ครูไม่ใหญ่แนะวิธีแก้ความฟุ้ง ความง่วง ความช่างสงสัยตอนนั่งสมาธิ 30/4/50 (06:42)
การปฎิบัติธรรม โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
การปฎิบัติธรรม โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
การปฎิบัติธรรม โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
พอทำใจเฉยๆ ภาพองค์พระก็ชัดเจนขึ้น องค์พระใสแจ๋วเลยคะ ในท้องเราไม่มีอะไรเลย มีแต่องค์พระ มีแต่ความใสอยู่ในนั้น ลูกมีความสุขมาก ความไม่คิดเราไม่เคยให้เวลากับตรงนี้เลย เวลาสมหวังจริงๆ ไม่คิด ทุกสิ่งอยู่ในตัวทั้งหมด อาณาจักรแห่งความรู้อยู่ภายใน เป็นอาณาจักรของพระพุทธเจ้าอยู่ในตัว ถ้าองค์พระแบบกระทรวงศึกษา ภาคโปรดจะค่อยๆมา ช้าๆ สบายๆ ถ้ากระทรวงกลาโหมมานี่..ปุ๊ปๆ ทั้งเร็วทั้งแรง โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
นั่งธรรมะอย่างถูกหลักวิชา ถ้าฟุ้ง เราไม่ต้องเพ่งขับไล่ความฟุ้ง เพราะว่าที่ใดมีความคิด ที่นั้นฝึกจิตได้ เราหนีความคิดไม่พ้นหรอก เราสั่งสมประสบการณ์ในชีวิตประจำวันด้วยความคิด เป็นภาพ เป็นเสียง กลิ่น รส สัมผัส แล้วก็มารวมอยู่ที่ใจเรา ถึงเวลาที่เราฝึก มันก็ระเบิดออกมา เราก็ทำเฉยๆกับมัน ช่างมัน…ถ้าตั้งใจมาก ก็สอนตัวเองให้ได้ว่า ไม่เกิดประโยชน์อันใดเหมือนการบำเพ็ญทุกขกิริยา …ต้องสังเกต แม้ทำได้ดีก็ต้องจำรอยเอาไว้ เราหลับตาอย่างไร เราวางใจอย่างไร ถึงนิ่ง นุ่ม สบาย … โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
สมาธิเพื่อการหาตัวเองภายใน ง่ายที่สุดในโลกคือไม่ต้องทำอะไรเลย หลับตาแล้วไม่ต้องทำอะไรเลย นี่คือวิธีการทำสมาธิที่ง่าย ตรง ลัด ประหยัดสุด ประโยชน์สูง และถูกต้องด้วย อีกทั้งเข้าถึงตัวเองภายใน และเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ใช้องค์พระดูกรรมฐาน 40 5 นาทีจบ (ใช้ญานจักขุของพระธรรมกาย) ดูกสิณ 10 ดูอาณาปาณสติ เอาสติจับลมให้มันนิ่ง พอลมหยุดใจก็หยุด..ดวงธรรมก็เกิด… ที่หายใจทุกวันเราหายใจเอาลมเข้าไป ไม่ใช่อากาศ อากาศคือที่ว่างๆ ที่ให้ลมผ่าน ดิน น้ำ ลม ไฟ …ถ้าใจละเอียดจะเห็นลมใสเป็นเพชรเลย วิปัสสนา – เรียนด้วยภาพ แล้วความรู้ก็เกิดขึ้นมา ไม่ได้เรียนด้วยคำพูด การอ่าน ความคิด… ทำหยุดนิ่งให้ได้เสียก่อน โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ความเป็นนายช่างสงสัยทำให้ประสบการณ์ไม่ก้าวหน้า…แค่เพิ่มคำว่า ช่างมัน ทุกอย่างก็จบ มีบุญในระดับที่นึกได้ เห็นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าในรอบ นอกรอบหรือที่ไหน ยังไม่มีวาสนาที่จะก้าวต่อไป ไหนๆก็เป็นช่างแล้ว ก็ช่างมัน เพิ่มตรงนี้อีกนิดหนึง โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
เราถูกหล่อหลอมให้คิดนอกตัวมา เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เราจึงคุ้นเคย ให้คิดมาหัวข้อหนึ่งซึ่งนำมาซึ่งความปิติ เรียกว่าวิตก แล้วมาวิจารณ์ (นึกทบทวน) ในหัวข้อนั้นๆ เมื่อเราแจ่มแจ้งในระดับหนึ่งเราเข้าใจ เราจะปลื้ม เกิดปิติ ตัวเบาใจเบา แล้วจะก้าวไปสู่ความสุขภายใน โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
คนเราถ้าไม่มีอารมณ์หงุดหงิดและมักโกรธ มันเป็นอารมณ์ที่วิเศษมากกว่ามูลค่าของทรัพย์สินเงินทองเสียอีก โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
สมาธิจะกลั่นใจของเราให้บริสุทธิ์ผ่องใสมากขึ้น คือ ธาตุในตัวของเรา ดิน น้ำ ลม ไฟ วิญญาณ อากาศธาตุ ธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ เมื่อเราถูกกิเลสดึงใจเราออกจากฐานที่ตั้งไปติดกับเรื่องคนสัตว์สิ่งของ..ก็จะทำให้ใจหยาบ ให้นึกถึงอณูธาตุที่เป็นโพลงกลวงๆมีช่องๆๆ เหมือนเราเอาอณูหรือโมเลกุลมาต่อๆกันแต่มันไม่หนาแน่น ตรงช่องว่างๆ พญามารจะเอากิเลสเข้าไปแทรก ที่มาพร้อมกับความทุกข์ทรมาน ความไม่รู้ และบังคับให้เราสร้างกรรม และมีวิบาก มีผลของกรรม แต่พอเราดึงใจกลับมาสู่ที่ตั้งภายใน ใจพอกลับมา..อณูธาตุจะค่อยๆหนาแน่น จนบริสุทธิ์ และเห็นความบริสุทธิ์เป็นดวงใสๆ ใจประกายเพชรเกิดขึ้น ถ้าพูดถึงความแข็ง..ก็เลย 10 มันใสเพราะอณูข้างในธาตุมันจัดเรียงโมเลกุลอย่างมีระบบระเบียบ อะตอมใจถูกจัดเรียงกันอย่างมีระเบียบ..หนาแน่น เพราะฉะนั้นกระแสกิเลส..แทรกไม่ได้ หรือแทรกได้น้อย ถ้าเรายิ่งใส ใสในใสไปเรื่อยๆ ด้วยหยุดในหยุด หยุดในหยุด ธาตุที่บริสุทธิ์จะก่อเกิดเป็นกายแก้ว เขาเรียกว่าพุทธรัตนะ ทั้งแข็งทั้งใส จนคำนวณความแข็งไม่ได้ แข็งประมาณไหน…แข็งในระดับพญามารแทรกไม่ได้ เมื่อแทรกไม่ได้ ก็จะมีแต่ความสุขล้วนๆ จะมีความสุข ความบริสุทธิ์ ความสว่างเจิดจ้า ที่ไม่มีอะไรมาบดบังได้ ความรู้แจ้งที่เกิดจากความเห็นแจ้งเกิด วิชชาเกิด เพราะเรารวมอะตอมใจ โมเลกุลใจให้มันหนาแน่นด้วยวิธีการหยุดใจนิ่งเฉยๆ โลกขาดแคลนความรู้ตรงนี้ จึงต้องมี MMC จะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าใจเราหยุดนิ่งแล้วที่ตรงนั้นก็เป็นอริยะได้ …
ดวงกลมๆนี้มีอยู่แล้วในตัวทุกๆคน ในโลก ทุกเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์ แต่ไม่รู้ว่ามี เป็นดวงกลมสากล เหมือนดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ดวงดาวบนท้องฟ้า ที่ใครๆก็ดูได้ แค่ดูไปเฉยๆ ทำตัวนิ่งใจนิ่งไปเรื่อยๆ ไม่ขัดแย้งกับความเชื่อใดๆทั้งสิ้นเลย โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
เหมือนเราหลับตาแล้วเรามืด เรายังไม่เห็นช่องทางเข้ากลาง แต่เราก็ต้องทำๆไปก่อน ต้องถามตัวเองทุกวันว่า..ณ ช่วงเวลานี้ใจของเราอยู่ไกลตัว ใกล้ตัว หรือกลางตัว ถามไปเรื่อยๆ มันก็จะสอนตัวเองไปเรื่อยๆ..อ๋อ..ใจต้องอยู่กลางตัว พอใจจะหลุดไปปั๊บ..เดี๋ยวเราก็ดึงมาใหม่ สักวันก็จะเห็นช่องทาง แล้วก็อย่าลืมสติ สบาย สม่ำเสมอ และก็หมั่นสังเกต ต้องสบายๆ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ใครไม่มีอารมณ์สบาย ถ้าไม่มีอารมณ์สบายก็เป็นมนุษย์ไม่ได้..ต้องไปอยู่ในโน้น… ถ้ายังเป็นมนุษย์ก็ยังต้องมีอารมสบาย มีกันทุกคน ต้องหากันให้เจอ พอทำสบายๆ เดี๋ยวอารมณ์สบายก็มา มันจะเป็นกระแส..ดูดมาเลย ถ้านึกถึงเรื่องกลุ้ม เดี๋ยวกระแสกลุ้มมาเลย นึกถึงกระแสสบาย..มันดูดมาเลย จะมีกระแสที่จะดึงดูดเข้าหากันได้..แล้วแต่ว่าเราจะเลือกอะไร โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ยังไม่เสร็จ ตอนที่ใจสงบ แล้วนึกถึงหัวข้อธรรมะ มาตรึกตรองจะทำให้เข้าใจอะไรต่างๆนั้น ก็ถูกหลักวิชชาในระดับหนึ่งนะลูกนะ การตรึกตรองหรือพิจารณาหัวข้อธรรมมันมี 2 ระดับ ในระดับความคิด จินตมยปัญญา กับในระดับของการเห็น สมมุติว่าลูกใจสงบนิ่งเข้าถึงดวงธรรมใส่ๆแล้ว ใจกำลังเป็นหนึ่ง แล้วก็ถอนใจมาตรึกตรองหัวข้อธรรมะ มันจะดูเหมือนว่าเข้าใจนะลูกนะ แล้วเราจะปลื้มๆนะ เหมือนเข้าใจแจ่มแจ้งอะไรต่างๆ แต่จริงๆแล้วมันได้ในระดับของความคิด มันยังไม่สมบูรณ์ มันแจ่มแต่มันไม่ถึงกับแจ้ง ถ้าเอาสมาธิในขั้นนี้มาตรึกตรองหรือพิจารณา แต่ถ้าหากว่า พิจารณาในระดับพาวนามยปัญญา มันจะละเอียดกว่านี้ เพราะฉะนั้นพอใจเห็นดวงธรรมใสๆ กำลังสงบ แล้วมาตรึกตรองพิจารณามันได้แค่ความปลื้ม ความเข้าใจระดับหนึ่ง แต่จิตจะถอน มันจะไม่ละเอียดเข้าไปอีก จะอยู่แถวๆนั้นแหละ แต่ถ้าหากว่าลูกทำเฉยๆไปเรื่อยๆ กระทั่งเข้าถึงพระธรรมกาย ถึงพระรัตนตรัยในตัว ตอนนี้ท่านมีธรรมจักขุ มีญานทัศนะ เวลาตรึกตรองหรือพิจารณาในระดับนี้เขานึกนิดเดียวแค่นั้นเอง ป้อนข้อมูลเข้าไปนิดหนึ่ง หัวข้อธรรมะนี้หมายถึงอะไร แค่นี้..แล้วมันจะเห็นเป็นภาพเป็นเรื่องเป็นราวเลยลูก เราจะเข้าใจแจ่มแจ้ง ตอนนี้แจ้งแล้ว เหมือนเราดึงของที่อยู่ที่มืดมาไว้ในกลางแจ้ง จะเห็นชัดว่าเชือกหรืองูหรือทางมะพร้าว โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)
ทุกครั้งที่เราสร้างความดี ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ ทำทาน เจริญภาวนา บุญก็จะเกิดขึ้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นกระแสที่ใสสว่างสะอาดและบริสุทธิ์ เหมือนเพชรลูกที่เจียระไนแล้วยามต้องแสงสว่างจากพระอาทิตย์ตอนเที่ยงวันอย่างนั้น แต่ต่างกันที่บุญจะมีความละเอียดยิ่งกว่า กระแสบุญ เมื่อหลั่งไหลเข้าสู่ศูนย์กลางกายก็จะรวมเป็นดวง เรียกว่า “ดวงบุญ” ติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายของเราทุกคน ดวงบุญนี้แหละเป็นต้นเหตุแห่งความสุขความสำเร็จ เมื่อเราปรารถนาสิ่งใด ก็ให้อธิษฐานจิตที่กลางดวงบุญนั้น โอวาท หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่) https://dhamma01.blogspot.com/2016/03/blog-post_9.html
สัมมา ก็มาจาก มรรค มีองค์ ๘ ตั้งแต่ สัมมาทิฐิ สัมมาสังกับปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ คือ มีความเห็นถูกต้อง คิดถูก พูดถูก ทำถูก เป็นต้น เรียกว่า สัมมา คือย่อมาจากอริยมรรคมีองค์ ๘ อะระหัง แปลว่า ห่างไกลจากกิเลส หมายถึงว่า เมื่อเราปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า มีข้อวัตรปฏิบัติเรียงไปตามลำดับ ๘ ข้อ ตั้งแต่ เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก ประกอบสัมมาอาชีวะถูก ทำความเพียรถูก ตั้งสติถูก คือเอาใจเชื่อมโยงกับกระแสแห่งความบริสุทธิ์ภายในถูก กระทั่งเกิดสัมมาสมาธิ เพราะฉะนั้น สัมมาอะระหัง คือ คิดพูดทำทุกสิ่งให้ถูกต้อง แล้วเราจะห่างไกลจากความทุกข์ทรมานของชีวิต จากความไม่บริสุทธิ์ ไปสู่ความบริสุทธิ์ หลุดพ้น คือหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ เหมือนปลาหลุดจากข้องที่ขังอย่างนั้น หลุดพ้นออกไปเลย …