หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

การสวดมนต์ตามบ้าน

คำถาม:  สมัยพุทธกาล มีการสวดมนต์ตามบ้านอย่างสมัยนี้หรือเปล่าครับ? คำตอบ:  จริงๆ แล้วสมัยพุทธกาลเท่าที่รู้มา ไม่มี แต่ว่ามีเทศน์หรือการกล่าวอนุโมทนาตามบ้านที่นิมนต์พระไปฉันภัตตาหาร มีหลักฐานปรากฎว่ามีกรณีที่ต้องปฏิบัติอย่างนี้อยู่ 2 กรณี คือ         กรณีที่ 1 เมื่อมีใครนิมนต์พระพุทธเจ้ากับพระภิกษุ 500 รูป ไปฉันภัตตาหารที่บ้าน พอฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีการให้พร พระที่จะให้พรก็ขึ้นอยู่ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดให้พระภิกษุรูปใดให้พร สมมติว่าทรงให้พระ ก. ให้พร พระรูปอื่นนอกนั้นก็กลับวัดหมดแม้แต่พระองค์ก็เสด็จกลับ ให้พระรูปนั้นให้พรแก่ญาติโยมในบ้าน เพียงรูปเดียว หรือบางทีญาติโยมขอให้พระรูปไหนให้พรก็ระบุไปเลย เช่น หลวงพ่อ ก. เดี๋ยวให้พรพวกกระผมด้วยนะ พอโยมระบุชื่อพระที่จะให้พรแล้ว พระนอกนั้นก็กลับวัด         แต่ภายหลัง ต่อมามีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง เพราะพระภิกษุบางรูปที่เพิ่งบวช อาจถูกญาติโยมระบุชื่อขึ้นมา จะให้ท่านให้พรทันที ท่านให้ไม่ได้หรอก แล้วจะแก้ไขอย่างไร ท่านก็แก้โดยแทนที่จะอยู่ให้พรเพียงองค์เดียว ท่านเปลี่ยนใหม่เป็นว่า ที่มาฉันกี่องค์ๆ นิมนต์ให้พรพร้อมๆ กันเลย เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้บทให้พรบทเดียวกัน จึงเกิดธรรมเนียมอย่างนี้ขึ้นมาในภายหลัง         กรณีที่ 2 การสวดมนต์ตามบ้าน …

การสวดมนต์ตามบ้าน Read More »

ถ้าฮวงซุ้ยดีจะทำให้ลูกหลานมีความเจริญจริงหรือ

คำถาม:  ตามความเชื่อถือของคนจีน เชื่อกันว่าถ้าฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษอยู่ในที่ๆ ดี จะมีบทบาทสำคัญทำให้ลูกหลานมีความเจริญก้าวหน้าร่ำรวย หรือหากฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษอยู่ในที่ที่ไม่ดีหรือไม่เป็นมงคล ลูกหลานจะประสบกับความหายนะ เท่าที่สังเกตดูก็รู้สึกว่ามีความจริงพอที่จะเชื่อถือได้ จึงอยากจะทราบว่าข้อเท็จจริง จริงๆ นั้น มันเกิดจากอะไรกันแน่? คำตอบ:  ตอนเริ่มแรกคนจีนทำฮวงซุ้ย เพื่อเหตุผลบางประการ คือ         ประการแรก เป็นวันนัดพบของหมู่ญาติ เพราะเมื่อพ่อแม่ตายแล้ว ลูกหลานแยกย้ายไปทำมาหากินต่างถิ่น มีโอกาสพบเจอกันยาก เพราะแผ่นดินจีนกว้างใหญ่ไพศาล จึงต้องกำหนดว่าควรจะมีการนัดพบกันสักปีละ 1 ครั้ง โดยคำนึงถึงความเหมาะสม คือ         1. สถานที่เหมาะสม คือ ได้บรรยากาศดี         2. เวลาเหมาะสม คือ เป็นฤดูกาลที่ไม่ใช่ช่วงทำเกษตรกรรมหรือเป็นเวลาที่ว่างงาน ซึ่งมักเป็นต้นฤดูแล้ง         ถามว่าทำไมจึงต้องพบกัน ตอบว่าควรพบกันด้วยสาเหตุใหญ่ คือ         1. ถ้าพี่น้องคนไหนตกทุกข์ได้ยาก ก็จะได้ข่าวในวันนี้ และ จะได้ช่วยเหลือกันต่อไป        2. ได้รู้ว่าความประพฤติของคนในตระกูลแต่ละรุ่น เป็นอย่างไรมีใครนอกลู่นอกทางหรือเปล่า ถ้าพบว่าใครมีความประพฤติไม่ดีจะทำอย่างไร ก็ต้องทบทวนโอวาทของเตี่ยและแม่ ซึ่งท่านสอนไม่ให้ทำชั่ว         ทีนี้ถ้าจะให้ได้บรรยากาศดี จะต้องไปทบทวนโอวาทบรรพบุรุษกันที่ไหน ก็ต้องหน้าหลุมศพเตี่ยและแม่ …

ถ้าฮวงซุ้ยดีจะทำให้ลูกหลานมีความเจริญจริงหรือ Read More »

กลัวการสร้างวัดตามรูปแบบประเพณีหรือศิลปะสมัยก่อนจะหายไป

คำถาม:  ผมขอกราบเรียนถามว่า การที่วัดพระธรรมกายบอกว่าไม่ได้แหกคอกเรื่องแบบการก่อสร้างวัด และไม่ได้ทำให้พิสดารกว่าวัดอื่นนั้น มันก็ถูกอยู่ครับ แต่ผมอยากทราบว่า ถ้าวัดอื่นเขาเกิดเอาตัวอย่างการก่อสร้างแบบวัดพระธรรมกาย ท่านไม่เกรงว่าประเพณีหรือศิลปะสมัยก่อนจะสูญหายหรือถูกลืมหรือครับ (พระเรียนถามมา) คำตอบ:  เวลาจะสร้างอะไร ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้ให้มาก เคยคิดบ้างไหมว่าศิลปะไทยที่เห็นอยู่นี้ความจริงมันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไร อาจจะเริ่มเมื่อประมาณ 800 ปีก่อนก็ได้ และเคยคิดไหมว่าเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว สถาปัตยกรรมที่มีอยู่ในเมืองไทยมีรูปร่างอย่างไร?         วันหนึ่งมันก็สูญหายไปเป็นธรรมดา เมื่อ พ.ศ. 303 ในเมืองไทยก็มีวัดแล้ว คือวัดพระปฐมเจดีย์ แต่มั่นใจได้เลยว่าสถาปัตยกรรมคงไม่ใช่รูปแบบที่เราเห็นอยู่ขณะนี้ เพราะอะไร?         เพราะวัสดุก่อสร้างเปลี่ยนไปทุกวัน เดี๋ยวนี้หาไม้ได้ง่ายๆ เหมือนเมื่อก่อนไหม? ไม้กำลังจะต้องชั่งขายเป็นกิโลแล้วนะ เข้มงวดรักษาอย่างไรก็ไม่อยู่ ถ้าจะสร้างเพื่อรักษาศิลปวัฒนธรรมของปู่ย่าตายายไว้ ก็เห็นด้วย แต่ควรแบ่งไว้ส่วนหนึ่ง หรือสร้างไม้สักหลังหนึ่ง เพื่อรักษาศิลปะ         นอกนั้นจะสร้างอย่างไรก็ได้ โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยให้มาก อย่างที่รัฐบาลไทยทำอยู่ขณะนี้ ทำถูกต้องแล้ว คือโบสถ์หรือวัดที่ประกอบด้วยศิลปกรรมที่ดีเยี่ยมเลย ก็เก็บรวมไว้แห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ส่วนวัดอื่นก็ดูตามสภาพ จะใช้แบบเก่าก็ได้ แบบใหม่ก็ดี หรือในวัดทั่วๆ ไป ให้สร้างกุฏิเจ้าอาวาสเป็นทรงไทยสวยๆ ไว้สักหลัง ทำด้วยไม้เนื้อดี …

กลัวการสร้างวัดตามรูปแบบประเพณีหรือศิลปะสมัยก่อนจะหายไป Read More »

อานิสงส์ของการสวดมนต์มีอะไรบ้าง

คำถาม:  อานิสงส์ของการสวดมนต์มีอะไรบ้างครับ? คำตอบ:  มนต์ แปลว่าคำศักดิ์สิทธิ์ คำสำหรับสวดพุทธมนต์เป็นคำศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นคำสวดพระโอวาทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ การที่ชาวพุทธสวดมนต์ก็เพื่อเป็นการทบทวนพระโอวาท ที่เป็นข้อธรรมะ เมื่อใครได้ทบทวนข้อธรรมะของพระองค์ ก็ได้ชื่อว่า         1. เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นต้นกำเนิดของมนต์         2. เคารพในพระธรรม เพราะข้อความที่สวดเป็นธรรมะ         3. เคารพในพระสงฆ์ เพราะบทสวดมนต์ได้ถ่ายทอดมาโดยพระสงฆ์         สิ่งที่เราเคารพ 3 อย่างนี้ รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย การเคารพพระรัตนตรัยมีอานิสงส์ทำให้เรามีโอกาสสร้างบุญได้ต่อไป แม้ขณะที่กำลังสวดมนต์ ผลบุญก็เกิดขึ้นเป็นลำดับๆ แล้ว ตั้งแต่ขณะสวดมนต์ ร่างกายของเราอยู่ในอาการอันสงบ สำรวม ศีลก็ไม่ขาด พอจิตใจสงบ ก็เป็นสมาธิ(Meditation)ได้เร็ว         เมื่อทบทวนธรรมะ ปัญญาก็งอกงามไปตามลำดับๆ ได้ อานิสงส์ทางปัญญา ตกลงได้ครบทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นอุปกรณ์เป็นพาหนะนำไปสู่การสร้างบุญ สร้างคุณงามความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ยิ่งกว่านั้นผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำ ยังเป็นผู้ที่มีโอกาสพิจารณาตนเองได้มาก ไม่วู่วาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำ จะมีอานิสงส์ให้พ้นภัยทั้งปวง เนื่องมาจากใจที่สงบของเขา ใจที่เกาะอยู่ในธรรมจะสะอาดและใสมาก เมื่อจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับตัว แม้จะหาเหตุผลไม่ได้ …

อานิสงส์ของการสวดมนต์มีอะไรบ้าง Read More »

การอาราธนาธรรม

คำถาม:  เคยมีคนถามว่าเวลาหลวงพ่อขึ้นเทศน์ ทำไมไม่อาราธนาธรรมเป็นภาษาบาลีก่อน ลูกอยากทราบว่าก่อนเทศน์จำเป็นต้องมีคนอาราธนาธรรมทุกครั้งหรือไม่คะ? คำตอบ:  การอาราธนาธรรมที่เป็นภาษาบาลี ส่วนมากใช้ในกรณีที่มีพิธีเป็นทางการ พระภิกษุที่ขึ้นธรรมาสน์เทศน์มักถือใบลาน มากางอ่านแต่หลวงพ่อเทศน์ในลักษณะปาฐกถาธรรม คือเทศน์สดๆ ไม่ได้อ่านตามคัมภีร์ใบลาน เพราะฉะนั้น จึงไม่ต้องอาราธนาแบบเป็นภาษาบาลี ที่กล่าวขึ้นต้นว่า “พรหมา จ โลกา..” แต่ถ้าบางแห่งจะให้มีการกล่าวอาราธนาก่อนก็ไม่ผิดแปลกอะไร         โดยทั่วไปถ้านิมนต์พระไปแสดงปาฐกถาธรรมในที่ประชุมต่างๆ พิธีจะกล่าวอาราธนาด้วยคำพูดธรรมดา แบบกล่าวเชิญวิทยากรทั่วๆ ไป ขึ้นบรรยาย และพระภิกษุก็สามารถใช้เทคนิคในการบรรยายได้เหมือนนักพูดทั่วๆ ไป แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบในพระวินัยของพระนะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำไมวัดพระธรรมกายไม่มีอาหารเจ

คำถาม:  อยากทราบว่า ทำไมทางวัดพระธรรมกายไม่จัดอาหารเจไว้ด้วย เห็นอาหารที่นี่มีเนื้อสัตว์ทุกมื้อ ทำไมพระจึงฉันเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ คิดว่าคงมีคนมาวัดจำนวนไม่น้อยที่ต้องการอาหารเจ ซึ่งเป็นอาหารบริสุทธิ์? คำตอบ:  ขอตอบตามพระวินัยนะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยตรัสเลยว่า อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ไม่บริสุทธิ์ สำหรับพระ อาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ก็บริสุทธิ์ ถ้า         1. ภิกษุไม่ได้เห็น เขาฆ่าสัตว์นั้น         2. ภิกษุไม่ได้ยิน เขาฆ่าสัตว์นั้น         3. ภิกษุไม่ได้นึกรังเกียจว่า เขาฆ่าเฉพาะเจาะจงมาเพื่อตน         เพราะฉะนั้นอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ที่ถวายให้พระฉันอยู่ทุกมื้อนี่ก็บริสุทธิ์ เราไม่ควรกล่าวตู่พุทธพจน์นะ ถามว่าเรื่องอาหารเจเอามาจากไหน มาจากพระเทวทัตใช่ไหม พระเทวทัตก่อเรื่องไว้จนสงฆ์แตกแยก         เรื่องมีอยู่ว่า วันหนึ่งท่ามกลางสงฆ์ พระเทวทัตลุกขึ้นยืนต่อหน้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดเสียงดังว่า “พระพุทธเจ้าข้า ถึงเวลาแล้วที่พระองค์ควรจะบัญญัติเป็นพระวินัยว่า ห้ามภิกษุฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต” นี่พระเทวทัตว่าอย่างนั้น         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสตอบเลยว่า “เทวทัต เราไม่บัญญัติถ้าภิกษุ รูปใดจะฉันเนื้อสัตว์ เราไม่ห้าม แต่เราบัญญัติว่า เนื้อสัตว์นั้นถ้าภิกษุ ไม่ได้เห็นเขาฆ่า ไม่ได้ยินเขาฆ่า และไม่ได้รังเกียจว่าเขาสั่งฆ่าเฉพาะเจาะจงมาเพื่อตน ให้ภิกษุฉันได้”         เพราะฉะนั้น ถ้าบอกว่าอาหารเจบริสุทธิ์ แล้วทำไมอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์จะไม่บริสุทธิ์ …

ทำไมวัดพระธรรมกายไม่มีอาหารเจ Read More »

หัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาคืออะไร

คำถาม:  เนื่องจากมีเพื่อนชาวคริสต์หลายคน เพื่อนๆ เหล่านี้เคยถามลูกว่า แก่นแท้หรือหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนามีอย่างไร ลูกตอบไม่ได้ จึงขอเรียนถามหลวงพ่อค่ะ? คำตอบ:  สำหรับของชาวคริสต์หัวใจสำคัญของศาสนาของเขา เขาบอกว่าจงรักกันและกัน เหมือนดังเช่นพระเจ้ารักท่าน อันนี้เป็นเมตตา ซึ่งเป็นข้อ 1 ในพรหมวิหาร 4 ซึ่งเป็นธรรมะหมวดหนึ่งในพระพุทธศาสนา         สำหรับชาวพุทธเรา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักสำคัญของพระพุทธศาสนาไว้ 3 ข้อใหญ่ ซึ่งสามารถครอบคลุมเอาคำสอนไว้ทั้งหมด จะถือเป็นแก่นแท้ หรือหัวใจของพระพุทธศาสนาก็ได้ ซึ่งได้แก่         1. การไม่ทำบาปทั้งปวง คือละเว้นจากอกุศลกรรมบถ 10 อย่าง         ด้วยกาย 3 คือ 1). ไม่ฆ่าสัตว์ 2). ไม่ลักทรัพย์ 3). ไม่ประพฤติผิดในกาม         ด้วยวาจา 4 คือ 1). ไม่พูดปด 2). ไม่พูดส่อเสียด 3). ไม่พูดคำหยาบ 4). ไม่พูดเพ้อเจ้อ         ด้วยใจ …

หัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนาคืออะไร Read More »

หินยาน กับมหายาน ต่างกันอย่างไร และธรรมยุตกับมหานิกาย ต่างกันอย่างไร

คำถาม:  หินยาน กับมหายาน ต่างกันอย่างไร  และธรรมยุตกับมหานิกาย ต่างกันอย่างไรครับ? คำตอบ:  คู่แรก หินยานกับมหายานมีที่มาคือ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อวันเพ็ญกลางเดือน 6 หลังจากนั้นพอเข้าพรรษาต่อมาประมาณเดือน 8 ก็มีการสังคายนาพระไตรปิฎก         สังคายนาคือ การจัดหมวดหมู่ของธรรมะ เนื่องจากเมื่อสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ คำสอนของพระองค์มิได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร มีผู้ที่รับอาสาจะบันทึกเหมือนกัน แต่พระองค์ตรัสว่าไม่เป็นไร พวกเธอตั้งใจปฏิบัติธรรมกันดีกว่า เอาเวลาที่มีอยู่น้อยนิดไปเผยแผ่พระพุทธศาสนากันให้เต็มที่ เวลานี้ยังไม่ต้องบันทึกหรอก เพราะว่ามีอยู่ผู้หนึ่งที่สามารถบันทึกเอาไว้ในใจโดยไม่เลอะเลือน ผู้นั้นคือ พระอานนท์         พระอานนท์ท่านทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐากของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตำแหน่งอุปัฏฐากถ้าจะเปรียบเทียบกับสมัยนี้ ก็จะพออนุโลมได้ว่า เป็นเลขาฯ ส่วนพระองค์ เวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปเทศนาสั่งสอนที่ไหนก็ตาม ถ้าพระอานนท์อยู่ด้วยก็ได้ฟังและจำได้ แต่ถ้าไม่อยู่ด้วยเมื่อพระพุทธองค์เสด็จกลับมา ก็จะทรงเทศน์เรื่องนั้นให้พระอานนท์ฟังโดยเฉพาะอีกรอบหนึ่ง เพราะฉะนั้นเมื่อถึงคราวที่ประชุมทำสังคายนา พระอรหันต์ทั้งหลายก็แบ่งหน้าที่กันออกไป         ประธานในการทำสังคายนาคือ พระมหากัสสปเถระ ท่านเป็นผู้ตั้งคำถาม พระอานนท์เป็นผู้ตอบว่าเรื่องนั้นๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ที่นั้น วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น สาเหตุที่ทรงเทศน์เพราะอะไรก็จะบอกไว้ด้วย คำบอกเล่าของพระอานนท์บันทึกอยู่ในพระไตรปิฎกส่วนที่เป็นพระสูตร         สำหรับส่วนที่เป็นพระวินัย มีพระอรหันต์อีกรูปหนึ่งชื่อพระอุบาลีเป็นผู้ตอบ พระอุบาลีท่านเก่งในด้านพระวินัยหรือด้านกฎระเบียบของสงฆ์ พอตอบและจัดหมวดหมู่พระธรรมเรียบร้อยแล้ว …

หินยาน กับมหายาน ต่างกันอย่างไร และธรรมยุตกับมหานิกาย ต่างกันอย่างไร Read More »

สภาธรรมกายสากลของวัดพระธรรมกายทำไมหลังคามุงด้วยใบจาก

คำถาม:  กระผมอยากทราบว่า สภาธรรมกายสากลของวัดพระธรรมกายก่อสร้างขึ้นมาอย่างแข็งแรง แต่ว่าทำไมหลังคาจึงใช้ใบจากมุง ทั้งๆ ที่ถ้าใช้กระเบื้องก็คงจะแข็งแรงทนทานกว่าและไม่ร้อนด้วย? คำตอบ:  เราเคยทดสอบแล้วว่า ถ้าความสูงของหลังคาเท่ากันระหว่างมุงจากกับมุงกระเบื้อง มุงจากจะเย็นกว่ามาก แล้วประเด็นสำคัญที่สุด ทุนรอนที่จ่ายระหว่างจากกับกระเบื้องมันต่างกันมาก         มุงจากค่าใช้จ่ายตารางเมตรหนึ่ง หมายถึงรวมค่าแรงด้วย อาจจะประมาณ 17 บาท แต่กระเบื้องตารางเมตรหนึ่ง ตกอยู่ประมาณ 70-80 บาท ต่างกันประมาณ 4-5 เท่า         หลังคาอาคารใหญ่ ขนาดหลังคาจากของเรานี่ ทั้งค่าจากและไม้รวกตกเข้าไปประมาณ 2 แสนเศษ แล้วถ้ามุงกระเบื้องมันจะเป็นสักเท่าไรลองคิดดู อีกประการหนึ่งโดยเฉพาะถ้าเป็นพื้นที่ใหญ่ๆ แล้วไม่มีช่องระบายลมออกด้านบนนี่ หลังคาจากดีที่สุด เนื่องจากคุณสมบัติความชื้นและความพรุนของใบจากโดยธรรมชาติจะระบายลม ระบายความร้อนของอากาศได้ดีกว่ากระเบื้องมาก ยกเว้นว่ากระเบื้องนั้นจะมุงแล้วมีการตีฝ้าอีกทีหนึ่งจึงจะช่วยได้ หลังคาใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามุงด้วย กระเบื้องแล้วไม่ได้ตีฝ้า จะทำให้ร้อนพอสมควรทีเดียว         สรุปว่าเหตุผลที่ใช้หลังคาจาก เพราะว่า         1. ระบายความร้อนได้ดี         2. ราคาถูก         อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะยาวแล้วมุงกระเบื้องอาจจะถูกกว่ามุงจากก็ได้ แต่ว่าตอนเริ่มลงมือสร้าง บอกตรงๆ เงินมันขาดมือจริงๆ …

สภาธรรมกายสากลของวัดพระธรรมกายทำไมหลังคามุงด้วยใบจาก Read More »

ว่าด้วยห้องน้ำที่วัดพระธรรมกาย

คำถาม:  ห้องส้วมที่เป็นแถวๆ ที่วัดพระธรรมกาย การก่อสร้างราคาแพงไหมครับ ถ้าจะก่อสร้างตามแบบนี้บ้างจะขอแบบได้ไหม (พระที่มาอยู่ธุดงค์มาฆบูชา 2529 เรียนถามมา) คำตอบ:  ถ้าเป็นห้องแบบเรียงเดี่ยว จะทำเป็นชุดๆ ละ 5 ห้อง ถ้าเราจะทำ 6 ห้อง แบบเรียงเดี่ยวก็ทำได้ ปัญหาอยู่ตรงที่ท่านอยากจะทราบว่าที่ทำเป็นชุด 4 ห้อง 5 ห้อง 6 ห้อง หรือเท่าไหร่ก็ตามทีแต่ละห้องเฉลี่ยแล้วกี่บาท         ขอฝากนิดหนึ่งนะ คือของเราที่ออกแบบไว้นี้ ออกแบบสำหรับเตรียมย้าย ส่วนประกอบของห้องจึงแบ่งเป็น 2 ส่วน ข้างบนเป็นผนังห้อง เราพร้อมจะยกไปไหนก็ได้ คิดจะรื้อก็รื้อได้ รื้อออกเป็นชิ้นๆ รื้อออกได้หมดในเวลาไม่กี่นาที         ส่วนที่เป็นคอห่าน และบ่อข้างล่าง เราทำเป็นซีเมนต์บล็อกโตๆ เหมือนอย่างกับห้องใต้ดิน เวลาจะย้าย เราใช้รถยก จะยกไปวางไว้ตรงไหนก็ได้ คือพอเราขุดหลุมเสร็จเราก็ใช้รถยกซีเมนต์บล็อกที่มีคอห่านไปวางในหลุม แล้วก็เอาส่วนที่เป็นผนังห้องมาวางข้างบนเท่านั้นแหละกลายเป็นห้องส้วมใช้ได้ทันที         เราออกแบบให้เป็นแบบเคลื่อนที่ได้ เพราะที่นี่มีความจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายบ่อย วันนี้จัดงานที่นี่ ส้วมก็อยู่ตรงนี้ อีกอาทิตย์มีการจัดงานที่โน่น เอ..ส้วมอยู่ตรงนี้ไม่เหมาะแล้ว …

ว่าด้วยห้องน้ำที่วัดพระธรรมกาย Read More »

ทำไมห้องน้ำวัดถึงสะอาด ในเมื่อมีคนมาใช้ตั้งเยอะ?

คำถาม:  ทำไมห้องน้ำวัดถึงสะอาด ในเมื่อมีคนมาใช้ตั้งเยอะ? คำตอบ:  ส้วมสะอาด ห้องน้ำสะอาด ก็เพราะทำความสะอาดดีน่ะซิครับ แล้วการทำนี่ก็ตั้งใจ ทำอย่างจะเอาบุญกัน คนที่เขาขัดส้วมที่นี่น่ะ ไม่ใช้สักแต่ตักน้ำสาดโครมๆ ให้เสร็จๆ ไป เขาเอาสก๊อตไบร์ทค่อยๆ ขัดค่อยๆ ถูทุกซอกทุกมุม ขัดเหมือนอย่างกับจะขัดกิเลสของเขาให้หลุดออกจากใจทีเดียวแหละ         เราสอนเขาว่า การขัดห้องน้ำนี่เป็นบุญมากนะ เป็นการลดทิฏฐิออกจากใจของเราได้อย่างดีทีเดียว เพราะฉะนั้นใครว่างๆ ก่อนจะกลับบ้าน เขามักจะมาช่วยกันล้างห้องน้ำก่อน         ทีนี้พอห้องน้ำสะอาดแล้ว เราก็ขอร้องให้สาธุชนถอดรองเท้าก่อนเข้าห้องน้ำ เขาก็ยินดีทำตาม ถ้าขอร้องให้ถอดรองเท้าแต่พื้นห้องน้ำสกปรก ทั้งขี้ดิน ทั้งเสลด ทั้งมีกลิ่นเหม็น         ถ้าอย่างนั้นต่อให้ขอร้องจนปากหักเขาก็ไม่ทำตาม คือเราต้องทำของๆ เราให้ดีก่อน แล้วการขอร้องขอความร่วมมือก็จะง่ายขึ้น มีโยมบางคนมาเล่าให้ฟังว่า มาวัดพระธรรมกาย เพราะได้ข่าวว่าส้วมสะอาด แหม…นึกว่ามาเพราะหลวงพ่อเทศน์เก่ง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การสวดมนต์สวดเฉพาะคำแปลภาษาไทยได้หรือไม่

คำถาม:  การสวดมนต์ทำวัตรเย็น ถ้าไม่ท่องเป็นภาษาบาลี แต่ท่องเฉพาะคำแปลที่เป็นภาษาไทยจะได้หรือไม่? คำตอบ:  ได้ ท่องเข้าไปเถอะ กลัวจะไม่ท่องมากกว่า เห็นหลายคนชอบอ้างกันนักว่า “อุ๊ย..บาลีท่องไม่รู้เรื่อง ไม่ท่องละ..” ถ้าอย่างนั้นท่องภาษาไทยซิ “โอ๊ย..มันก็ไม่ค่อยว่าง ต้องทำมาหากิน”         ตกลงทั้งชาติเลย ไม่ได้ท่องอะไรทั้งนั้น เอาเถอะจะท่องแต่บาลีก็ท่อง จะท่องทั้งภาษาไทยและภาษาบาลีก็ยิ่งดี จะท่องอะไรก็ท่องเถอะนะ ขืนรีรอ มันโอ้เอ้อยู่เดี๋ยวไม่ทันได้ท่อง ตายเสียก่อนนะ แล้วจะว่าหลวงพ่อไม่เตือนไม่ได้นะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

สวดมนต์โดยไม่รู้คำแปล จะได้อานิสงส์เหมือนกับคนที่สวดแล้วรู้ความหมายไหม

คำถาม:  การสวดมนต์เป็นภาษาบาลี คนที่ไม่รู้ภาษาบาลีไม่รู้คำแปล สวดไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ จะได้อานิสงส์เหมือนกันกับคนที่สวดแล้วเข้าใจคำแปลไหมครับ? คำตอบ:  ได้เหมือนกัน แต่ไม่เท่ากัน ผู้ที่สวดมนต์โดยไม่รู้คำแปลจะได้อานิสงส์ระดับหนึ่ง ท่านใช้คำว่าเป็นบุญกิริยา คือความประพฤติอันเป็นที่ตั้งแห่งบุญ เกิดไปกี่ภพกี่ชาติก็ไม่ห่างวัด         ส่วนผู้ที่สวด แล้วรู้คำแปลด้วยจะได้มากกว่า คือได้ปัญญาเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นใครที่สวดมนต์ได้แล้ว แต่ยังไม่รู้คำแปล ควรไปศึกษาให้รู้ให้เข้าใจเสีย เพราะได้แปลไว้ให้ในหนังสือสวดมนต์ด้านหลังเรียบร้อยแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การสอนให้มองโลกในแง่ร้าย อะไรก็ไม่เที่ยง ไม่ยินดียินร้ายใดๆ

คำถาม:  ข้อความทั้งหมดนี้จริงหรือไม่ ถ้าจริงคนเราก็ควรมาอยู่วัดให้หมด เลิกทำงานได้แล้ว คือ         1. สอนให้สุนทรีไม่มีสมบัติเกินจำเป็น         2. มองโลกในแง่ร้าย อะไรก็ไม่เที่ยง         3. ฝืนธรรมชาติไม่มีเมีย ไม่มีความรู้สึก ไม่ยินดียินร้ายใดๆ         4. ให้ความหวังอันยาวนาน คือ ไปนิพพาน         5. ท่องอยู่คำเดียวว่า ตาย ตาย แล้วก็ตาย คำตอบ:  ลูกเอ๋ย ทั้งหมดที่พูดมานั้น หลวงพ่อขออธิบายพอสังเขปนะ         ข้อ 1 สุนทรี คือความดีงาม งดงาม ความดีเป็นสิ่งที่งดงามควรกระทำ ความร้ายกาจต่างๆ เป็นความไม่สุนทรี ไม่ควรทำ และความร้ายกาจต่างๆ จะเกิดขึ้นมาได้เมื่อคนเริ่มขาดสุนทรี เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้มีสุนทรีอย่างน้อยต้องมีศีลห้าเป็นพื้นฐาน คนที่มีศีลห้าเป็นพื้นฐานจึงจะมีสุนทรี ยิ่งมีศีลแปดยิ่งสุนทรีมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกอย่างหนึ่งคือ สมบัติเมื่อมีมากจนเกินไป จะต้องคอยเป็นห่วง ตามซ่อมแซมดูแลรักษา ทำให้เป็นทุกข์มากขึ้น แทนที่จะสะดวกสบาย         ข้อ 2 หลวงพ่อสอนให้มองโลกว่าไม่เที่ยง เป็นการสอนให้มองโลกในแง่ร้ายหรือ? หลวงพ่อไม่ได้สอนให้มองโลกในแง่ร้ายนะ …

การสอนให้มองโลกในแง่ร้าย อะไรก็ไม่เที่ยง ไม่ยินดียินร้ายใดๆ Read More »

สีจีวรพระ

คำถาม:  ดิฉันเคยได้ฟังมาว่า จีวรพระไม่ใช่สีส้มสด ขอความกรุณาหลวงพ่ออธิบายด้วยค่ะ? คำตอบ:  ตั้งแต่สมัยพุทธกาลมา สีจีวรของพระท่านให้ใช้สีย้อมฝาด คือ สีย้อมผ้าที่ได้จากยางไม้ หรือจากแก่นของต้นขนุน แต่ในปัจจุบันมองรอบตัวจะหาต้นไม้ใหญ่ๆ ขนาดมีแก่นได้สักกี่ต้นกัน         ฉะนั้นเราก็เลยต้องใช้สีที่ช่างเขาทำกันขึ้นมา ซึ่งก็ได้แค่สีใกล้เคียงจะให้เป็นมาตรฐาน เหมือนกันหมดทุกวัดนั้นแสนยาก แม้ในสมัยพุทธกาลที่ท่านให้ใช้สีที่ย้อมจากยางไม้หรือแก่นไม้ขนุน พอลงมือย้อมต่างก็ย้อมกันเอาเอง จึงไม่สามารถกำหนดสีมาตรฐานลงไปได้ ตกลงเลยเอาเป็นว่าขอให้เป็นสีย้อมจากแก่นไม้จากยางไม้สีเหลืองๆ ก็แล้วกัน แต่ที่แน่ๆ คือไม่ใช่แม่สีล้วนๆ และไม่ใช่สีเหลืองอ๋อยเพียงสีเดียวแต่เป็นลักษณะสีผสม         ถ้าเดี๋ยวนี้ใครยังเคร่งครัดใช้สีย้อมจากยางไม้ แบบสมัยพุทธกาลคงยุ่งยากไม่น้อย จะบวชพระสักรูป ต้องไปโค่นต้นขนุนมาย้อมจีวรกันก็บอกว่า ไม่มีต้นขนุนจะให้โค่นแล้ว ต้องเอาสีที่มีอยู่ในท้องตลาดนี่แหละมาใช้ ขอเพียงว่าไม่ใช่แม่สีเหลืองอ๋อย แต่ว่ามีสีใกล้เคียง ถ้าคล้ายกับสีที่ย้อมจากแก่นไม้ก็อนุโลมใช้กันไป เราจะไปกำหนดสีนั้นสีนี้ให้ตายตัวคงไม่ได้         เรื่องนี้ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงก็แล้วกันว่า เราจะไม่ใช้แม่สี เวลาย้อมสีจีวรก็เอาหลายสีผสมกัน ไม่ใช้สีใดโดยเฉพาะ แต่ก็อย่าให้ออกสีดำหรือสีคล้ำจนเกินไป และไม่ให้เป็นสีเหลืองอ๋อยชัดๆ ก็คงทำได้เท่านั้นเอง         สำหรับจีวรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่บันทึกไว้ บอกว่า ออกเป็นสีเหลืองทองที่เรียกว่า “สิงคีวรรณ” สิงคี แปลว่า เปลวไฟ หรือทอง คือสีเหมือนเปลวไฟ อยากจะเห็นว่าเป็นอย่างไรลองไปก่อไฟดู ไฟมันเป็นเปลวออกสีเหลืองทองๆ …

สีจีวรพระ Read More »