หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

ต้องทำอย่างไรเมื่อรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง

คำถาม: เมื่อเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง หาผู้ที่ให้คำแนะนำปรึกษาไม่ได้ เราควรช่วยตัวเองอย่างไรคะ? คำตอบ: เมื่อยังหาใครแนะนำช่วยเหลือไม่ได้ ก็ต้องช่วยตัวเอง ในยามที่ท้อแท้สิ้นหวังหมดฝีมืออย่างนี้ บุญเท่านั้นที่จะช่วยเราได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ ปติฏฐา โหนฺติ ปาณินํ” “บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของเราทั้งหลาย”         บุญเกิดจากการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพราะฉะนั้นให้ทำ 3 อย่างนี้ คือ         1. รักษาศีลของเราให้มั่นคง ไม่ให้ถลำไปในทางชั่ว        2. เมื่อมีโอกาสพยายามทำทาน หรือให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ตามกำลังความสามารถ         3. หมั่นนั่งสมาธิมากๆ เมื่อใจสงบ ความท้อแท้สิ้นหวัง ความหดหู่จะจางหายไป แล้วเราจะเห็นช่องทางแก้ไขได้เอง         หรือถ้าทำอย่างนี้ แล้วก็ยังหาช่องทางแก้ไขไม่ได้ ก็ลองไปวัด ไปขอคำแนะนำช่วยเหลือจากหลวงพ่อองค์ใดองค์หนึ่ง หรือจากผู้ใหญ่ที่มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในชีวิตมาก ท่านพอจะช่วยเหลือให้คำแนะนำที่ถูกต้องได้นะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จะโน้มน้าวใจเขาอย่างไรให้มาช่วยงานวัด

คำถาม: ทำอย่างไร จึงจะสามารถโน้มน้าวจิตใจให้คนสละเวลาในชีวิตมาช่วยงานวัดได้ครับ? (พระเรียนถามมา) คำตอบ: วิธีที่ดีที่สุด คือ เรา ซึ่งเป็นพระภิกษุจะต้องมีศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน หรือใช้สำนวนว่า “เอาหัววางเขียงให้ได้ก่อน” ประพฤติปฏิบัติตนให้เขาเห็น แล้วมั่นใจว่าหลวงพ่อของเขา         1) หัวเด็ดตีนขาดไม่สึกแน่         2) หัวเด็ดตีนขาด ไม่ยอมทำอะไรที่ผิดวินัย คือเป็นต้นแบบให้เขาได้         3) ตั้งใจประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัย หวังจะไปพระนิพพานอย่างเดียว         เมื่อชาวบ้านเขาเห็นเราเป็นแบบอย่างแล้ว เขาจะทำตาม แต่ถ้าตัวเราเองก็ยังสงสัยตัวเองว่า จะอยู่หรือจะสึก จะสึกหรือจะอยู่ นั่งถามตัวเองอย่างนี้ แล้วปล่อยวันคืนให้ล่วงไป เป็นเดือน เป็นปีละก็ไม่มีใครเขาศรัทธามาอยู่ด้วยหรอก         เมื่อวันที่ผมบวช วันที่ 19 ธันวาคม พุทธศักราช 2514 เช้าวันนั้น ตอนโกนผม ทันทีที่ผมปอยแรกตกไปที่พื้น ผมก็หยิบขึ้นมาแล้วก็อธิษฐานว่า “ถ้าเส้นผมปอยนี้ไม่กลับมาติดบนหัวอีก ชาตินี้ไม่สึก” แล้วตั้งแต่นั้นมา ผมไม่เคยนึกถึงเรื่องสึก นึกแต่จะลุยงานพระศาสนากันเรื่อยไป         ถ้าหลวงพ่อของเขาศรัทธาต่อพระศาสนาอย่างนี้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าลูกศิษย์จะไม่ศรัทธาหลวงพ่อ แต่ว่าถ้าหลวงพ่อของเขายังเป็นประเภทว่าจะอยู่หรือจะสึก จะสึกหรือจะอยู่ ยังไม่มั่นใจตัวเอง ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ลูกศิษย์ที่มีศรัทธาสละชีวิตมาช่วยงานวัด ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้เอง …

จะโน้มน้าวใจเขาอย่างไรให้มาช่วยงานวัด Read More »

จะฝึกความอดทนและระงับอารมณ์โกรธได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อครับ ผมไม่ค่อยมีความอดทนเลย ไม่ทราบว่าจะแก้ไขอย่างไร เวลามีเรื่องมากระทบความรู้สึกทีไร ผมแทบจะระเบิดเปรี้ยงปร้างเข้าใส่ พยายามระงับอารมณ์ แต่ไม่วายโกรธสักที ผมจะบ้าหรือเปล่าครับ? คำตอบ: อาการน่าเป็นห่วงแล้วนะอย่างนี้น่ะ แต่ไม่ต้องตกใจ ยังไม่บ้าหรอก แล้วก็ไม่ใช่คุณโยมคนเดียวที่เป็นอย่างนี้ คนเดี๋ยวนี้เป็นกันเยอะไม่อย่างนั้นแค่มองหน้ากันนิดหน่อยจะต่อยจะยิงกันได้หรือ คนเราพอโกรธ พอไม่สบอารมณ์ แล้วลุกขึ้นมาต่อยกันนั้นไม่ยาก จึงมีคนทำกันเยอะ แต่คนที่โกรธแล้ว รู้จักข่มใจไม่ให้โกรธนี่สิหายาก แต่ก็พอหาได้ ฝึกได้และหลวงพ่อก็เชื่อว่าคุณโยมต้องสามารถฝึกตัวเองเสียใหม่ได้ด้วย         คนที่จะควบคุมตนเองได้จะต้องมี “กำลังใจ” เมื่อมีกำลังใจจิตใจจะหนักแน่น มั่นคง ไม่เปราะบาง จนกระทบอะไรไม่ได้ แต่หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน ใครว่าอะไรก็วางเฉยได้ ไม่หน้าง้ำหน้างอจะอธิบายอะไร ก็ค่อยๆ พูด ค่อยๆ ชี้แจง ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะฟังข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องของตัวเอง เพื่อจะได้แก้ไขในโอกาสต่อไปไม่รู้สึกเสียหน้า หรือเสียเหลี่ยมแต่อย่างใด         หลวงพ่อได้พบวิธีฝึกให้มีกำลังใจมาแล้ว เป็นวิธีที่ได้ผลยิ่งกว่าวิธีใดทั้งสิ้น วิธีนั้นคือ รักษาศีล 5 ให้ครบ คุณโยมลองรักษาดูให้ครบบ้างสิ มีอะไรบ้างล่ะ         ข้อ 1 ไม่ฆ่า ไม่ว่าจะแค่มด แค่ปลวกก็ไม่ฆ่าทั้งนั้น         …

จะฝึกความอดทนและระงับอารมณ์โกรธได้อย่างไร Read More »

อยากอยู่เป็นโสด แต่กลัวแก่แล้วไม่มีคนดูแล

คำถาม: ตัดสินใจอยู่คนเดียวเป็นโสด ไม่ยอมให้บ่วงผูกคอ แต่ยังกังวลอยู่ว่า ถ้าบังเอิญเราอายุยืน แก่หง่อมแล้วก็ยังไม่ตาย ตัวคนเดียวไม่มีพ่อแม่พี่น้องคงลำบากมาก ท่านมีคำแนะนำอย่างไร จึงจะทำให้อยู่ได้ โดยไม่เป็นที่น่าสมเพชเวทนาของคนอื่น? คำตอบ: คุณโยมจำเอาไว้ มีสุภาษิตจีนอยู่บทหนึ่งบอกว่า “ถ้ามีเงินเสียอย่างเดียว ก็จ้างผีโม่แป้งได้”         ดูซิแม้แต่ผียังมารับจ้างโม่แป้งเลย เพราะฉะนั้นตอนนี้ขอให้คุณโยมปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ ในเวลาเดียวกัน ให้เริ่มสะสมเงินทองตั้งแต่วันนี้ โดยตั้งเป้าว่า         1. ต้องมีบ้านเรือนของตัวเองให้ได้ ถึงแม้จะหลังเล็กๆ ก็ยังดี ขอให้มีพอซุกหัวนอนเถอะ จะได้ไม่เป็นคนจรจัด         2. มีเงินสะสมไว้ตามกำลัง เพื่อไว้ใช้ยามชรา         คนเราตอนแก่มีบ้านอยู่ มีเงินใช้ถึงไม่มีลูกหลานก็จะมีคนมาดูแลเราเอง แต่ว่าเราต้องหมั่นทำบุญทำทานเอาไว้อย่างต่อเนื่องด้วยนะ ชีวิตจึงจะไม่ลุ่มๆ ดอนๆ มีแต่ความสุข มีความอบอุ่น แม้ยามเราแก่เฒ่า         คนที่ไม่มีทรัพย์ ทั้งยังไม่ทำบุญ ก็เลยไม่มีบุญ ถึงมีลูกเป็นสิบๆ คน เขาก็ไม่มาดูแลหรอก ลูกแต่ละคนก็จะอ้างภาระความรับผิดชอบครอบครัวของตัวเอง บางทีจะได้ยินคำพูดชนิดที่ว่า “แม่ก็ดูแลตัวเองไปซิ ฉันเองก็แทบเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว” หรือบางทีลูกอยากให้อยู่ แต่แม่เองกลับไม่ชอบขี้หน้าลูกเขย ลูกสะใภ้ เกิดทนกันไม่ได้ ก็ให้มีเหตุสารพัดที่ต้องมาอยู่ตามลำพังนั่นแหละ เกิดทนกันไม่ได้ ผู้เฒ่าประเภทนี้ …

อยากอยู่เป็นโสด แต่กลัวแก่แล้วไม่มีคนดูแล Read More »

จะฝึกตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบวินัยได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อครับ จะฝึกตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบวินัยได้อย่างไรครับ? คำตอบ: วินัยต้องเริ่มที่บ้าน เริ่มตั้งแต่ในวัยเด็ก พ่อแม่ต้องเป็นผู้ฝึกอบรมให้ เพราะถ้าปล่อยให้โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะอบรมตัวเองยากเพราะไม่คุ้นเคยมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่หมดหนทางเสียทีเดียว หลักง่ายๆ ในการฝึกตนให้มีระเบียบวินัยก็คือ         1. ต้องพยายามอยู่ใกล้ชิดคนที่มีระเบียบวินัยดี เพื่อว่าเราจะได้ติดนิสัยดีๆ จากเขามาบ้างไม่มากก็น้อย         2. ต้องฝึกตัวเองให้มีวินัยในเรื่องเวลา คือฝึกเป็นคนตรงต่อเวลา โดยเฉพาะอย่ายิ่งอย่านอนดึก เพราะจะทำให้ตื่นสาย แล้วทุกอย่างก็จะต้องเร่งรีบตามไปด้วย ผลที่สุดทำอะไรก็เอาเรียบร้อยไม่ได้สักอย่าง ตรงกันข้ามถ้าพยายามนอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้า จำทำให้มีเวลาเตรียมงานต่างๆ ได้พร้อมขึ้น         3. ต้องตั้งปณิธานว่า ต่อแต่นี้ไปเราจะทำงานทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อนิสัยดีๆ จะได้ติดตามเราไปจนแก่เฒ่า จนถึงชาติหน้า เพราะความที่เราคิดว่าจะทำให้ดีที่สุดนั่นเอง จะทำให้เราทำงานได้เรียบร้อยและมีวินัย         4. เก็บอุปกรณ์เข้าที่ทุกครั้งที่ทำงานเสร็จ อุปกรณ์ในการทำงาน เช่น หนังสือ เอกสารที่ใช้ค้นคว้า เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ เมื่อใช้แล้วต้องเก็บคืนที่ให้เรียบร้อย ถ้าเศษผงเศษขยะก็ต้องรีบปัดกวาดให้เรียบร้อย อย่าปล่อยทิ้งไหว้         5. นั่งสมาธิทุกคืนก่อนนอน หลังจากสวดมนต์แล้วควรนั่งสมาธิให้ใจสงบ จะได้เห็นข้อบกพร่องของตัวเองได้ง่ายขึ้น เมื่อมีคนอื่นมาว่ากล่าวตักเตือนจะได้ใจคอหนักแน่น ไม่โกรธง่าย ไม่รู้สึกว่าเสียหน้า ใจจะเปิดกว้าง และรู้สึกขอบคุณที่เขากรุณาชี้ข้อบกพร่องให้         ถ้าหมั่นทำทั้ง 5 …

จะฝึกตัวเองให้เป็นคนมีระเบียบวินัยได้อย่างไร Read More »

เราควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง

คำถาม: หลวงพ่อคะ เราควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไรบ้างคะ? คำตอบ: เราจะต้องไม่คบคนพาล แต่เราจะเลือกคบคนดี คือบัณฑิต เพราะคนพาล เป็นที่มาแห่งความชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย เราสามารถสังเกตคนพาลได้จากความประพฤติอันน่ารังเกียจของเขา คือ         1. คนพาลชอบชักนำไปในทางที่ผิด เช่น ชักชวนกันไปเที่ยวกลางคืน ดื่มสุรา เล่นการพนัน เป็นต้น         2. คนพาลไม่ชอบวินัย ทั้งไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายของบ้านเมือง แต่ชอบประพฤติผิดศีลธรรม ชอบแหวกกฏเกณฑ์ กติกาของสังคมที่ตนเป็นสมาชิกอยู่เสมอ         3. คนพาลชอบแต่สิ่งที่ผิด ชอบเห็นความพินาศเสียหายของผู้อื่น เมื่อเวลาตัวเองทำผิดก็ภูมิใจ ลำพองใจว่าจนเก่งกล้าสามารถ         4. คนพาลชอบทำในสิ่งที่ไม่ใช่ธุระของตน ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน ดูเผินๆ เหมือนหวังดี แต่ไม่ช้าความเดือดร้อน ก็เกิดจากการยุ่งไม่เข้าเรื่องของเขา         5. คนพาลแม้พูดจาดีๆ ด้วยก็โกรธ วินิจฉัยของคนพาลไม่ค่อยคงเส้นคงวา บางทียิ้มด้วย เขาก็ว่ายิ้มเยาะ เผลอหัวเราะเขาก็ว่าเราเย้ย         เมื่อเห็นใครมีลักษณะเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้ง 5 ประการดังกล่าวนี้ ก็ให้ตั้งข้อสงสัยได้เลยว่าเขาเป็นคนพาล ไม่ควรคบหา ขืนคบเขาเราจะติดนิสัยพาลๆ ไปด้วย         สำหรับบัณฑิตในทางธรรม หมายถึง ผู้รู้ดี รู้ชั่ว …

เราควรมีหลักในการคบเพื่อนอย่างไรบ้าง Read More »

ผู้มีราตรีเดียวนั้นแปลว่าอะไร

คำถาม: ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ผู้มีราตรีเดียว” นั้นแปลว่าอะไรครับ? คำตอบ: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลพึงทำความเพียรเสียในวันนี้ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผัดเพี้ยงกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปรกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นแลว่า ผู้มีราตรีเดียว”         ในเชิงปฏิบัติ ผู้มีราตรีเดียวหมายถึงบุคคลใดก็ตามเมื่อมีงานในหน้าที่มาถึงแล้ว จะไม่ยอมผัดวันประกันพรุ่ง รอเวลาไว้เมื่อนั่นเมื่อนี่ ปล่อยให้งานการคั่งค้างเสียหาย เหมือนคนเกียจคร้าน แต่จะรีบตั้งหน้าทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปโดยเร็ว แทบจะเรียกว่าไม่ให้ข้ามคืน         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเน้นว่า ไม่ว่าเราจะทำงานในทางโลกหรือทางธรรมก็ตาม จะต้องไม่เป็นคนที่ห่วงหน้าพะวงหลัง คือ จะไม่เอาเรื่องความสำเร็จในอดีตมายึดถือให้เกิดความประมาทลำพองใจหรือเอาความล้มเหลวในอดีตมาทำให้ท้อถอย เพราะเรื่องที่ผ่านไปแล้วย่อมไม่มีทางเรียกกลับคืนมาอีก และสถานการณ์ต่างๆ ก็เปลี่ยนไปแล้ว         ในเวลาเดียวกันก็ไม่เอาเรื่องในอนาคตมาด่วนวิตกกังวลจนเกินเหตุ ทำให้กลายเป็นทุกข์กินเปล่า เพราะเรื่องต่างๆ อาจจะไม่หนักหนาสาหัสอย่างที่เราหลงกังวลก็ได้ และเราก็ไม่ควรคิดเพ้อฝันมากเกินไปจนกลาย เป็นคนเพ้อเจ้อ ความจริงแล้วเรื่องในอนาคตที่เราสร้างมโนภาพไว้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้         เพราะฉะนั้น เมื่อกิจธุระใดๆ มาถึง ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเล็กใหญ่เพียงใดก็ตาม ถ้าได้วางแผนรัดกุมพอสมควรแล้ว ให้ลงมือทำด้วยความรอบคอบ ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ราวกับว่าเราจะมีเวลาของชีวิตเหลืออยู่เพียงอีกคืนเดียวเท่านั้น คือจะทำงานทุกอย่างแบบฝากฝีมือ เอาชีวิตเป็นเดิมพันไม่มีเวลากลับมาแก้ตัว แล้วงานนั้นจะสำเร็จอย่างดีเลิศโดยอัตโนมัติ         ถ้าเป็นงานทางโลกก็จะได้รับผลสำเร็จเป็นอัศจรรย์ เป็นงานชิ้นโบแดง เป็นอนุสรณ์ให้แก่คนรุ่นหลัง …

ผู้มีราตรีเดียวนั้นแปลว่าอะไร Read More »

อยากรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อครับ ทำอย่างไรจึงจะรู้จักตัวเองว่า จริงๆ แล้วเราเป็นคนอย่างไร แล้วควรจะทำตัวอย่างไร? คำตอบ: คนจะรู้จักตัวเองได้ต้องเป็นคนที่ศึกษาธรรมะมาก และเป็นคนที่ช่างสังเกต เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากจะรู้จักตัวเองจริงๆ ละก็ ต้องตั้งใจทำ 3 อย่างต่อไปนี้นะ         1. ต้องปลีกเวลาศึกษาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ให้รู้ว่ามาตรฐานของคนดีตามพุทธนิยมเป็นอย่างไร เพราะนั่นเป็นมาตรฐานที่ถูกต้องโดยธรรม ไม่ใช่โดยทางโลก เมื่อรู้แล้วก็พยายามปฏิบัติตามนั้น         2. อย่าเสียเวลาไปจับผิดคนอื่น เพราะไม่เกิดประโยชน์แก่ตนเอง มิหนำซ้ำยังทำให้ใจเศร้าหมอง ตรงกันข้ามให้หมั่นสังเกตดูความประพฤติที่ดีงามของผู้อื่น แล้วนำมาประพฤติปฏิบัติตามให้ได้โดยเต็มตามกำลังความสามารถของเรา        3. ต้องสละเวลาสำรวจข้อบกพร่องของตนเองเป็นประจำ วิธีสำรวจข้อบกพร่องของตัวเองที่ง่ายที่สุด คือหมั่นนั่งสมาธิเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน เพราะมีหลักธรรมดาอยู่ว่า คนเราเมื่อหลับตา ในขณะที่มีสติครบถ้วน จะมองไม่เห็นคนอื่น แต่มองเห็นตัวเอง เมื่อพบข้อบกพร่องแล้วก็พยายามแก้ไขเสีย เช่น ถ้าพบว่าตัวเองยังเป็นคนเห็นแก่ได้อยู่ก็รีบให้ทานเสีย ถ้ายังมักโกรธอยู่ก็รีบถือศีล วันธรรมดาก็ให้ถือศีล 5 วันพระก็พยายามถือศีล 8 ถ้ายังอาฆาตพยาบาทอยู่ก็ให้แผ่เมตตามากๆ         การแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน วันใดที่เราแก้ไขตัวเองจนดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดจนหมดกิเลสแล้ว วันนั้นแหละเราจะสามารถตอบตัวเองได้ว่า เราได้ทำหน้าที่ของเราสมบูรณ์ที่สุดแล้วหรือยัง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC …

อยากรู้ว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร Read More »

บททดสอบตัวเอง ก่อนจะปวารณาตัวประพฤติพรหมจรรย์

คำถาม: หลวงพ่อกรุณาแนะนำบททดสอบตัวเอง ก่อนจะปวารณาตัวประพฤติพรหมจรรย์ให้ลูกด้วย กราบขอบพระคุณค่ะ? คำตอบ: สำหรับลูกสาว หลวงพ่อขอยกตัวอย่างจากอุบาสิกาที่มาช่วยงานวัดแล้วกัน มีอยู่หลายคน ที่หลวงพ่อเคยเรียกมาถามว่า ตั้งแต่เขาจบการศึกษากันมาแล้วมาอยู่วัด ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ประจำที่วัดมาแล้วคนละ 7-8 ปี บางคนอยู่สิบกว่าปี หลวงพ่อถามเขาง่ายๆ ว่า         ลูกเอ๊ย..ตั้งแต่เป็นนิสิตปีหนึ่งถึงปีสี่ใช้ลิปสติกหมดไปกี่แท่ง? เขาบอกว่า “ยังไม่หมดแท่งเลยค่ะหลวงพ่อ” อ้าว..ไม่อยากแต่งหน้ากับเขาบ้างหรือ? “ไม่อยากแต่ง เพราะรู้สึกมันเลอะๆ ค่ะหลวงพ่อ เพื่อนบางคนเขาก็บอกว่าแต่งแล้วสวยออก แต่ตัวเองรู้สึกมันเลอะๆ” ก็ถามเขาอีกว่า เลิกใช้จริงจังมานานเท่าไหร่แล้ว เขาก็บอก “จริงๆ แล้วเคยใช้ลิปสติกเมื่อตอนเรียนปีหนึ่ง แต่พอขึ้นปี 2 ถึงปี 4 ไม่ได้ใช้เลย มาใช้อยู่ครั้งสุดท้าย เมื่อวันรับพระราชทานปริญญา เพราะว่าอยากจะให้มันเข้ากับชุดเสื้อครุยสักหน่อยตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งจบมาได้ถึง 6-7 ปีแล้ว ไม่เคยใช้สักที”         ถ้าตอบแบบนี้ก็ประพฤติพรหมจรรย์ได้แล้ว เพราะฉะนั้นลองถามตัวเองดูอย่างที่หลวงพ่อถามก็แล้วกัน เป็นวิธีทดสอบตัวเองง่ายๆ ถ้าหนูไม่ใช้ลิปสติก ไม่ใช้แป้งเลย สัก 1 ปี แล้วรักษาศีล 8 อย่างเคร่งครัด นั่งสมาธิไม่ขาดสักวัน นั่นแหละมีแววพอจะประพฤติพรหมจรรย์ได้แล้วลูกเอ๊ย… โอวาท …

บททดสอบตัวเอง ก่อนจะปวารณาตัวประพฤติพรหมจรรย์ Read More »

หลักการใช้เงินของพระพุทธเจ้า

คำถาม: หลวงพ่อครับ พระพุทธเจ้าทรงสอนวิธีใช้เงินหรือเปล่าครับ เงินเดือนผมขึ้นทุกปีแต่ก็ไม่เคยพอใช้สักทีครับ ไม่ทราบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้? คำตอบ: เกี่ยวกับวิธีใช้เงิน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้ว่า ความสุขของฆราวาส เกิดจากเหตุ 4 อย่าง คือ         1. สุขจากความมีทรัพย์         2. สุขจากการใช้ทรัพย์ไปในทางที่ชอบ         3. สุขจากการไม่มีหนี้         4. สุขจากการทำงานไม่มีโทษ คือการงานที่ไม่ผิดกฎหมายไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดศีลธรรม คือเป็นความสุขที่เป็นแก่น เป็นรากฐานของข้ออื่นๆเพราะถ้าติดคุกหรือมีคดีความเสียแล้ว ถึงมีทรัพย์เท่าไรก็หาความสุขไม่ได้หรอกนะ         การที่จะให้ได้รับความสุขโดยครบถ้วนอย่างนี้ ต้องรู้จักวิธีแบ่งการใช้ทรัพย์ออกเป็น 5 งบด้วยกัน แต่ละงบจะมากบ้างน้อยบ้างก็ตามแต่เห็นสมควร คือ         1. ใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ถือเป็นงบที่สำคัญที่สุดจะขาดตกบกพร่องไม่ได้ ต้องไม่ให้เดือดร้อนด้วยกันทุกฝ่าย เพราะจะทำให้เสียความมั่นคงในครอบครัว         2. ใช้เลี้ยงมิตรสหายและผู้ร่วมงาน ถือเป็นการผูกสัมพันธไมตรีกัน จะได้มีความรักใคร่นับถือเกรงใจกัน งานที่ร่วมกันทำจะได้ราบรื่น ไม่สะดุดหรือติดขัด เมื่อถึงคราวจำเป็นจะต้องเอ่ยปากไหว้วานใครให้ช่วย ก็จะได้รับความร่วมมือโดยง่าย ทั้งยังเป็นที่รักที่เกรงใจของคนหมู่มาก แต่ก็ต้องระวังการใช้เงินงบนี้ ให้เป็นครั้งเป็นคราวไม่ให้เกินตัว เดี๋ยวจะเป็นการก่อหนี้สินเพิ่มขึ้น         3. ใช้ป้องกันรักษาสวัสดิภาพของร่างกาย เพื่อให้ปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ เมื่อถึงคราวเจ็บไข้ได้ป่วยหรือคราวจำเป็นฉุกเฉินเช่นน้ำท่วม ไฟไหม้ จะได้มีจับจ่ายใช้สอยได้ทันท่วงที ในทางปฏิบัติเราควรเก็บงบนี้ไว้ในธนาคารจำนวนหนึ่งให้ได้ …

หลักการใช้เงินของพระพุทธเจ้า Read More »

ถ้ามีใครว่าร้ายพระรัตนตรัยจะทำอย่างไรดี

คำถาม: หลวงพ่อครับ ถ้ามีใครว่าร้ายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้ฟังจะทำอย่างไรดีครับ? คำตอบ: ก่อนอื่น อย่าเพิ่งโกรธเขา แต่ควรให้ความสงสารเขามากกว่า เพราะเขาช่างไม่รู้อะไรเสียเลย และกำลังหาบาปด้วยปากแท้ๆ ถ้ามีโอกาสก็ต้องพยายามอธิบายให้เขาทราบความจริง จะได้ล้มเลิกความเป็นผิดนั้นเสีย คือ ต้องทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรให้กับเขา ช่วยแก้ข้อสงสัยต่างๆ ให้เขาด้วยเหตุผล เพื่อปลูกฝังความเห็นถูกให้ เขาจะได้ไม่ผิดพลาดอีกต่อไป แต่การที่เราจะทำอย่างนี้ได้นั้น เราเองจะต้องประพฤติตนดังนี้         1) ฝึกตัวเองให้เป็นคนมีใจหนักแน่น มั่นคง แต่ความคิดต้องไม่คับแคบ แบบตีกรอบไปเสียทุกเรื่อง ต้องทำใจเปิดกว้าง อดทน ต่อการว่าร้ายจากผู้ที่เราหวังดี แล้วพยายามเข้าไปชี้ทางถูกให้ ซึ่งการจะกระทำอย่างนี้ได้ ก็ต้องอาศัยการฝึกสมาธิเป็นประจำทุกวัน         2) ต้องศึกษาพระพุทธศาสนาให้เข้าใจจริงๆ จนสามารถอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจตามได้ ในกรณีที่เรายังไม่สามารถแก้ความเห็นผิดให้แก่เขาได้ ให้พยายามชี้ชวนชักนำให้เขาไปหาผู้ที่มีความรู้ดีจริงๆ ให้ช่วยแก้ไขความเห็นผิดของเขา วิธีนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย         3) ประพฤติธรรมอย่างเคร่งครัด จนปรากฏผลออกมาเป็นบุคลิกภาพที่น่าเลื่อมใส เพื่อจะได้เป็นพยานแก่พระศาสนาว่า การประพฤติปฏิบัติธรรม การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนั้น ส่งผลให้ชีวิตราบรื่นเป็นสุขได้จริง เป็นการทำให้ดู แทนการพูดปากเปล่า โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC …

ถ้ามีใครว่าร้ายพระรัตนตรัยจะทำอย่างไรดี Read More »

แม่ไม่ให้มาวัด เพราะกลัวลูกจะบวชตลอดชีวิต

คำถาม: คุณแม่ห้ามไม่ให้มาวัดพระธรรมกาย เพราะกลัวจะบวชตลอดชีวิต จะมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรครับ? คำตอบ: ทำหน้าที่ในบ้าน หรือเรื่องการเรียนให้เรียบร้อย แล้วให้หมั่นมาวัดเรื่อยๆ คุณแม่ท่านบ่นว่าหนักๆ เข้า ไม่นานท่านก็จะเลิกว่าเองเพราะเรามาวัดเพื่อทำความดี มาฝึกนิสัยดีๆ ซึ่งไม่นานบุคลิกของเราจะเรียบร้อย ดูผ่องใส เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสได้         คุณพ่อ คุณแม่มีลูกใจบุญสุนทาน น่าจะดีกว่ามีลูกเป็นจิ๊กโก๋นะ ค่อยๆ พูดอธิบายให้ท่านฟังดีๆ ท่านจะได้เข้าใจและไม่กลัวผิดๆ อีก โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จะชวนคุณแม่ให้มาเข้าวัดได้อย่างไร

คำถาม: จะชวนคุณแม่ให้มาเข้าวัดได้อย่างไร? คำตอบ: พยายามให้ตัวเองได้มีโอกาสมาวัดเสียก่อนเถอะ อย่าเพิ่งไปห่วงท่านเลย มาวัดทีแรกแม่ไม่ให้มา แต่นานๆ เข้าถ้าเราเปลี่ยนแปลงไปในทางดี ไม่ช้าแม่ก็ตามมาวัดด้วยเองแหละ         พระของวัดธรรมกายเกือบทุกรูปเจอปัญหานี้ หลวงพ่อยังจำได้ หลวงพี่มหาชิโตที่คุมการก่อสร้างของวัด ในปีแรกท่านยังไม่ได้บวช เพิ่งจบวิศวกรรมศาสตร์มาใหม่ๆ ท่านมาช่วยงานวัดอยู่ได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แม่ก็ร้องไห้ จนพี่ชายพี่สาวมาตามตัวกลับ ท่านก็ดีไม่เถียงสักคำ แม่และพี่มาตามให้กลับก็ไปแต่งตัว เสร็จเรียบร้อยก็เดินตามกลับไป รุ่งขึ้นเช้าประมาณ 6 โมงหลวงพ่อไปเปิดประตูวัด เห็นท่านมาถึงพอดี ก็ถามท่านว่า “ทำไมกลับมาแล้วล่ะ” ท่านบอกว่า “เขามาตามผมกลับ ผมก็ไป แต่เขาไม่ได้ผูกขาผมไว้ ผมก็กลับมาใหม่” อีก 2-3 วันแม่ก็มาตามอีก ท่านก็ดี แต่งตัวเสร็จก็เดินตามแม่กลับไป รุ่งขึ้นก็มาแต่เช้า คราวนี้มาถึงตั้งแต่ตี 5 เลย ทั้งพ่อแม่และพี่มาตามกลับ 3-4 ครั้ง ท่านกลับไปแล้ว ก็กลับมาอีก ตอนหลังทางบ้านเลยเลิกตาม ตอนนี้ท่านบวชมาได้ประมาณ 10 พรรษาแล้ว ท่านไม่เคยเถียงพ่อแม่เลย ตำราเล่มนี้พระของเรานำมาใช้ได้ผลหลายรูป สร้างวัดมาได้ไม่ถึง  10 ปี มีผู้ตั้งใจบวชไม่สึกไปแล้ว 15 …

จะชวนคุณแม่ให้มาเข้าวัดได้อย่างไร Read More »

ความรักเป็นเรื่องหวังดีบริสุทธิ์หรือกิเลส

คำถาม: นมัสการหลวงพ่อที่เคารพสูงสุด ลูกขอถามว่าความรักเป็นเรื่องความหวังดี บริสุทธิ์ หรือเป็นเรื่องกิเลส? คำตอบ: ถ้าเป็นความรักตัวเองอย่างนี้ดี เป็นความหวังดี บริสุทธิ์ แต่ถ้ารักชาวบ้าน ยังต้องถามต่อว่ารักแบบไหน ถ้าเป็นความรักความสงสาร โดยไม่มีราคะความใคร่เจือปน เขาเรียกว่า เมตตา รักแบบนี้พอใช้ได้นะ         หากรักเพราะมีราคะ คือรักแบบอยากให้เขามาอยู่ด้วยใกล้ๆ หรือตามเขาต้อยๆ ไป เข้าทำนองไม่เห็นหน้าเจ้า กินข้าวไม่ลงคอ รักแบบนี้ความจริงไม่ใช่หวังดี หรือบริสุทธิ์หรอก คิดจะผูกเขาไว้กับตัวหรืออยากให้เขาผูกเราไว้         สิ่งมีชีวิตประเภทที่ต้องผูกไว้หรือจูงไปเขาเรียกอะไร? เพราะฉะนั้นถ้าไปรักใครแบบนี้ให้รีบถอนตัวออกมาเสียเถอะนะ แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ ไม่ต้องไปรักใครหรอก นั่งสมาธิเยอะๆ แล้วจะหายโง่เอง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

เมื่อมีคนนินทาลับหลัง

คำถาม: เพื่อนมาบอกว่า มีคนเขาว่าเราลับหลังในทางที่ไม่สู้ดี ควรทำใจอย่างไร ไม่ให้เราไปต่อว่าคนที่ว่าเรา ควรนึกถึงอะไรเจ้าคะ? คำตอบ: หนูเอ๊ย..นินทากาเลเหมือนเทน้ำ คงไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน เรื่องนินทากันนี้ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ก็เราเองบางทียังนินทาชาวบ้านเลย ระวังคำพูดของเราก็แล้วกัน เวลาเขาเอาเรื่องคนโน้นคนนี้ที่ว่าเรามาฟ้อง จริงไม่จริงยังไม่รู้เลย เขาอาจจะฟังมาผิดๆ ก็ได้ พอเราพูดผางกลับไปด้วยความโกรธ เขาก็เลยเอาคำพูดที่เราพูด ไปบอกคนโน้น คราวนี้ละ เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะเราพูดจริง พูดหยาบกว่าด้วย เพราะเราโกรธ ทางโน้นเลยแล่นมา ซัดเราเข้าให้ กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตเลยทีนี้         เพราะฉะนั้น อย่าไปถือสาอะไรกับลมปาก ที่เราพูดกันนี่ มันลมนะ โกรธไปก็แค่โกรธลมโกรธแล้งแค่นั้น ทำหูทวนลมเสียบ้าง หรือหัดทำใจให้หนักแน่นเหมือนขุนเขาเสียบ้าง เหมือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “เสโล ยถา เอกฆโน              วาเตน ณ สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ                 น สมฺมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา.” “ภูเขาศิลาล้วน เป็นแท่งเดียว ย่อมไม่สะเทือนด้วยแรงลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่เอนเอียงในเพราะนินทาและสรรเสริญฉันนั้น” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ …

เมื่อมีคนนินทาลับหลัง Read More »