางไกลไปสู่ปรโลกแล้วหรือยัง ถ้าเราเตรียมตัวไว้ไม่พร้อม เราจะหวาดหวั่นต่อมรณภัยที่มาปรากฏอยู่เฉพาะเบื้องหน้า แต่ถ้าเราได้เตรียมตัวไว้อย่างดีแล้ว ไม่ว่าระเบิดเวลาจะระเบิดขึ้นเวลาไหนช้าหรือเร็ว เราจะไม่สะดุ้งหวาดกลัวต่อพญามัจจุราช …

ปชาบดีเถรี ผู้รัตตัญญู (๓) Read More »

เขมาเถรี อัครสาวิกาเบื้องขวา

เขมาเถรี อัครสาวิกาเบื้องขวา เวลาในโลกนี้แสนสั้น แต่เวลาหลังจากที่ละโลกไปยาวนานมาก นักปราชญ์บัณฑิตทั้งหลายท่านมองเห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นทุกข์เห็นโทษในอบายภูมิ และมองเห็นสุขในสุคติภูมิ จึงละชั่วทั้งกาย วาจา และใจ หมั่นสั่งสมบุญกุศลอย่างเต็มที่ ฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อให้ชีวิตที่อยู่ในโลกนี้มีคุณค่า และให้ชีวิตในสัมปรายภพมีความปลอดภัย เราทั้งหลายควรดำเนินตามปฏิปทาของบัณฑิตผู้รู้เหล่านั้น ชีวิตเราจะได้ไม่ผิดพลาด ไม่ควรไปยึดติดในคน สัตว์ สิ่งของทั้งหลายในโลกนี้ แม้กระทั่งสังขารร่างกายของเราที่ได้อัตภาพเป็นมนุษย์นี้ เพื่อจะได้มาสร้างบารมีให้เข้าถึงความเต็มเปี่ยมของชีวิต  จึงไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่น ควรแสวงหากายภายในที่แท้จริงคือ พระธรรมกาย ซึ่งจะเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของตัวเราเอง ด้วยการหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งเป็นประจำทุกวัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย มหาวรรค ว่า “ตํ พฺรูมิ อุปสนฺโตติ       กาเมสุ อนเปกฺขินํ คนฺถา ตสฺส น วิชฺชนฺติ   อตาริ โส วิสตฺติกํ เราเรียกผู้ไม่เยื่อใยในกามทั้งหลายเหล่านั้นว่า เป็นผู้สงบ เพราะไม่มีกิเลสเป็นเครื่องร้อยรัด จึงข้ามพ้นตัณหาไปได้” ปัจจุบันเราอยู่ในยุคสมัยที่กัปกำลังไขลง จากที่เคยมีพุทธพยากรณ์ว่า หลังจากพุทธปรินิพพานแล้วทุกๆ ร้อยปี อายุมนุษย์จะลดลง ๑ ปี …

เขมาเถรี อัครสาวิกาเบื้องขวา Read More »

ปฏาจาราภิกษุณีเถรี

ปฏาจาราภิกษุณีเถรี เราเกิดมาเพื่อสร้างบารมี สร้างความดีไปจนกว่าบุญบารมีของเราจะมากพอ ที่จะเป็นเครื่องสนับสนุนให้เราได้บรรลุมรรคผลนิพพาน เช่นเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยที่ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่ เมื่อเกิดมาในโลกมนุษย์ พระองค์ก็ทำแต่ความดี สร้างความดีอย่างไม่หยุดยั้ง ไปจนกระทั่งหมดอายุขัย และตลอดระยะเวลานั้น พระองค์ไม่เคยละเลยการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ด้วยการเจริญภาวนา ทรงทำอย่างนี้ทุกภพทุกชาติจนบารมีของพระองค์เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นบรมครูของโลก พระบรมศาสดาทรงเปรียบชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายว่า “หยาดน้ำค้างบนปลายยอดหญ้ายามต้องแสงอาทิตย์อุทัย ย่อมเหือดแห้งหายไป ตั้งอยู่ไม่นาน ฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ย่อมถูกความแก่ ความเจ็บ และความตาย เผาผลาญไป ตั้งอยู่ไม่นาน ฉันนั้น” ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนมีความตายเป็นที่สุด ไม่มีใครเลยที่จะเอาชนะพญามัจจุราชได้ พอแรกลืมตาขึ้นดูโลก ชีวิตก็บ่ายหน้าไปหามฤตยู เหมือนพระอาทิตย์เมื่อโผล่พ้นขอบฟ้า และมุ่งหน้าสู่อัสดง แต่ความสั้นยาวของชีวิตแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพราะความตายไม่มีเครื่องหมาย  ไม่มีสัญญาณบ่งบอกหรือตักเตือนว่า ชีวิตเราจะดับลงในวันใด เหมือนดวงประทีปตั้งอยู่กลางสายลม  บางคนจบชีวิตลงในวัยเด็ก บางคนจบชีวิตลงในวัยหนุ่มสาว บางคนจบชีวิตในวัยชรา เพราะฉะนั้น เราจึงต้องหมั่นเตือนสติตัวเราเองบ่อยๆ เพื่อความเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต จงมองสังขารร่างกาย เหมือนหยาดน้ำค้างบนปลายยอดหญ้าที่ตั้งอยู่ได้ไม่นาน ในไม่ช้าก็ต้องเหือดแห้งไป  ชีวิตเราต้องเสื่อมสลายไปในที่สุดเช่นนั้น เราเองก็ยังไม่รู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร เพราะชีวิตนี้เป็นของน้อยนิด ควรรีบเร่งทำความเพียรสร้างความดีสั่งสมบารมียิ่งๆ ขึ้นไป แล้วชีวิตของเราจะปลอดภัย  …

ปฏาจาราภิกษุณีเถรี Read More »

พระภัททกาปิลานีเถรี

พระภัททกาปิลานีเถรี ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสาร หากยังเวียนว่ายอยู่ในความมืดมนแห่งทะเลทุกข์ ชีวิตนั้นย่อมต้องทนทุกข์ทรมานอีกยาวนาน ตราบใดที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังปรากฏอยู่ ตราบนั้นย่อมมีผู้ได้โอกาสบรรลุธรรม และด้วยความปรารถนาที่จะไปให้ถึงวันแห่งความสำเร็จของชีวิต ผู้ที่มีบุญมีปัญญาจึงรักการสั่งสมบุญบารมี มีมโนปณิธานอันแน่วแน่ ใจจะต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าชีวิตจะตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายเพียงใด ใจก็ยังมุ่งมั่นต่อเป้าหมายสูงสุดมุ่งมั่นในทางพระนิพพาน เราทั้งหลายโชคดีที่ได้โอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ให้ใช้โอกาสดีนี้สร้างบารมีกันให้เต็มที่ มีวาระพระบาลีที่กล่าวไว้ใน สัมมาทิฏฐิสูตร ว่า “บุคคลในโลกนี้ ตั้งใจไว้ชอบ กล่าววาจาชอบ การงานชอบ เป็นผู้มีการสดับมาก ได้ทำบุญไว้ในชีวิตอันมีประมาณน้อยนิดในมนุษย์โลกนี้ บุคคลนั้นเป็นผู้มีปัญญา เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสวรรค์” การดำเนินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมาย มีทั้งดีและไม่ดี ทั้งสุขและทุกข์ ประสบการณ์ต่างๆสอนให้แต่ละชีวิตต้องเรียนรู้ในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าเรารู้จักดำเนินชีวิต มีความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีงาม มีเป้าหมายมั่นคงมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน และหมั่นสั่งสมบุญกุศลอยู่ตลอดแล้ว เส้นทางชีวิตของเราย่อมจะพบกับความสุขความสมหวังอย่างแน่นอน เหมือนพระเถรีภัททกาปิลานี ผู้เป็นพระอรหันตเถรีในครั้งสมัยพุทธกาล ท่านได้เดินข้ามพ้นห้วงแห่งสังสารวัฏแล้ว * ย้อนไปในกัปที่หนึ่งแสนจากภัทรกัปนี้ พระปทุมมุตตระพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติบังเกิดขึ้น ครั้งนั้นในเมืองหงสวดี มีเศรษฐีชื่อว่าวิเทหะ เป็นผู้มีทรัพย์มาก ในชาตินั้นพระเถรีได้เป็นชายาของท่านเศรษฐี บ่อยครั้งที่เศรษฐีพร้อมกับบริวารได้เข้าไปเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโอกาสฟังธรรมซึ่งเป็นเหตุนำความสุขมาให้ พระบรมศาสดาได้ทรงประกาศแต่งตั้งสาวกองค์หนึ่งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศของสาวกผู้กล่าวสรรเสริญธุดงควัตร ท่านเศรษฐีได้ฟังและบังเกิดความเลื่อมใส ได้ถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดระยะเวลา ๗ วัน …

พระภัททกาปิลานีเถรี Read More »

รูปนันทาเถรี

รูปนันทาเถรี ธรรมดาของสรรพสัตว์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม แม้แต่ชีวิตของเราก็เสื่อมไปตามลำดับ จากวัยทารกไปสู่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาว วัยกลางคน วัยแก่ชรา นั่นเป็นความเสื่อมที่เรามองเห็นได้ เราถูกความเสื่อมครอบงำแล้วนำไปสู่ความตาย คือในที่สุดทุกชีวิตต้องเสื่อมสลายไปสู่ความตายหมด เพราะฉะนั้นเราไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อมนั้น จะได้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในโลกทั้งปวง แล้วแสวงหาหนทางแห่งความหลุดพ้นมุ่งสู่พระนิพพานกันทุกคน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า “อฏฺฐินํ นครํ กตํ          มํสโลหิตเลปนํ ยตฺถ ชรา จ มจฺจุ จ          มาโน มกฺโข จ โอหิโต สรีระอันกรรมทำให้เป็นนครแห่งกระดูกทั้งหลาย ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต เป็นที่ตั้งลงแห่งชรา มรณะ มานะ และการลบหลู่คุณท่าน” ร่างกายของมนุษย์นั้น ถ้าเราใช้ปัญญาที่บริสุทธิ์พิจารณาให้ดีจะเห็นว่า เป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นมาด้วยธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ จะหยาบหรือประณีต ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะใจของผู้เป็นเจ้าของ ถ้ามีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ดีงาม …

รูปนันทาเถรี Read More »

พระวนวัจฉะ ผู้อยู่ในป่า

พระวนวัจฉะผู้อยู่ในป่า ความเชื่อทุกความเชื่อ จะได้รับการกลั่นกรองว่าถูกต้องหรือไม่ และชาวโลกจะได้ประจักษ์ก็ต่อเมื่อทุกคนได้เข้าถึงพระธรรมกาย เพราะพระธรรมกายสามารถพิสูจน์ความเชื่อทั้งหลาย เนื่องจากมีธรรมจักษุ และญาณทัสสนะ จึงสามารถรู้แจ้งเห็นแจ้งแทงตลอดในนิพพาน ภพสาม โลกันต์ เมื่อเรายังไม่รู้ว่าอะไรคือความเชื่อที่ถูกต้องสมบูรณ์ เราควรจะวางความเชื่อไว้บนหิ้ง แล้วมาพิสูจน์ความจริงกันจะดีกว่า พิสูจน์ด้วยการเจริญสมาธิภาวนาให้เกิดภาวนามยปัญญา ความรู้ที่เกิดจากการเห็นแจ้ง ไม่ใช่เกิดจากกการฟังหรือการคิด ฉะนั้นเมื่อเรามีบุญได้เกิดมาเป็นมนุษย์ สมควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ การจะเข้าถึงได้นั้น ต้องหมั่นเจริญสมาธิภาวนา และสร้างบุญกุศลคุณงามความดีให้มาก ๆ เมื่อบุญเราเต็มเปี่ยม สักวันหนึ่งเราจะเข้าถึงพระธรรมกายกันได้อย่างแน่นอน มีวาระแห่งธรรมภาษิตที่ปรากฏใน ขุททกนิกาย อปทาน ความว่า “ความเสวยอารมณ์เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เช่นเป็นสุขก็ดี เป็นทุกข์ก็ดี ไม่ใช่ทุกข์ไม่ใช่สุขก็ดี เมื่อเบื่อหน่ายในความเสวยอารมณ์นั้น ย่อมคลายความกำหนัด เมื่อคลายความกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว พระอริยสาวกย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจอื่นที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นอีกเพื่อความเป็นอย่างนี้ มิได้มีอีกต่อไป” เรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องราวที่สำคัญต่อทุกชีวิต เราจำเป็นต้องรู้ ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้แล้วไม่ปลอดภัย เมื่อเรารู้ก็ต้องเลือกเอาเฉพาะหนทางที่ปลอดภัย ซึ่งเราต้องศึกษาว่า ควรที่จะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด เรามีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นอีกนับหมื่นนับแสนนับล้านคน เพราะมีผู้ยังไม่รู้เรื่องราวของชีวิตอีกมาก หากเราหมั่นปฏิบัติธรรมจนสามารถเข้าถึงพระธรรมกายที่ชัดใสสว่าง ความทุกข์ …

พระวนวัจฉะ ผู้อยู่ในป่า Read More »

พระอานนท์พุทธอนุชา

พระอานนท์พุทธอนุชา พวกเราทั้งหลายเกิดมาได้อัตภาพเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ถือว่าเป็นผู้มีบุญลาภอันประเสริฐแล้ว เพราะการได้อัตภาพเป็นมนุษย์นี้ เป็นสิ่งที่หาได้ยากอย่างยิ่ง ต้องสั่งสมบุญบารมีกันมามากมาย แต่สิ่งที่สรรพสัตว์ได้มาโดยยากนี้ เราก็ได้สิ่งนั้นมาแล้ว โดยเฉพาะพวกเราได้โอกาสในการสั่งสมบุญและฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง เพื่อทำมรรคผลนิพพานให้แจ้ง นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากๆ เนื่องจากการสร้างบารมีในเพศภาวะของมนุษย์ที่ทำได้ดีที่สุด แม้จะดูว่าเป็นเรื่องที่ยาก บางครั้งมีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้น แต่ก็ง่ายกว่าอัตภาพอื่นมากมายนัก เพราะฉะนั้น เมื่อโอกาสดีนี้มาถึงแล้ว เราควรจะเร่งรีบสั่งสมบุญกันให้เต็มที่ และหมั่นฝึกใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่ง จะได้เข้าถึงพระธรรมกาย ซึ่งเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุดของพวกเราทุกๆ คน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ว่า “สหาโย อตฺถชาตสฺส   โหติ มิตฺตํ ปุนปฺปุนํ สยํ กตานิ ปุญญานิ    ตํ มิตฺตํ สมฺปรายิกํ สหาย เป็นมิตรของคนผู้มีความต้องการเกิดขึ้นบ่อยๆ บุญทั้งหลายที่ตนทำไว้ดีแล้ว จะเป็นมิตรในสัมปรายภพ” เวลาเรามาเกิด เราไม่ได้นำอะไรติดตัวมาแม้แต่ชิ้นเดียว มากันตัวเปล่า มีเพียงบุญและบาปเท่านั้นที่ติดตามตัวเรามา บุญจะปรุงแต่งให้เรามีความสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง ให้เราได้รูปสมบัติ มีรูปกายที่งดงามแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยไข้ หรือเกิดมาก็มีมหาสมบัติรอคอยอยู่ ไม่ต้องลำบากในการทำมาหากิน มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด แตกฉานทั้งทางโลกและทางธรรม …

พระอานนท์พุทธอนุชา Read More »

พระภัททิยเถระ

พระภัททิยะเถระ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ พุทธศาสนิกชนที่ดีควรตั้งใจศึกษา และปฏิบัติตามคำสอนของพระบรมศาสดา เพื่อให้เข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต ให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ บรรลุมรรคผลนิพพาน เมื่อใดที่เราปฏิบัติธรรมอย่างถูกวิธี เมื่อนั้นเราจะเห็นผลของการปฏิบัติได้ทันที โดยไม่ต้องไปรอคอยผลในภพชาติหน้า ถ้าหากเราพบอุปสรรคในขณะที่กำลังทำความเพียร หรือสร้างความดี ขออย่าท้อแท้หรือสิ้นหวัง เพราะอุปสรรคเป็นเพียงเครื่องทดสอบกำลังใจของเราเท่านั้น เราจะมีกำลังใจไม่สิ้นสุด ต่อเมื่อได้นำใจมาหยุดไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เพราะตรงนี้เป็นต้นแหล่งของพลังแห่งความดี ที่ทำให้ใจของเรามีพลัง ไม่ท้อแท้หรือสิ้นหวัง แต่จะมีกำลังใจที่สูงส่งตลอดเวลา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ว่า “สพฺพา อาสตฺติโย เฉตฺวา   วิเนยฺย หทเย ทรํ อุปสนฺโต สุขํ เสติ          สนฺตึ ปปฺปุยฺย เจตโส ผู้ใดตัดความข้องทั้งปวงแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายใจได้ ผู้นั้นถึงความสงบใจ เป็นผู้สงบระงับ ย่อมอยู่อย่างมีความสุข” ทุกชีวิตที่เกิดมาต่างต้องเจอภัยคุกคามรอบด้าน ทั้งอัคคีภัย โจรภัย ราชภัย และภัยทุกชนิด ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำ น้ำท่วม แผ่นดินไหว …

พระภัททิยเถระ Read More »

พระสุภูติเถระ

พระสุภูติเถระ ธรรมดาของชีวิตมีการเกิดขึ้น การดำรงอยู่ และการดับสลายไปตามลำดับ ชีวิตหลังความตายจึงเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ไม่ได้สั่งสมบุญไว้ แต่เป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้มีบุญที่ได้สั่งสมไว้อย่างดีแล้ว เพราะการตายเป็นเพียงการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิใหม่เท่านั้น ผู้เป็นบัณฑิตเห็นว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะทุกข์อกทุกข์ใจ เมื่อมีญาติอันเป็นที่รักได้ละสังขารจากไป การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัย จะเป็นการเพิ่มเติมความมั่นใจในการเดินทางไปสู่สัมปรายภพ เพราะพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกอันอบอุ่นและปลอดภัย ที่จะนำไปสู่สวรรค์และพระนิพพาน พระบรมศาสดาตรัสสอนไว้ใน สุภูติเถรคาถา ว่า * “ท่านจงเจริญพุทธานุสติอันยอดเยี่ยมกว่าภาวนาทั้งหลาย ครั้นเจริญพุทธานุสตินี้แล้ว จักยังมนัสให้บริบูรณ์ จักรื่นรมย์ในเทวโลกตลอดสามหมื่นกัป จักได้เป็นจอมแห่งเทวดาเสวยเทวสมบัติถึง ๘๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ อยู่ในแว่นแคว้น ๑,๐๐๐ ครั้ง จักได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์ โดยคณานับมิได้ จักได้เสวยสมบัตินั้นทั้งหมด นี้เป็นผลแห่งการเจริญพุทธานุสติ” การเจริญพุทธานุสติ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ มีอานิสงส์ใหญ่ จะส่งผลให้ใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ เกลี้ยงเกลาจากสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ยิ่งด้วยพระบริสุทธิคุณ เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยิ่งด้วยพระปัญญาธิคุณ รู้แจ้งแทงตลอดในภพสาม สัพพัญญุตญาณของพระองค์รู้แจ้งในสรรพสัตว์และสรรพสิ่ง ไม่มีสิ่งใดมาปิดบังดวงปัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์ได้ เหมือนเอาผลมะขามป้อมมาวางไว้บนฝ่ามือ ทรงเป็นผู้ยิ่งด้วยพระมหากรุณาธิคุณ มีความปรารถนาดีต่อสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า หวังอยากจะให้หลุดพ้นจากทุกข์ในวัฏสงสารอันยาวไกล การที่เราส่งใจไปถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงนับว่าเป็นการส่งใจไปยังบุคคลผู้เลิศที่สุดของโลกและจักรวาล อานิสงส์อันไพศาลย่อมบังเกิดขึ้นกับตัวของเราเอง มีพระอรหันต์รูปหนึ่งชื่อว่า …

พระสุภูติเถระ Read More »

พระมหากัจจายนเถระ

พระมหากัจจายนเถระ เวลาในโลกมนุษย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยววันเดี๋ยวคืน เวลาที่ผ่านไปก็ไม่ผ่านไปเปล่า ได้นำเอาความแก่ชรา ความไม่เที่ยงแห่งสังขารให้เกิดขึ้นกับตัวเรา สำหรับชีวิตของนักสร้างบารมีนั้น ย่อมไม่ปล่อยให้สังขารเสื่อมไปเปล่า แต่เก็บเกี่ยวเอาบุญกุศลไปพร้อมๆ กับเวลาที่สูญเสียไป ยิ่งแก่บารมียิ่งเพิ่มพูน แก่บุญแก่บารมี บุญในตัวก็เพิ่มขึ้นทุกๆ วัน การใช้ชีวิตให้เป็นไปเพื่อการสร้างบารมีด้วยอย่างนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่ประมาทการดำเนินชีวิต การเกิดมาของผู้นั้นเป็นการเกิดมาอย่างมีคุณค่า ได้ทำหน้าที่ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ในภพชาตินั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ มีพุทธพจน์บทหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ใน ธรรมบท ว่า “ปุญฺญญฺเจ ปุริโส กยิรา   กยิราเถนํ ปุนปฺปุนํ ตมฺหิ ฉนฺทํ กยิราถ        สุโข ปุญฺญสฺส อุจฺจโย หากว่าบุรุษพึงทำบุญไซร้ ก็ควรทําบุญนั้นให้บ่อยๆ ควรทําความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญเป็นเหตุนําความสุขมาให้” ทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ล้วนเกิดมาเพื่อแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งนั้น แล้วมีใครรู้บ้างว่า ความสุขที่แท้จริงนั้น เกิดจากการสั่งสมบุญอยู่เป็นประจำสมํ่าเสมอ เพราะบุญคือ สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสุขและความสําเร็จทั้งปวง ถ้าชาวโลกรู้จักต้นทางแห่งความสุขอย่างนี้ แล้วหันมาสั่งสมบุญให้ใจเกาะเกี่ยวอยู่กับกุศลธรรม อกุศลซึ่งเป็นเหตุแห่งความทุกข์จะไม่เกิดขึ้น เพราะความสุขและความทุกข์ เป็นผลที่เกิดมาจากบุญและบาปที่เราทำไปแล้ว เพราะฉะนั้น เมื่ออยากมีความสุขก็ต้องสั่งสมบุญ ในทางพุทธศาสนา พระบรมศาสดาของเราทรงสอนวิธีการจะให้ได้พบกับความสมหวังในสิ่งที่ตั้งไว้ว่า …

พระมหากัจจายนเถระ Read More »

พระมหากัปปินเถระ

พระมหากัปปินเถระ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ๓ อย่างนี้เท่านั้น สิ่งที่มนุษย์เราควรจะยึดถือเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้คือ เมื่อเราประสบทุกข์เราก็เข้าไปพึ่งท่านได้ พึ่งท่านแล้วจะมีแต่ความสุข มีสติและปัญญาเกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วงไปได้ และเป็นที่ระลึกอันสูงสุด ควรที่จะระลึกถึงท่านให้ได้อยู่เสมอๆ นึกแล้วจะมีความสุขสดชื่น ใจของเราจะบริสุทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นไปตามลำดับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า “ธมฺมปีติ สุขํ เสติ    วิปฺปสนฺเนน เจตสา อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม    สทา รมติ ปณฺฑิโต บุคคล ผู้เอิบอิ่มในธรรม มีใจผ่องใส ย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิต ย่อมยินดีในธรรมที่พระอริยเจ้า ประกาศแล้วทุกเมื่อ” มนุษย์ทุกคนในโลกล้วนแสวงหาความสุขด้วยกันทั้งสิ้น บ้างก็แสวงหาจากการดื่ม จากการกิน จากการเที่ยว  หรือจากการได้รับของที่ถูกใจ แต่ความสุขเหล่านั้น เป็นความสุขชั่วคราว ไม่ยั่งยืน เมื่อได้รับแล้วต้องแสวงหากันใหม่อยู่ร่ำไป ถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเรียกว่าเป็นความเพลินมากกว่า แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริง อยู่ที่ไหน มีลักษณะอย่างไรบ้าง ความสุขที่แท้จริง ต้องเป็นความสุขที่เป็นอมตะ แล้วเป็นความสุขที่เข้าถึงได้ …

พระมหากัปปินเถระ Read More »

พระวักกลิเถระ

พระวักกลิเถระ การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นการยาก และการดำรงชีวิตให้เป็นอยู่ด้วยความบริสุทธิ์ มีจิตใจสูงส่ง มั่นคงในคุณธรรม ดำเนินอยู่บนเส้นทางการสร้างบารมี เส้นทางแห่งอริยมรรคของพระอริยเจ้าให้ได้ตลอดนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ผู้มีบุญมีดวงปัญญาบริสุทธิ์ มีดวงใจที่ผ่องใสเท่านั้น จึงจะใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า เดินหน้าไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างถูกต้องปลอดภัย เพราะฉะนั้น เราจะต้องสั่งสมบุญให้มากๆ และมีความหนักแน่นตั้งมั่นอยู่ในเส้นทางแห่งความดี รักในการประพฤติปฏิบัติธรรม และหมั่นนั่งธรรมะทุกๆ วัน อย่าให้ขาดแม้แต่วันเดียว ต้องตั้งใจมั่นอย่างนี้ จึงจะพบกับความสุขสวัสดี ได้ที่พึ่งที่ระลึกภายในคือ พระรัตนตรัยกันทุกคน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน อนุตตริยสูตร ว่า “ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ ไปดูรัตนะคือช้างบ้าง ไปดูรัตนะคือม้าบ้าง ไปดูรัตนะคือแก้วมณีบ้าง  หรือไปเพื่อเห็นรัตนะสูงต่ำ ไปเพื่อเห็นสมณะหรือพราหมณ์ผู้ปฏิบัติผิด ภิกษุทั้งหลาย ความเห็นนั้นมีอยู่ เราไม่กล่าวว่าความเห็นนั้นไม่มี ก็แต่ความเห็นนั้นนั่นแล ยังทราม เป็นของชาวบ้าน เป็นของปุถุชน ไม่ประเสริฐ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ย่อมไม่เป็นไปเพื่อนิพพิทา เพื่อวิราคะ เพื่อนิโรธะ เพื่ออุปสมะ เพื่ออภิญญา เพื่อสัมโพธะ เพื่อพระนิพพาน ภิกษุทั้งหลาย ส่วนชนใดแล มีศรัทธาตั้งมั่น มีฉันทะตั้งมั่นในพระรัตนตรัยโดยส่วนเดียว เลื่อมใสยิ่งแล้ว ไปเพื่อเห็นตถาคตหรือสาวกของตถาคต …

พระวักกลิเถระ Read More »