หนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่

4.บทสรุปงบดุลชีวิต

ถ้าใครใจใส…ก็ไปสุคติโลกสวรรค์ ถ้าใครใจหมอง…ก็ไปอบาย ตอนก่อนจะเดินทางไปสู่ปรโลก แทนที่จะตัดสินกันด้วยความ ชำนาญในอาชีพ ที่เราได้ฝึกฝนเลี้ยงชีพมาตลอดชีวิต หรือตัดสินจากการ ได้ครอบครองทรัพย์สิน มีลาภ ยศ สรรเสริญ พวกพ้องบริวาร หล่อ รวย สวย ฉลาดก็หาไม่ แต่กลับไปตัดสินกันที่หมองกับใส ซึ่งเกิดจากบุญและบาปที่ได้ กระทำไว้ เป็นบทสรุปงบดุลชีวิตในตอนนั้นว่า ใจใครจะผ่องใสหรือเศร้าหมอง “หมองกับใส” ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราตอนที่ยังแข็งแรงอยู่ ทั้งทางกาย วาจา ใจ ถ้าทำบุญ สร้างความดี ใจก็จะผ่องใส ไม่เศร้าหมอง ถ้าทำบาปใจก็เศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป ก็ขึ้นอยู่กับว่า ตอนนั้นเราจะเปิดช่องไหนให้ใจรับ สิ่งใดที่ทำเป็นอาจิณกรรม ทำบ่อย ๆ ภาพนั้นจะมาปรากฏก่อน จะมาฉายให้เราเห็นอย่างต่อเนื่อง เดี๋ยวภาพบุญบ้าง ภาพบาปบ้าง สลับกันไป บางช่วงภาพบุญยาว ภาพบาปสั้น บางช่วงภาพบาปยาว ภาพบุญสั้น สลับไป สลับมา แล้วเห็นอยู่คนเดียว ผู้ที่อยู่รอบข้างไม่เห็น สำคัญภาพสุดท้าย ใครได้ภาพที่ดี ก็ไปดี ใครได้ภาพไม่ดี …

4.บทสรุปงบดุลชีวิต Read More »

20.เราใช้บุญเก่าทุกวัน

เราใช้บุญเก่าทุกวัน เราใช้บุญเก่าทุกวัน ตั้งแต่ตื่นนอนกระทั่งเข้านอน จะเรียกว่า ทุกอนุวินาทีก็ได้ ที่ยังมีเรี่ยวมีแรงสูดลมหายใจเข้าออกอยู่ได้ ก็เพราะยังมีบุญเก่าปรนเปรอให้ชีวิตเป็นไป เราใช้บุญเก่าตลอดเวลา แต่บุญใหม่นาน ๆ ทำที มันจะไม่พอกัน ในฐานะที่เราได้มาถึงความรู้อันบริสุทธิ์ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เข้าใจชีวิตได้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็ควรจะใช้ชีวิตในการสร้างบุญบารมีให้เต็มที่ เพราะบุญคือทุกสิ่งที่เราปรารถนา และบุญให้ผลเกินควรเกินคาด อย่างที่เรานึกไม่ถึง ๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/43 ต้นฉบับ หนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ เล่ม 2 กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

5.ปรโลกมีจริง

ชีวิตในปรโลก ถ้ามีบุญมากก็ไปมีความสุขในสุคติโลกสวรรค์มาก บางท่านท่องเที่ยวอยู่ในโลกสวรรค์เลย คือจากสวรรค์ชั้นหนึ่งไปชั้นสอง สองไปสาม ไปสี่ ไปห้า ไปหก หกแล้วย้อนลงมาใหม่ หลายเที่ยวก็มี เที่ยว เดียวก็มี อย่างนี้เขาเรียกว่า ท่องอยู่ในสวรรค์ ตรงกันข้าม ถ้าบาปมากก็ท่องในอบายยาวนานทีเดียว ในมหา นรกขุมต่าง ๆ จากขุมนี้ไปขุมโน้น ขุมโน้นไปขุมนี้ ขุมใหญ่ไปขุมบริวาร ขุมบริวารไปขุมใหญ่อีกแล้ว หรือขุมใหญ่ไปขุมใหญ่ หรือขุมบริวารไป ขุมบริวาร สลับกันไปมา หรืออยู่ในขุมเดียวกันแต่ว่าต่างกรรมต่างวาระกัน เจอกันอีก หลุดจากนี้ไปเจอโน้น หลุดโน้นไปกันต่อ ๆ กันไป กว่าจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ก็เป็นเวลายาวนาน และพอจะมาเป็น มนุษย์ ตอนก่อนจะมาเกิดก็ตัดสินกันที่บุญกับบาปอีก มีบุญก็มาเกิดใน ตระกูลที่ดี ชีวิตเริ่มต้นก็จะดี สดใส เหมือนดอกไม้ที่เบ่งบานไม่มีหนอน ชอนไช แต่ถ้าบาปเป็นชนกกรรมนำมาเกิด ก็เหมือนกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ตายในครรภ์บ้าง คลอดออกมาตายบ้าง หรือเกิดในตระกูลที่ลำบากยากจน บ้าง อย่างนี้เป็นต้น และในระหว่างทาง จะมีสุข มีทุกข์ ชีวิตจะขึ้นจะลง เจริญหรือเสื่อม …

5.ปรโลกมีจริง Read More »

6.เรามีระเบิดเวลาอยู่ในตัว..คนละหลาย ๆ ลูก !

เราคงนึกไม่ถึงว่า อดีตที่ผ่านมา ในภพชาติก่อน ๆ นั้น เราเคยทำบาป อกุศลไว้มากน้อยเพียงใด ซึ่งมันเป็นระเบิดเวลาของชีวิต ที่แต่ละคน มีกันคนละหลาย ๆ ลูก พูดง่าย ๆ คือ นับลูกไม่ถ้วน คอยเรียงคิว รอวันเวลา ที่จะระเบิดอยู่ภายในตัวของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตในปัจจุบันนี้ เราก็มีเรื่องที่ทำพลาดพลั้งไปเมื่อ อกุศลเข้าสิงจิต เพราะฉะนั้นอย่าประมาท ชะล่าใจ หมั่นฝึกฝนอบรมใจ ของเราให้หยุดนิ่ง ให้ใสเข้าไว้ ให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้ อย่างน้อย ก็ให้ได้ดวงธรรมใส ๆ ติดอยู่กลางกายตลอดเวลา ก็พอจะเป็นเครื่องอุ่นใจ ว่า ชีวิตของเราจะปลอดภัยในปรโลก ในสังสารวัฏ แต่ให้ปลอดภัยที่สุดคือ ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว เพราะนอกจากจะปลอดภัยใน ปรโลก ในสังสารวัฏแล้ว เรายังมีความสุขในโลกสวรรค์อีกยาวนาน การจะไปสู่สุคติโลกสวรรค์อย่างมีความสุขได้นั้น เราต้องประกอบ เหตุให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้งทาน ศีล ภาวนา อดีตที่ผิดพลาดก็ให้ดีดทิ้งไป ลืมไปให้หมด ปัจจุบันก็หมั่นฝึกฝนอบรมใจ สั่งสมบุญบารมีทั้งทาน ศีล ภาวนา …

6.เรามีระเบิดเวลาอยู่ในตัว..คนละหลาย ๆ ลูก ! Read More »

7.ศึกชิงภพ

ศึกชิงภพ มีผู้มีบุญหลายท่าน ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหนก็ตาม ชนชั้นล่าง ชั้นกลาง ชั้นสูง ถ้าไม่เคยหมั่นนึกถึงบุญ หรือไม่รู้จักหลักสูตรของชีวิตก่อนเดินทาง ไปสู่ปรโลกว่า ถ้าใจใสไปดี ใจหมองไปไม่ดี (ไปอบาย) ถ้าไม่รู้ตรงนี้ ก็จะทำไม่เป็น ใจใสอยู่ที่นึกถึงความดีที่เราทำ ใจหมองเพราะนึกถึงชีวิตที่ผิดพลาด ที่เคยทำไม่ดีเอาไว้ มันมาฉายให้เห็น ไม่ว่าเราจะมีหรือไม่มีความรู้ก็ตาม ถ้าไม่รู้หลักสูตรของชีวิต ก่อนเดินทางไปสู่ปรโลกก็จะทำไม่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสุดท้ายของชีวิต มันมีโรคภัยไข้เจ็บ บางคน ก็ทุกข์ทรมานมาก บางคนก็ปานกลาง บางคนก็น้อย ไม่เหมือนกัน แต่จะ ทุกข์มากทุกข์น้อย ก็ต้องรู้จักหลักวิชชา ถ้าไม่รู้ก็ทำไม่เป็น ถ้าทำไม่เป็น แล้วอันตราย อันตรายอย่างไร แม้สั่งสมบุญมามาก ถ้าเราไม่หมั่นนึก เพราะไม่เข้าใจ ตายใหม่ ๆ เมื่อความทุกขเวทนาครอบงำ ใจจะพัวพันอยู่กับความทุกข์ ความเจ็บป่วย ตอนนั้นมันจะขาดสติ เวลากายละเอียดหลุดไปจากกายหยาบ ก็จะไปอยู่ ที่บ้านบ้าง หรือนึกถึงใครก็จะไปอยู่ตรงนั้น วนเวียนอยู่ ๗ วัน แล้วก็จะมี เจ้าหน้าที่จากยมโลกเขามาพาไป ตามกำลังแห่งวิบากกรรมที่เราทำเอาไว้ ตรงนี้มันจะให้ช่องก่อน …

7.ศึกชิงภพ Read More »

8.ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใส ๆ

ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใสๆ ทุกคนในโลก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามจะต้องเดินทางไปสู่ปรโลกด้วย กันทุกคน ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยง หรือปฏิเสธได้เลย แม้ว่าจะเต็มใจ หรือไม่เต็มใจก็ตาม ซึ่งปรโลกนั้นมีทางไปอยู่ ๒ ทาง คือ สุคติ กับ ทุคติ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ถ้าใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป ถ้าใจเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป” ช่วงสุดท้ายของชีวิต ใครก็ช่วยเราไม่ได้ ความใสกับความหมอง เรา ต้องทำด้วยตัวของเราเอง คนอื่นได้แค่คอยชี้แนะ คอยเป็นกำลังใจให้เท่านั้น เราไม่ควรเอาชีวิตของเราไปเสี่ยง โดยการเลี่ยงการกระทำความดี ตอนที่ยังแข็งแรงอยู่ แล้วไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า ไปแสวงหาความใส ตอนใกล้จะถึงวันสุดท้ายของชีวิต อย่าประมาทนะ มีบุคคลจำนวนน้อย แค่บางคนเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงเปอร์เซ็นต์ที่โชคดี ดังนั้นเราอย่าเสี่ยงเลย เพราะถ้าพลาดพลั้งไป ชีวิตในปรโลกนั้นยาวนานเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้าน เป็นหลาย ๆ ล้านปี เป็นกัป เป็นมหากัปในเมืองมนุษย์ ยาวนานมาก เพราะฉะนั้นอย่าไปเสี่ยง ๒๓ มีนาคม พ.ศ. …

8.ทำไมเราต้องรักษาใจให้ใส ๆ Read More »

44.การค้นพบที่ยิ่งใหญ่

๔๔. การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ใครเป็นผู้ค้นพบว่า การวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย จะนำความสงบสุขมาสู่มนุษยชาติ ทำไมศูนย์กลางกาย จึงมีความสำคัญขนาดนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงค้นพบทางสายกลางด้วย พระองค์เอง และสืบทอดกันต่อมา แต่มาเลือนหายในภายหลัง จนกระทั่ง พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร ท่านได้สละชีวิต ปฏิบัติธรรม แล้วก็ค้นพบวิธีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บรรลุธรรม ที่ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ นี้กลับคืนมาใหม่ แล้วนำมาสอนตัวท่านและ สอนผู้อื่นจนกระทั่งถ่ายทอดมาถึงพวกเราในปัจจุบัน ศูนย์กลางกายมีความสำคัญมาก เพราะเป็นศูนย์กลาง ยกตัวอย่าง การบริหารการงานทุกอย่าง ล้วนมีศูนย์กลางที่คอยจัดการระบบ ระเบียบต่าง ๆ ทั้งสิ้น หรือเราวางของบนโต๊ะ วางของหมิ่น ๆ มันก็ไม่ มั่นคง ถ้าวางกลางโต๊ะ ก็มั่นคง ทุกอย่างล้วนสำคัญที่ตรงกลางทั้งนั้น ดังนั้น หากเราอยากจะรู้ว่าสำคัญขนาดนั้นจริงหรือ เราลอง หยุดนิ่งเข้าไปตรงนั้น ประสบการณ์ภายในจะทำให้เข้าใจดีกว่า ครูไม่ใหญ่ตอบ ณ ตอนนี้ ตอบตอนนี้แค่พอเป็นแนวทางให้พอเข้าใจ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ …

44.การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ Read More »

45.รักตัวเองต้องรักษาใจให้ใสทั้งวัน

๔๕.รักตัวเองต้องรักษาใจให้ใสทั้งวัน ทำอย่างไรเราจะรักษาใจให้ใสได้ตลอดทั้งวัน แม้กระทั่งเวลาที่เราโดนกระทบหรือยั่วเย้าให้เกิดอารมณ์ ถ้าเรารักตัวเอง อยากให้ตัวเรามีความสุขก็ต้องรักษาใจให้ใส ๆ เอาไว้ สิ่งสำคัญคือ ต้องฝึกสมาธิบ่อย ๆ ฝึกใจให้หยุดนิ่งอยู่ภายในตัว ให้ได้ตลอดเวลา ฝึกให้ชำนาญ ทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น นั่งนอน ยืนเดิน ฝึกบ่อย ๆ จนกระทั่งหลับตาลืมตา นั่งนอนยืนเดินให้เห็น ดวงใส ๆ อยู่กลางกายตลอดเวลา ใจจะได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ส่งออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นสิ่งใดมากระทบ มันก็ไม่กระเทือน หรือใครมายั่วเย้าให้เกิดอารมณ์ก็จะรู้สึกเฉย ๆ การปฏิบัติธรรมนอกจากทำให้เราใจใส ไม่มักโกรธแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ที่เขามายั่วเย้าเรา ให้เขาอยากจะ ใจใสตามเราไปด้วย ถ้าใจเราใสอยู่ แล้วเขามาทำลายเรา ด้วยการมา ยั่วยุให้เราโกรธ แล้วเราไปร้อนตามเขา ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะไปสร้าง แรงบันดาลใจ จะไปช่วยให้เขาใจใส ๆ และมีความสุขอย่างเราได้อย่างไร เราจะเห็นได้ว่า ทำที่เราก็ได้ที่เพื่อน ได้ที่คนรอบข้าง ซึ่งตรงนี้ต้องฝึก ดังนั้น เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าถึงดวงใส ๆ แล้ว หรือเข้าถึงแสงสว่าง …

45.รักตัวเองต้องรักษาใจให้ใสทั้งวัน Read More »

46.ความขัดแย้งแก้ได้ด้วยสมาธิ

๔๖. ความขัดแย้งแก้ได้ด้วยสมาธิ สมาธิสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้อย่างไร ก่อนอื่นเราต้องมาศึกษาดูว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพราะว่า ใจแต่ละคนนั้นไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง แห่งความผาสุก ความรักและปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ เมื่อใจ ไม่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน จึงคิดพูดทำไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากใจมา อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ก็จะคิดพูดทำเหมือนกัน โดยไม่มีการขัดแย้ง กันเลย และตำแหน่งนั้นอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งจะเข้าถึงได้ ด้วยวิธีเดียว คือ การทำสมาธิ ตำแหน่งตรงนั้นจะละลายความรู้สึกขัดแย้งให้หมดไป แล้วจะ เกิดภูมิปัญญาสร้างสรรค์ สูงส่ง ที่ทำให้เราเข้าใจ และรู้วิธีการที่จะ หาทางออกได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดความสุข สดชื่น เบิกบาน และ ความสำเร็จในชีวิต ในภารกิจ ในทุกสิ่งทุกอย่างได้ ทุกคนจะต้องนำใจกลับมาสู่ตำแหน่งที่ถูกต้อง คือ ศูนย์กลางกาย ฐานที่ ๗ ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งเดียวของชีวิต ที่ทำให้เราคิดถูกต้อง พูดถูกต้อง และทำถูกต้อง ผลออกมาก็คือสิ่งที่ถูกต้องและดีงามก็จะ บังเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ พระธรรมเทศนา โดย …

46.ความขัดแย้งแก้ได้ด้วยสมาธิ Read More »

47.แก้แค้นด้วยการคลายความโกรธ

๔๗. แก้แค้นด้วยการคลายความโกรธ ทำไมหลาย ๆ คน ชอบใช้วิธีการแก้แค้น…แทนการให้อภัย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ๑. ภูมิต้านทานของใจเขาอ่อนแอ พลังแห่งความดีจึงไม่ได้ช่อง ความโกรธ ผูกโกรธ ความพยาบาทจึงได้ช่อง เป็นแหล่งกำเนิดของ ความคิดที่ไม่ถูกต้อง คือ คิดที่จะทำร้ายเขาตอบ โดยเข้าใจผิดคิดว่า การแก้แค้นหรือทำร้ายเขาตอบนั้นจะทำให้สบายใจ แต่ความจริงแล้ว ไม่มีความสบายใจเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ๒. เพราะยังขาดความรู้ที่สมบูรณ์ในเรื่องราวความจริงของชีวิตว่า ทำไปแล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในชีวิตของเขา ทั้งชีวิตในโลกมนุษย์นี้ และชีวิตหลังความตาย ๓. เขาไม่รู้วิธีที่จะทำให้ใจบริสุทธิ์ผ่องใส จนทำให้ใจมีภูมิต้านทาน จนสามารถเอาชนะความรู้สึกที่ไม่ดีนั้นได้ ซึ่งสมาธิเป็นทางออก คือ ถ้าใจสงบนิ่ง แล้วกลับเข้าไปสู่ภายใน จนใจตั้งมั่นตรงนั้น ใจจะมี ภูมิต้านทาน ความสุขจะเข้ามาแทนที่อยู่ในใจ การแก้แค้นที่ถูกหลักวิชชา คือ ต้องคลี่คลายความโกรธที่ผูกไว้ กับใจ ต้องแก้มันออกจากใจด้วยการฝึกสมาธิ ใจจะได้คลายความโกรธ แล้วความสุขความสบายใจก็จะเกิดขึ้นในตอนนั้น เมื่อเราสบายใจ ใจอยู่เหนือความรู้สึกที่จะแก้แค้น แล้วสักวันหนึ่งผู้ที่ทำร้ายเราก็จะ เกิดความสำนึกผิดขึ้นเอง แล้วสิ่งดี ๆ จะตอบแทนเราอย่างมากมาย อย่างที่เรานึกไม่ถึงเลย เพราะฉะนั้น สมาธิคือทางออก …

47.แก้แค้นด้วยการคลายความโกรธ Read More »

48.การแผ่เมตตา คือความรักสากล

๔๘. การแผ่เมตตา คือความรักสากล ชาวต่างชาติท่านหนึ่งมาฝึกสมาธิที่เมืองไทย ได้ฝาก คำถามถึงคุณครูไม่ใหญ่มาว่า การแผ่เมตตา คือการหลอก ตัวเองหรือเปล่า เพราะความจริงแล้วเราก็ไม่ได้รักทุกคน ขนาดนั้น เราไม่ได้หลอกตัวเอง แต่ที่เราแผ่ความรักความเมตตาให้ทุกคน แม้เรายังไม่ได้รักทุกคนจริง ๆ แต่เรากำลังสะสมความรู้สึกที่ดี เพื่อ ยกใจเราให้สูงส่งยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่เป็นความรู้สึกที่ดี อย่างนั้นจริง ๆ ที่สามารถรักทุกคนในโลกได้จริง เพราะจะทำให้เรา มีความสุขเพิ่มขึ้น ที่ความรักสากลออกจากหัวใจของเราอย่างแท้จริง ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/42 ต้นฉบับ หนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ เล่ม 1 กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

49.ความสุขที่แตกต่าง

๔๙. ความสุขที่แตกต่าง สันติสุขภายในและประโยชน์ที่ได้รับจากการทำสมาธิ จะเกิดจากการทำสมาธิอย่างเดียวเท่านั้นหรือไม่ เรา สามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นเพื่อให้ได้ผลเหมือนกันได้ หรือไม่ การทำกิจกรรมอย่างอื่น แล้วจะให้ได้ประโยชน์และสันติสุข ภายในเหมือนกับการทำสมาธินั้น ไม่มี ไม่ว่าเราจะใช้วิธีการใดก็ตาม ก็ไม่ได้ความสุขภายในเท่ากับการ ทำสมาธิ จะไปเที่ยวเตร่ ไปดูทิวทัศน์ ได้พูดคุยกับคนที่ถูกใจ หรือจะ ไปทำอะไรก็แล้วแต่ มันได้แค่สุขหรือสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ พอเพลิน ๆ เท่านั้นเอง หรือแม้กระทั่งประสบความสำเร็จในชีวิต ในธุรกิจการงาน การศึกษาเล่าเรียน สุขก็ยังได้ไม่เท่ากับสมาธิ ได้แค่ปลื้มเล็ก ๆ ประเดี๋ยวเดียว แล้วก็จางหายไป การทำสมาธิอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะได้สันติสุขภายในที่มั่นคง และมีปริมาณความสุขมากกว่า ความสุขที่ได้จากวิธีการอื่น…ได้แค่สุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ปลื้มเล็ก ๆ แล้วก็จางหายไป…ไม่ยั่งยืน ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๒ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/42 ต้นฉบับ …

49.ความสุขที่แตกต่าง Read More »

50.ชีวิตที่สัมบูรณ์

๕๐. ชีวิตที่สัมบูรณ์ ชีวิตต้องเบิกบานด้วยตัวของเราเอง นี่เป็นเรื่องที่สำคัญและสูงส่งมากเลย ถือว่า…สมหวังในชีวิต เพราะเราไม่ต้องไปพึ่งพาสิ่งใด ๆ ภายนอก ต้องเป็นสุขได้ด้วยตัวของเราเอง แม้อยู่เพียงลำพังที่ไหนก็แล้วแต่ พอหลับตาปุ๊บ ก็หาความสุขได้ หลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน หาความสุขจากภายในได้ ความสุขที่ไม่มีขอบเขตจำกัด หาได้อย่างง่าย ๆ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่า ชีวิตที่ “สัมบูรณ์” ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/42 ต้นฉบับ หนังสือ คำสอนคุณครูไม่ใหญ่ เล่ม 1 กลับสู่ สารบัญ หนังสือคำสอนครูไม่ใหญ่

42.อย่าประมาทว่ามีเวลาในโลกนี้อีกยาวนาน

๔๒. อย่าประมาทว่ามีเวลาในโลกนี้ อีกยาวนาน ถ้าอยากเข้าถึงธรรมกันจริง ๆ ต้องใช้ทุกอนุวินาทีให้เป็นประโยชน์ โดยการประคับประคองใจของเรา ให้อยู่ภายในให้ได้ เรามีเวลาอีกเล็กน้อยเท่านั้นในโลก อย่านึกว่ามันยาว เพราะเรา มาเกิดในยุคอายุมนุษย์เฉลี่ยแค่ ๗๕ ปี ไม่ใช่มนุษย์ในยุค ๒๐,๐๐๐ ปี ถ้าหากอายุ ๒๐,๐๐๐ ปี เราก็ยังพอมีเวลา relax ไปเที่ยวเตร่อะไร ต่าง ๆ ได้ ยิ่งเวลาที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ไปยิ่งเร็วขึ้นไปเรื่อย ๆ นี่ขนาดหลวงพ่อไม่ได้ขี้เกียจเลยนะ ไม่ได้อู้ด้วย แล้วก็ไม่ได้ ไปเที่ยวไหน สร้างบุญยังเพิ่งได้นิดเดียว สมัยก่อนคุณยายท่านพูด ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไร เพราะตอนนั้นเรายังมาไม่ถึงตรงนี้ ตอนที่ สร้างวัดท่านก็อายุ ๖๑ ปี พอมาถึงตอนนี้ โอ้ เข้าใจอะไรตั้งเยอะแยะ แล้วเวลาต่อจากนี้ไปมันเร็วนะ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) ที่มา https://www.dhamma01.com/book/42 ต้นฉบับ …

42.อย่าประมาทว่ามีเวลาในโลกนี้อีกยาวนาน Read More »

41.คำภาวนา “สัมมาอะระหัง”

๔๑. คำภาวนา “สัมมาอะระหัง” สัมมา ย่อมาจาก มรรคมีองค์ ๘ ตั้งแต่ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คือ มีความเห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก ประกอบสัมมา อาชีวะถูก ทำความเพียรถูก ตั้งสติถูก สมาธิถูก อะระหัง แปลว่า ห่างไกลจากกิเลส หมายถึง เมื่อเราปฏิบัติตาม มรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า มีข้อวัตร ปฏิบัติเรียงไปตามลำดับ ๘ ข้อ ตั้งแต่ เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก ประกอบสัมมาอาชีวะถูก ทำความเพียรถูก ตั้งสติถูก คือเอาใจเชื่อมโยง กับกระแสแห่งความบริสุทธิ์ภายในถูก กระทั่งเกิดสัมมาสมาธิ เพราะฉะนั้น สัมมาอะระหัง คือ คิดพูดทำทุกสิ่งให้ถูกต้อง ตามมรรคมีองค์ ๘ …

41.คำภาวนา “สัมมาอะระหัง” Read More »