ความปลื้มปิติของหลวงปู่
ตลอดชีวิตในเพศสมณะของท่าน มีแต่ความบริสุทธิ์บริบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ท่านเริ่มบวชเป็นพระภิกษุอยู่ในพระพุทธศาสนา นี่เป็นคำกล่าวของท่านเอง พอบวชวันหนึ่งรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ท่านก็นั่งเจริญสมาธิภาวนาทุกวันไม่ได้ขาดเลย คือบวชวันนึงรุ่งขึ้นอีกวันก็นั่งเรื่อยมาเลย เจริญสมาธิภาวนา ฝึกใจให้หยุดให้นิ่ง กลั่นจิตกลั่นใจของท่านให้ใสให้สะอาดบริสุทธิ์ ตั้งแต่วันนั้นเรื่อยมาทุกวันไม่ขาดเลย จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งในยามใดที่ท่านใด้กล่าวถึงข้อวัตรปฏิบัติของท่าน ตั้งแต่วันที่ท่านบวชแล้วรุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งบำเพ็ญสมณะธรรม ท่านจะกล่าวด้วยความปลื้มปิติ มีความสุขในทุกๆครั้ง ว่า ชีวิตแห่งการเป็นสมณะของท่าน เป็นบรรพชิต เป็นนักบวชนี้… บริสุทธิ์บริบูรณ์เหลือเกิน กลั่นจิตกลั่นใจให้ใสบริสุทธิ์ สมกับความเป็นนักบวช และมโนปณิธานที่ตั้งใจเอาไว้ด้วยดี นี่คือความปลื้มปิติของท่าน นอกจากทำความเพียรไม่ลดละแล้วยังทำความเพียรยิ่งๆขึ้นไปอีก คือ ศึกษาหาความรู้ในคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีในตำรับตำรา ถึงวิธีที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง อีกทั้งได้แสวงหาครูบาอาจารย์มาตลอดจนกระทั่งมาถึงกลางพรรษาที่ 12 ในพรรษาที่ 12 นั้น ท่านก็มีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เข้าพรรษาที่ 12 นี่แหละ ก็ยังไม่ได้พบหนทางของมรรคผลนิพพานเลย เพราะฉะนั้นกลางพรรษาที่ 12 นี้ ท่านจะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันค้นพบให้เจอให้ได้ “ถ้าไม่ได้ก็ยอมตาย” แต่ถ้าได้ก็จะเป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นทนายแก้ต่างให้แก่พระพุทธศาสนา จะประกาศคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทิ้งชีวิตเลย จนกระทั่งได้บรรลุธรรมกาย เป็นพยานในการตรัสรู้ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ได้เผยแพร่สิ่งที่ท่านได้บรรลุนั้นไปยังผู้มีบุญมีบารมีทั้งหลาย ได้บรรลุธรรมตามกำลังแห่งบารมี จนกระทั่งบารมีเก่าของท่านได้กลั่นจิตกลั่นใจของท่านให้ใสบริสุทธิ์สะอาดยิ่งขึ้น …