หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

การปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ เป็นอย่างไร

คำถาม:  ขอความกรุณาหลวงพ่อช่วยอธิบายให้เข้าใจว่า แนวทางปฏิบัติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงให้ไว้ ซึ่งท่านผู้รู้ส่วนใหญ่จะต้องตอบว่าให้ปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ แต่พอลงมือปฏิบัติกลับเป็นการนั่งหลับตาเฉย ๆ ความขัดแย้งกันนี้ทำให้สงสัยว่า การนั่งหลับตาเกี่ยวข้องนั้น จะทำให้เกิดผู้ประเสริฐของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ในขั้นตอนใดและในลักษณะใดครับ ? คำตอบ:   มรรคมีองค์ ๘ เป็นอริยมรรค หรือทางไปสู่ความประเสริฐ จะเกี่ยวกับการนั่งหลับตาอย่างไรนั้น ก่อนอื่นขอให้ดูมรรคมีองค์ ๘ ก่อนว่ามีอะไรบ้าง         มรรคองค์ที่ ๑. สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูก หรือเข้าใจถูกในเรื่องโลกและชีวิต ยกตัวอย่างเช่น มีความเข้าใจถูกว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริง ใครมีความเห็นถูกตามนี้ ก็แสดงว่ามรรคองค์ที่ ๑ ของเขาผ่านได้         เมื่อมีความเห็นถูกเข้าใจถูกตามนี้ มรรคองค์ที่ ๒ คือ สัมมาสังกัปปะ ความคิดถูก ก็เกิดขึ้น มรรคองค์ที่ ๑ กับองค์ที่ ๒ ต่างกัน คือความเห็นถูก หรือที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ หมายถึงความเข้าใจในเรื่องโลกและชีวิตอยู่ในระดับที่ใช้เป็นมาตราฐาน เป็นเครื่องวัดใจสำหรับคนทั้งโลกได้         ส่วนสัมมาสังกัปปะ ความคิดถูก หมายถึงความคิดที่คิดในแต่ละวินาทีที่ผ่านไปนั้นมีแต่คิดดี …

การปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ เป็นอย่างไร Read More »

รักษาศีล 5 แต่ไม่ปฏิบัติมงคล 38 ได้หรือไม่

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเรารักษาศีล ๕ ดีแล้ว เราไม่ต้องปฏิบัติมงคล ๓๘ เลยได้ไหมค่ะ ? คำตอบ:   การรักษาศีลเป็นเพียงการทำความดีเบื้องต้น ถ้าจะอุปมาการรักษาศีลกับทางการทหารก็บอกว่า คนที่รักษาศีล ๕ นั้น อุปมาเหมือนทหารที่สวมเสื้อเกราะเตรียมจะออกรบ แต่ว่ายังไม่ได้รบ หรือถ้าเข้าไปอยู่ในสนามรบแล้ว ก็เหมือนทหารสวมเกราะรักษาค่ายไว้ ไม่ให้ถูกข้าศึกโจมตี ยังไม่ได้รุกฝ่ายตรงข้ามเลย ฉันใดก็ฉันนั้น มงคลชีวิตซึ่งมี ๓๘ ข้อ ตั้งแต่             มงคลที่ ๑ ไม่คบคนพาล ถ้าไม่ระวังไปคบคนพาลเข้า เดี๋ยวเชื้อพาลเชื้อเลว ๆ จะติดตัวเราเหมือนโรคระบาด โรคติดต่อ             มงคลที่ ๒ คบแต่คนดี ก็เพื่อจะได้มีโอกาสรับการถ่ายทอดคุณธรรมความดีของเขามาสู่ตัวเรา             มงคลที่ ๓ ยกย่องบูชาคนดี คือเอาคนดีเป็นแบบอย่าง เป็นเป้าหมายที่เราจะไปให้ถึง แล้วเราก็พยายามฝึกฝนตัวเราให้เป็นคนดีตามอย่างเขา             ตั้งแต่มงคลที่ ๑ ไล่ไปเรื่อยจนถึงมงคลที่ ๓๘ สิ่งเหล่านี้เมื่อปฏิบัติแล้วก็เป็นมงคลสำหรับชีวิตมนุษย์ นอกเหนือจากการรักษาศีล ๕ ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติสำหรับรักษาความเป็นมนุษย์เอาไว้เท่านั้น …

รักษาศีล 5 แต่ไม่ปฏิบัติมงคล 38 ได้หรือไม่ Read More »

ไม่ได้ฆ่าสัตว์เองแต่จ้างหรือสั่งให้ผู้อื่นฆ่าถือว่าบาปหรือไม่

คำถาม:   ถ้าเราไม่ได้ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง แต่ได้จ้างหรือสั่งให้ผู้อื่นฆ่า จะถือว่าบาปหรือไม่ ถ้าบาปจะมีวิธีแก้ไข ผ่อนหนักเป็นเบาได้อย่างไร? เพราะว่ามันเป็นอาชีพ คำตอบ:   บาปแน่นอน วิธีแก้ไขก็ไม่เห็นยากอะไร เราก็เลิกอาชีพนี้เสียถอนตัวออกมา อาชีพในโลกนี้มีเป็นพันเป็นหมื่น หาอาชีพหลักอาชีพที่ไม่ฆ่าสัตว์นี่หาไม่ได้จริงๆ หรือ         เคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วว่าหลวงพ่อเองเมื่อเป็นนิสิต อาจารย์เห็นว่าเป็นคนมีฝีมือในการทำงานดี ท่านไว้เนื้อเชื่อใจมาก เลยให้ไปคุมโรงฆ่าสัตว์ ต้องไปดูเขาฆ่าอยู่หลายปี ในทีสุดพอรู้ตัวว่า เอ๊ะ…นี่มันบาป ก็หาทางหลบทางเลี่ยงไป ทีแรกเรียนเกี่ยวกับเรื่องวัวเนื้อ ต้องดูเขาฆ่าวัวทั้งตัวผู้ตัวเมีย จึงหลบมาเรียนเรื่องวัวนม         วัวนม โดยทั่วไปเขาฆ่าแต่วัวตัวผู้ เพราะมันไม่ให้นม วัวตัวเมียไม่ต้องฆ่า เก็บไว้ก่อนให้มันให้นมก่อน แต่ในที่สุดก็ต้องฆ่าอีกนั่นแหละ ก็เลยหาทางเลี่ยงต่อไปอีก แก้ไขเปลี่ยนแปลงจากวัวนมไปเรียนผลิตภัณฑ์นม ทำ Cheese ทำ Butter ทำไอศครีม ฯลฯ หมดเวรเรื่องฆ่าสัตว์กันไปที หลวงพ่อก็แก้ไขกันตัวเองออกมาอย่างนี้ สำหรับคุณโยมขอเตือนว่ายังพอมีอาชีพในโลกนี้อีกมากมาย รายได้ก็ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน         เงินทองทุกบาททุกสตางค์ที่เราได้มาจากการประกอบอาชีพนั้น ขอให้ได้มาเพราะบุญเถอะนะ อย่าให้ได้มาเพราะบาปเลย เราจะได้นำเงินนั้นมาเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวด้วยความภูมิใจ อิ่มเอมใจ วันข้างหน้าเมื่อเรานึกย้อนกลับไปดูอดีต ก็จะภูมิใจว่าตัวเราครอบครัวเรา ลูกน้องเรา และกิจการของเรา …

ไม่ได้ฆ่าสัตว์เองแต่จ้างหรือสั่งให้ผู้อื่นฆ่าถือว่าบาปหรือไม่ Read More »

อาชีพเพชฌฆาตที่ประหารชีวิตนักโทษบาปหรือไม่

คำถาม: อาชีพเพชฌฆาต ซึ่งมีหน้าที่ประหารชีวิตนักโทษ บาปหรือเปล่าครับ ? คำตอบ:   ลูกเอ๋ย บาปซิ เพราะเห็นอยู่แล้วว่าฆ่าคน ศีลข้อปาณาติบาตขาดแน่นอน ก็อาชีพอื่นในโลกมีตั้งมากมายไม่ทำ มาสมัครเป็นเพชฌฆาตทั้ง ๆ รู้ว่าเป็นอาชีพฆ่าคน นี่ตั้งเจตนาจะมาฆ่าคนเชียวนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จะเข้าถึงธรรมกาย หรือดวงปฐมมรรคได้ จะต้องมีอะไรบ้าง

คำถาม: จะเข้าถึงธรรมกาย หรือดวงปฐมมรรคได้ ต้องมีอะไรพร้อมครับและดวงปฐมมรรคเอามาทำอะไรครับ ? คำตอบ:    การที่จะเข้าถึงธรรมกายในตัวของเราได้ จะต้องมีใจหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายให้พร้อม ทั้งเห็น จำ คิด รู้         ส่วนดวงปฐมมรรคเอามากรองใจให้ใส อย่างน้ำในโอ่งที่ขุ่น ๆ น่ะ เวลาเราจะกรองให้ใสเราทำอย่างไรล่ะ? ก็อาจจะใส่ผ้ากรองหรือใส่ที่กรองน้ำ วิธีกรองน้ำเขาก็ให้ผ่านอิฐหัก ผ่านกรวด ผ่านทราย ผ่านถ่าน พอผ่านไปดี แล้วน้ำก็จะใส         คนเราก็เหมือนกันฝึกสมาธิให้ได้ดวงปฐมมรรคเอาไปทำอะไร ก็เพื่อเอาดวงปฐมมรรคแทนเครื่องกรอง กรองใจเราที่เมื่อก่อนเคยวิ่งวุ่นขุ่นคลัก ให้รวมนิ่งให้ใสขึ้นมาขั้นหนึ่ง และพอเราฝึกมาเข้าๆ ใจจรดนิ่งเข้าไปตรงศูนย์กลางกาย จากดวงปฐมมรรคก็ถึงดวงศีล ก็เอาดวงศีลกรองใจอีกขั้นหนึ่ง ใจผ่านดวงศีลก็นิ่งก็ใสขึ้นมาอีกระดับหนึ่งถึงดวงสมาธิ ผ่านดวงสมาธิ ดวงปัญญาไล่เรื่อยไป         เราเอาดวงธรรมเหล่านั้นมากรองใจเราเป็นลำดับๆ ให้ใสเหมือนกับน้ำผ่านเครื่องกรอง ถ้ายิ่งผ่านเข้าถึงธรรมกาย ก็เอาดวงธรรมกายนี่แหละกรองใจเราให้ใสขึ้นไปอีก นี่คือคำตอบว่าฝึกเอาดวงปฐมมรรคไปทำไม เพื่อให้ได้เครื่องกรองใจที่มีคุณภาพสิหนูเอ๊ย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ถ้าเราทำความดีมากๆ และรักษาศีลมากๆ จะเห็นดวงศีล โดยไม่ต้องทำสมาธิได้ไหม?

คำถาม: ถ้าเราทำความดีมากๆ และรักษาศีลมากๆ จะเห็นดวงศีล โดยไม่ต้องทำสมาธิได้ไหมคะ? คำตอบ:    ไม่ได้ การรักษาศีลมากๆ ทำให้กายวาจาใจสงบดีเท่านั้น แต่จะให้เห็น “ดวงศีล” นี่ไม่ได้หรอก ดวงศีลเป็น “ศีลเห็น” ไม่ใช่ “ศีลรู้” เป็นศีลในกัมมัฏฐาน ประเภทสีลานุสติ ถ้าตั้งใจฝึกสมาธิแล้ววางใจให้ถูกส่วนตรงศูนย์กลางกาย ก็จะสามารถเห็นดวงศีลได้ ส่วนใครที่คิดว่าจะทำความดีอย่างอื่น โดยไม่นั่งสมาธิแล้วจะให้เห็นศีลน่ะ ไม่มีทางหรอกนะ         ถ้ามีทาง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคงไม่ต้องบัญญัติ เรื่องการทำสมาธิเอาไว้หรอก ขยันๆ นั่งสมาธิเถอะนะ แล้วจะเห็นว่าสมาธิมีคุณค่ามหาศาลอย่างที่เรานึกไม่ถึงทีเดียว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำสมาธิแบบอานาปานสติเหมือนอาโลกกสิณหรือไม่

คำถาม: ทำสมาธิแบบอานาปานสติ เหมือนอาโลกกสิณหรือไม่ ? คำตอบ:   อาสนาปานสติ เป็นเรื่องของการทำสมาธิโดยใช้สติกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อกำหนดไปถึงจุดหนึ่งเข้า สติตั้งมั่นดีแล้ว ลมจะหยุดนิ่ง แล้วก็เป็นสมาธิ เป็นสมาธิในขั้นปฐมฌาณก่อน แล้วจึงพัฒนาขึ้นเป็นลำดับอย่างช้า ๆ         สำหรับอาโลกกสิณ เป็นวิธีทำสมาธิ โดยกำหนดนิมิตเป็นดวงแก้วใสสว่าง กำหนดทีแรกไม่เหมือนกำหนดลมหายใจ แต่เมื่อกำหนดไปๆ ลมก็จะหยุดเช่นกัน  แล้วจะได้ดวงสว่างแต่ได้เร็วกว่าเพราะมีดวงสว่างเป็นนิมิต เป็นสื่ออยู่แล้ว         ขอให้ทุกคนดูอุปมาอย่างนี้ นิ้วมือของคนเรามีอยู่ ๕ นิ้ว ไม่ว่าเราจะฉีดยาเข้าไปทางปลายนิ้วก้อย ปลายนิ้วนาง นิ้วชี้ หรือนิ้วหัวแม่มือ ฉีดยาเข้าไปเถอะที่นิ้วใดนิ้วหนึ่ง ในที่สุดยาก็จะมารวมที่ข้อมือจากข้อมือก็จะไหลเข้าแขน เข้าไหล่ เข้าหัวใจไปตามลำดับ         เริ่มต้นอยู่ที่ปลายนิ้วคนละนิ้ว แต่สุดท้ายก็มาถึงที่เดียวกัน การฝึกสมาธิจะมีกี่วิธีๆ ก็ตาม การเริ่มต้นอาจจะต่างกันไป แต่เมื่อฝึกไปแล้วในที่สุดจะเหมือนกันคือ เมื่อถึงจุดหนึ่งเข้า จะได้เข้าดวงปฐมมรรคด้วยกันทุกวิธีไป แล้วจากนั้นก็จะเดินทางเส้นเดียวกัน คือเข้าถึงธรรมกายเป็นลำดับๆ ไปเป็นอย่างนี้ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง …

ทำสมาธิแบบอานาปานสติเหมือนอาโลกกสิณหรือไม่ Read More »

จิตนิ่งตอนเวลาหลับ ถือว่าเป็นสมาธิด้วยหรือไม่

คำถาม: เวลานอนหลับ นอกจากเวลาฝันแล้ว จิตของคนเราอยู่นิ่งบ้างไหมครับ ถ้าจิตนิ่งบางขณะเฉพาะเวลาหลับเท่านั้น ถือ ว่าเป็นสมาธิหรือไม่ ? คำตอบ:  ถามว่าจิตของเราอยู่นิ่งบ้างไหม ถ้าจะว่านิ่ง มันก็นิ่งเหมือนกัน แต่มันนิ่งไม่นาน โบราณท่านเปรียบจิตว่าซุกซนเหมือนลิง ฝึกให้อยู่นิ่งๆ ยาก แล้วสภาพที่จิตนิ่งนี้ต้องแยกให้ออกด้วย คนที่จิตนิ่งระหว่างอยู่ในสมาธิกับคนที่จิตนิ่งเพราะเพลีย หรือคนที่หลับสนิท นี่ไม่เหมือนกัน         คนหลับสนิทจิตมันนิ่ง แต่ไม่มีสติกำกับ เลยหลับไม่รู้เรื่องส่วนคนที่อยู่ในสมาธิ นอกจากจิตนิ่งแล้ว เขายังมีสติคุมอยู่ คุมให้จิตจรดอยู่ศูนย์กลางกายพอดี จิตมีสติกำกับ จิตจึงนิ่งเป็นสมาธิ ถ้าจิตนิ่งโดยไม่มีสติกำกับมันก็คือหลับ มันต่างกันตรงความมีสติ         เพราะฉะนั้น “ที่ใดมีสติ ที่นั่นก็มีสมาธิ ที่ใดมีสมาธิ ที่นั่นก็มีสติ”         เมื่อบอกว่านาย ก. กำลังฝึกสติ ก็หมายความว่า นาย ก. กำลังฝึกสมาธิด้วย บอกว่า นาย ข. กำลังฝึกสมาธิ ก็หมายความว่า นาย ข. กำลังฝึกสติด้วย แต่ว่าเมื่อนาย ก. …

จิตนิ่งตอนเวลาหลับ ถือว่าเป็นสมาธิด้วยหรือไม่ Read More »

ทำไมในพระไตรปิฎกไม่พูดถึงฐานที่ 7

คำถาม: การทำพระกรรมฐานเกี่ยวกับพระธรรมกาย ในบทที่กล่าวถึงฐานที่ ๗ ทำไมในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวไว้เลย แม้แต่ในการสำเร็จเป็นพระอรหันต์ของพระสาวก แต่ละองค์ก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องธรรมกาย เวลาใครจะนิพพานต้องนิพพานในฐานที่ ๗ ก็ไม่ได้กล่าวไว้เลยเล่าครับ ? คำตอบ: อย่าว่าแต่แค่เรื่องนี้เลย แม้แต่ว่าฝึกสมาธิซึ่งมีอยู่ ๔๐ วิธีในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้เขียนรายละเอียดวิธีปฏิบัติเอาไว้ ทำไมจึงไม่เขียน?         ที่ท่านไม่เขียนกันไว้ก็คงเป็นด้วยเหตุผลคล้ายๆ กับที่เราในปัจจุบันไม่ได้จดบันทุกข้อมูลอะไรตั้งหลายอย่างนั่นแหละ คือเมื่อเริ่มมีการบันทึกพระไตรปิฎกนี่ ขณะนั้นมีพระอรหันต์อยู่มากมายเต็มบ้านเต็มเมือง เพราะฉะนั้นพอพูดถึงการทำสมาธิ พูดถึงธรรมกายนี่ใครๆ ก็รู้จัก ท่านจึงเห็นว่าไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง เพราะฉะนั้นรายละเอียดวิธีปฏิบัติจึงถูกละกัน ไม่บันทึกไว้ พวกเรารุ่นหลังเลยไม่ได้เห็น         ส่วนวิธีฝึกสมาธิเพื่อเข้าถึงธรรมกาย ที่เราใช้เป็นแม่บทอยู่ขณะนี้ ก็เป็น ๑ ใน ๔๐ วิธี ที่ท่านไม่ได้ให้รายละเอียดไว้นั่นแหละ ตำราที่เราใช้นี้เป็นตำราที่เขียนเมื่อประมาณ พ.ศ. ๙๐๐ ก่อนหน้านั้นพระอรหันต์มีเต็มเมือง สิ่งเหล่านี้เขารู้กันทั้งนั้น จึงถือว่าเป็นของธรรมดาเลยไม่ได้บันทึกไว้ หรือบันทึกเพียงสั้นๆ         พอผ่านเวลาไปแล้วเป็นร้อย ๆ ปี พระอรหันต์เริ่มหายาก บันทึกสั้น ๆ ที่พอมีอยู่บ้าง คนรุ่นหลังเริ่มอ่านไม่เข้าใจ นึกถึงวิธีปฏิบัติไม่ได้ …

ทำไมในพระไตรปิฎกไม่พูดถึงฐานที่ 7 Read More »

ความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีมากแค่ไหน

คำถาม: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรามีความรู้ทั้งหมด ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ตามที่นำมาสอนสาวก ใช่หรือไม่ ? คำตอบ:  ไม่ใช่หรอก พระพุทธองค์ทรงมีความรู้มากกว่านั้น คำสอนของพระองค์ตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎก มี ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ก็จริง แต่สิ่งที่พระองค์ตรัสรู้มีมากกว่านั้นมากนัก เรื่องนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยปรารภให้พระภิกษุสาวกของพระองค์ฟังแล้ว         เรื่องย่อ ๆ มีอยู่ว่า คราวหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงนำบรรดาพระสาวกเข้าไปพำนักในป่าประดู่ลาย ใกล้กรุงโกสัมพี วันหนึ่งทรงหยิบใบประดู่มากำมือหนึ่ง แล้วตรัสถามภิกษุว่า         “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่อยู่บนต้น อย่างไหนจะมีมากกว่ากัน”         แน่นอน พระภิกษุเหล่านั้นต้องตอบว่า ใบที่อยู่บนต้นย่อมมีมากกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ถูกแล้ว ธรรมะที่เราตรัสรู้แล้ว แต่ไม่ได้บอก ก็มีมากเหมือนใบไม้บนต้น แต่ที่เรานำมาสอนให้พวกเธอนั้นเหมือนใบไม้ในกำมือ เหตุที่มิได้นำมาสอนก็เพราะเรื่องนั้นๆ ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน” นี่หลักฐานในพระไตรปิฎกได้กล่าวไว้อย่างนี้ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ชอบทะเลาะกับคนอื่น จะแก้ไขอย่างไรดี

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ดิฉันเป็นคนจีน มีอาชีพขายผักอยู่ในตลาดสด วันๆ มีเรื่องทะเลาะกับคนโน้นคนนี้มากมาย วันไหนเอาชนะเขาได้ ดิฉันก็สบายใจ แต่ถ้าแพ้ จะหงุดหงิดไปหลายวัน เมื่อวานดิฉันฟังวิทยุได้ยินพระท่านสอนนั่งสมาธิว่าให้ทำใจสบายๆ ให้คิดถึงเรื่องดีๆ ดิฉันก็นึกตามโดยนึกถึงตอนที่เถียงคนอื่นชนะ จิตใจสบายดีจริงๆ เจ้าค่ะ วันหลังดิฉันก็นึกทำแบบเดิมอีก แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร มันไปคิดถึงตอนเถียงแพ้ ก็เลยแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก เกือบตาย ดิฉันจะแก้ไขยังไงดีเจ้าค่ะ ?         (ป.ล. ดิฉันวานอาหมวยเขียนมา เพราะดิฉันเขียนหนังสือไทยไม่เป็น)  คำตอบ:  คุณโยมต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ คือเลิกทะเลาะกับชาวบ้านเสีย ให้พูด ให้ทำแต่สิ่งที่ดี  จะได้นึกออกเฉพาะเรื่องที่ดีๆ แม้ที่สุดมีใครมาชวนทะเลาะ เพราะในตลาดสดมักมีเรื่องกระทบกระทั่งกันได้ง่ายก็เลี่ยงเสีย อย่าไปต่อปากต่อคำ นึกภาวนาในใจว่าไม่โกรธ ๆ ถ้าจะต้องพูด ก็ให้พูดคำว่าขอโทษให้มากที่สุด         แรกๆ อาจจะยากสักหน่อย ถ้าชอบเถียงเอาชนะเขามานานแต่คราวนี้ถ้าคุณโยมไม่เถียงตอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าแพ้นะ เพราะไม่ได้เถียงตอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าแพ้นะ เพราะไม่ได้เถียง ไม่ได้ทะเลาะกัน มิหนำซ้ำต้องถือว่าคุณโยมชนะด้วยเพราะชนะใจตนเอง ชนะที่ไม่โกรธได้ นึกถึงการชนะแบบนี้แล้ว ใจจะสบายกว่าเถียงทะเลาะเขาแล้วชนะเสียด้วยซ้ำไป โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) …

ชอบทะเลาะกับคนอื่น จะแก้ไขอย่างไรดี Read More »

นั่งสมาธิแล้วชอบมึนและปวดหัว จะแก้ได้อย่างไร

คำถาม: เวลานั่งสมาธิทำไมจึงจรดเข้ากลางได้ยากเย็นนักคะ บางครั้งก็มึนและปวดหัว เป็นเพราะอะไรคะ? คำตอบ:  ที่เข้ากลางได้ยากเย็น ก็เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาเราไม่เคยถูกสอนให้รู้จักศูนย์กลางกาย เพราะฉะนั้นเวลาคิด เราก็คิดที่หัวสมองกันทั้งนั้น แล้วก็คิดกันตลอดเวลา มาฝึกนั่งสมาธิ บอกให้หยุดคิด ก็หยุดไม่ได้ มิหนำซ้ำยังคิดเพิ่มขึ้นอีกว่าจะหยุดคิดได้อย่างไร คิดฟุ้งซ่านมากมายแล้วมาบ่นว่าปวดหัว         ไอ้ที่ปวดหัวเพราะอะไร เพราะนึกไม่เป็น นึกไม่ถูกเวลาที่คนทั่ว ๆ ไปนึกคิด เขาจะใช้สมองเป็นที่ทำงานของการคิด คิดมากเข้ากะโหลกมันขยายไม่ได้ ความคิดมันคับกะโหลก มันก็ต้องปวดหัว แต่ถ้าเอาศูนย์กลางกายซึ่งอยูในกลางท้องเป็นที่ทำงานของการคิด จะไม่ปวดหัว         พอเอาความคิดเข้ากลางได้ ก็มีที่กว้างขวางให้คิด แล้วก็คิดได้แบบเย็นๆ เป็นความคิดที่กรองด้วยสติ เวลานึกนิมิตองค์พระหรือดวงแก้ว บอกให้นึกเบาๆ แบบไม่ใช้กำลัง ให้นึกเหมือนนึกหน้าแม่หรือนึกถึงสิ่งที่เราคุ้นที่สุดก็นึกได้         ให้นึกสบายๆ นึกง่ายๆ เช่น นึกถึงหยาดน้ำค้างบนปลายยอดหญ้าในยามเช้า เป็นหยดกลมๆ ใสๆ หรือหยดน้ำที่กลิ้งอยู่บนใบบัวเดี๋ยวก็นึกออก นึกได้ชัดเจน เปลี่ยนที่ทำงานของการคนึกเสียใหม่ให้มาตรึกอยู่ที่กลางท้องให้ได้นะลูกนะ แล้วนะไม่ปวดหัว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC …

นั่งสมาธิแล้วชอบมึนและปวดหัว จะแก้ได้อย่างไร Read More »

การคุมกำเนิดบาปหรือไม่

คำถาม: การคุมกำเนิดของมนุษย์ถือเป็นเรื่องบาปหรือไม่ เพราะการที่ใครจะมาเกิดได้ ชาติก่อนเขาต้องรักษาศีลห้ามาอย่างดีแล้วถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ การคุมกำเนิดเท่ากับเป็นการไม่ให้โอกาสแก่วิญญาณที่ทำความดีมาเกิดหรือไม่ ? คำตอบ:  ขอถามกลับอย่างนี้ บ้านที่เราอยู่นี่ถ้าอยู่กันตามลำพังในครอบครัว แล้วมีใครไม่รู้มาขอนอนในบ้านเรา แต่เราไม่อนุญาต ถามว่าเราผิดไหม? ไม่ผิดใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราคุมกำเนิดตัวเราเอง ก็ไม่ผิด ไม่บาป การที่ผู้ใดผู้หนึ่งมาบวชเป็นพระภิกษุนี้ ก็ถือเป็นการคุมกำเนิดนะ         ถามว่าหลวงพ่อผิดหรือไม่ให้โอกาสคนมาเกิด หลวงพ่อว่า ไม่ผิด แต่ถ้าใครทำแท้งสิผิด แล้วก็บาปมากด้วยเพราะเป็นการทำปาณาติบาต แยกประเด็นให้ถูกนะ         ทำแท้งน่ะปาณาติบาตเพราะฆ่าคน แต่ว่าคุมกำเนิดนี้ไม่ผิดไม่บาป เพราะไม่ได้ฆ่าใคร โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขนิสัยวู่วามความเจ้าอารมณ์ของตนเองได้

คำถาม: ทำอย่างไรผมจึงจะขจัดนิสัยวู่วาม เจ้าอารมณ์ของตนเองได้ มีคนแนะนำให้ฝึกนับ ๑ ถึง ๑๐ ก็ทำไม่ค่อยสำเร็จคะ ?  คำตอบ:   คนที่วู่วามเจ้าอารมณ์ คือคนที่ห้ามอารมณ์ห้ามใจตัวเองไม่ได้ เพราะสติมันหย่อน ใจไม่ตั้งมั่นพอ ฉะนั้นการที่จะแก้นิสัยวู่วามได้ต้องทำดังนี้        ๑. ฝึกสติฝึกใจให้ตั้งมั่น ด้วยการหาเวลาทำความสงบใจให้ได้ทุกคืนก่อนนอน โดยการนั่งสมาธิให้มากๆ ให้ใจสงบ และแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายให้เขามีความสุขกายสุขใจทำอย่างนี้ให้เป็นประจำ ใจจะเริ่มเย็นลง ๆ        ๒. หาเวลาอยู่ลำพังๆ เงียบๆ เพื่อพิจารณาโทษของความโกรธให้มากๆ ว่ามันนำความเสียหายมาให้แก่ตนเอง แก่ครอบครัวและหมู่คณะอย่างไรบ้างโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้พิจารณาถึงความเสียหายที่เกิดจากความวู่วามของเราในอดีตที่ผ่านมา ว่าทำให้ทรัพย์สินเงินทองเสียหายไปเท่าไร แล้วเราเองต้องเสียใจ เพราะการกระทำนั้นเพียงใด คุณพ่อคุณแม่ ลูกเมีย แม้ที่สุดครูบาอาจารย์ต้องพลอยเสียใจ เสียชื่อเสียงตามเราไปด้วยขนาดไหน         ถ้าจะให้ดีก็ต้องพยายามคบเพื่อนที่ใจเย็นๆ จะได้ติดนิสัยใจเย็นของเขามาบ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดเขาจะได้ช่วอยเตือนเราได้บ้างตามสมควร          เมื่อทำได้ครบตามนี้แล้ว ไม่ช้าความหุนหันพลันแล่นก็จะคลายไป ส่วนที่ว่าเมื่อโกรธขึ้นมาก็ให้นับ ๑ ถึง ๑๐ ก่อน แล้วจึงปล่อยตัดสินใจอย่างนั้นค่อนข้างยาก เพราะเวลาโกรธ มันมักจะระเบิดอารมณ์วู่วามทำอะไรร้ายๆ ออกไปเสียก่อน ต้องพยายามฝึกสมาธิให้ใจสงบ มีอารมณ์เย็นสม่ำเสมอ …

ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขนิสัยวู่วามความเจ้าอารมณ์ของตนเองได้ Read More »

ฝึกสมาธิแล้วตัวแข็งเหมือนก้อนหินจะแก้ได้อย่างไร

คำถาม: ฝึกสมาธิแล้วตัวแข็งเหมือนก้อนหิน จะแก้อย่างไรครับ?  คำตอบ:   กรณีอย่างนี้เคยพบมาหลายท่าน วิธีแก้ไม่ยาก ก่อนจะนั่งให้กำหนดใจไว้ที่หน้าท้อง แล้วเลื่อนไปตั้งไว้ในกลางท้องเลย กำหนดนิ่งๆ อยู่ตรงนั้นปลดความกังวล วางใจเบาๆ อาการตัวแข็งจะค่อยๆ หายไป กลับมีอาการชุ่มชื่นเบิกบานใจเข้ามาแทนที่ แล้วความสว่างจะเข้ามาในกลางห้อง อาการเกร็ง อาการเครียดจะหายหมด         ทำง่ายๆ อย่างนี้แหละ คือเลื่อนฐานที่ตั้งจิต จากหน้าท้องเข้าไปในกลางท้อง หรือสมมุติเรามีเส้นด้าย ๒ เส้นขึงให้ตึง เส้นที่ ๑ ขึงจากสะดือทะลุหลัง เส้นที่ ๒ ขึงจากเอวซ้ายทะลุเอวขวา เส้นด้ายทั้ง ๒ เส้นนี้ตัดกันตรงไหน เหนือจุดตัดนั้นขึ้นมา ๒ นิ้วมือ (นิ้วชี้กับนิ้วกลางวางซ้อนกัน) ให้เอาใจไปวางไว้ตรงนั้น แล้วทำอารมณ์สบาย ๆ อาการแข็งดังกล่าวจะหายไปหมด ลองทำดูนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา