หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข

คำถาม: สังคมทุกวันนี้หาความสงบสุขยากเหลือเกิน อยากทราบว่า เราควรจะปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุขครับ? คำตอบ: คนเราถ้าจะอยู่ในสังคมให้เป็นสุขได้ และพอจะหาความเจริญก้าวหน้าให้กับตัวเองได้ คุณสมบัติพื้นฐานขั้นต่ำสุดของเขาเลยคือ         1. ควบคุมตัวเองได้         2. ไม่จับผิดใคร         3. ช่วยตัวเองได้         ถ้าจะพูดในเชิงปฏิเสธก็คือ ไม่ต้องพึ่งใคร สามารถยืนอยู่ด้วยขาของตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ในที่สุดการกระทำนั้นจะกลับมาทำลายตัวเอง แล้วก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วย         ถ้าไม่จับผิดใครก็แล้วไป แต่ถ้าไปจับผิดผู้อื่นเข้าก็จะยิ่งวุ่นวายหนักขึ้น เพราะความหลงตัวเองว่าวิเศษ จะไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถูกข่มเหงถูกเบียดเบียน ถูกจับผิด         การช่วยเหลือตัวเองจึงสำคัญ ถ้าช่วยตัวเองไม่ได้ก็เป็นกาฝาก เป็นภาระแก่สังคม บ้านเมืองเราเดี๋ยวนี้มีคนประเภทชอบจับผิด ชอบแซวคนอื่นมากเหลือเกิน ตื่นเช้าออกจากบ้านเจอรถติด ก็โทษรัฐบาล ถ่ายไม่ออก กินข้าวไม่ลง ก็โทษรัฐบาล โทษสิ่งแวดล้อม โทษชาวบ้าน ในโลกนี้ไม่มีใครดี เห็นดีอยู่คนเดียวคือตัวเอง นี่คือสาเหตุแห่งความเดือดร้อนของคนทั้งโลก เกิดขึ้นเพราะคนที่มีลักษณะอย่างนี้ ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็แทบตายทั้งนั้น         ถ้าคนในสังคมไทยควบคุมตัวเองได้ ไม่จับผิดใคร แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ความสงบความสุขก็เกิดขึ้นมาได้         สังคมไทยหรือสังคมชาวพุทธตั้งแต่โบราณมา เป็นสังคมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการควบคุมตัวเองได้ …

ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข Read More »

ทำไมถึงต้องอยู่กลด

คำถาม: หลวงพ่อคะ ทำไมหลวงพ่อ และพระอาจารย์ จึงแนะนำให้อยู่กลดด้วย อยู่แล้วจะได้อะไรขึ้นมาบ้างคะ? คำตอบ: การอยู่กลดเป็นวิธีการที่เลียนแบบมาจากข้อปฏิบัติของพระภิกษุ เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้แบบอย่างเอาไว้ เพราะทรงมองเห็นเหตุ 2 ประการ คือ         ประการแรก ในโลกนี้คนเรามีความรู้สึกอยู่ประการหนึ่ง คือ เมื่อเวลาตนมีความสุข แม้จะสุขมากก็รู้สึกว่าตนสุขน้อยกว่าคนอื่น สุขน้อยที่สุดในโลก แต่เวลามีทุกข์นิดเดียว ก็รู้สึกว่าเป็นทุกข์ที่สุดในโลก ทุกข์มากกว่าคนอื่น         ประการที่สอง คนเราแยกไม่ออกว่า อะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต อะไรเป็นส่วนเกิน หากสังเกตดูให้ดีจะพบว่า ปัญหาน้อยใหญ่ทั้งหลายที่เกิดขึ้น และทำให้โลกเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะอะไร พูดโดยสรุปคือเราแยกไม่ออกว่า อะไรคือ need อะไรคือ want (need = จำเป็นต้องมี, want = ต้องการ, อยากได้)         เพราะฉะนั้นพออยากได้อะไรขึ้นมา ก็คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เป็น need หมด ไม่ว่าข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แม้ว่ามีแล้วเป็นสิบๆ ชุดอัดแน่นอยู่ในตู้ก็ยังไม่พอ อยากแบบนี้มันเพราะความจำเป็น หรือเป็นความทะยานอยากกันแน่ …

ทำไมถึงต้องอยู่กลด Read More »

ไม่ชอบหน้าสามี จึงอธิษฐานไม่ให้เจอกัน จะเป็นผลหรือไม่

คำถาม: ไม่ชอบขี้หน้าสามีที่บ้าน ฉะนั้นเวลาทำบุญจึงอธิษฐานว่าเกิดอีกกี่ชาติๆ ขอให้ห่างกันร้อยโยชน์พันโยชน์ คำอธิษฐานนี้จะเป็นผลหรือไม่ ถ้าไม่เป็นผลต้องทำอย่างไรคะ? คำตอบ: คุณเอ๋ย..อธิษฐานให้ตายก็หนีไม่พ้น จนกว่าคุณจะปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ แล้วอธิษฐานด้วยธรรมกายภายในของคุณ คือตอนนี้บุญก็ทำเรื่อยไป รักษาศีล 5 ให้ดี ขออนุญาตสามีรักษาศีล 8 บ้างในวันพระ วันอาทิตย์ แล้วอธิษฐานว่าชาติหน้าขอเกิดในพระพุทธศาสนา ขอบวชเสียเลยจะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับใครอีก ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ความจริง กรรมดี กรรมชั่ว จะกำหนดชีวิตในภพชาติเบื้องหน้าให้คุณเอง ถ้าคุณไม่ชอบหน้าสามีในชาตินี้ แล้วไปก่อกรรมทำเข็ญผูกกันไว้อีก อธิษฐานอย่างไรก็หนีไม่พ้นหรอก ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ไม่ทันตายจาก คุณเองนั่นแหละจะใจเย็นขึ้น แล้วเลิกรำคาญสามี เลิกนิสัยไม่ชอบขี้หน้าคนโน้นคนนี้ง่ายๆ เสียได้ เรื่องนี้ให้ตายก็หนีไม่พ้น จนกว่าคุณจะตั้งใจนั่งสมาธิจนเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ เพราะฉะนั้นอย่าขี้เกียจนั่งสมาธิ ถ้าขี้เกียจเมื่อไรละก็ ความขี้โกรธมันจะเข้ามาแทน ทำให้คุณผูกเวรกับสามีไม่รู้จักจบสิ้น กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตในชาติต่อไปอีก โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อคะ เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไรคะ? คำตอบ: การที่คนเราจะให้อภัยคนอื่นได้ มีความจำเป็นว่า จะต้องฝึกตัวฝึกใจให้มีคุณสมบัติดังนี้         1. ตรึกระลึกถึงคุณความดีของเขาที่มีต่อเรา ให้ทบทวนค้นหา มองดูทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้ใจของเราชื่นบานขึ้น         2. คิดถึงความผิดพลาดที่แม้เราเองก็เคยทำกับเขา หรือกับคนอื่นมาก่อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะทำกับเราบ้างก็เป็นเรื่องที่น่าอภัย เพราะต่างก็ยังไม่หมดกิเลสด้วยกันทั้งนั้น โอกาสผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้         3. คำนึงถึงโทษของการผูกโกรธ ว่าจะทำให้เดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยก็ทำให้ใจขุ่นมัว ถึงกับยิ้มไม่ออก หรือรุ่มร้อนขัดเคืองใจ จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ         4. นึกถึงคุณของการให้อภัย โดยเฉพาะในข้อที่ว่า ผู้ฆ่าความโกรธทิ้งเสียได้เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์นอนหลับเป็นสุข ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า “โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ผู้ฆ่าความโกรธได้ ย่อมอยู่เป็นสุข”         เมื่อหมั่นพิจารณาทบทวนถึงเหตุผลทั้ง 4 ประการนี้เป็นประจำ ก็จะทำให้จิตใจของเราละเอียดอ่อน มิเมตตา สามารถให้อภัยแต่ผู้อื่นได้ง่ายๆ แต่การที่ใครก็ตามจะสามารถตรองตามเหตุผลทั้ง 4 ประการนี้ได้ มีความจำเป็นว่าจะต้องหมั่นนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน ใจจึงจะกว้างขวางมีคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะปะทะอารมณ์บูดเน่าของผู้อื่นได้ทุกรูปแบบ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา …

เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไร Read More »

ทำอย่างไรจึงจะมีลูกดีได้

คำถาม: หลวงพ่อคะ พ่อแม่ควรจะเริ่มอบรมลูกตั้งแต่อายุเท่าไรคะ จึงจะไม่สายเกินไป? คำตอบ: ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า การถ่ายทอดนิสัยใจคอจากพ่อแม่ไปให้ลูกนั้นมี 2 ลักษณะ หรือ 2 ช่วง คือ         1. การถ่ายทอดลักษณะนิสัยใจคอทางกรรมพันธุ์ การถ่ายทอดลักษณะนี้ต้องทำในช่วงตั้งแต่ลูกยังไม่มาเกิด โดยทั่วไปเมื่อปฏิสนธิวิญญาณจะมาเกิดในครรภ์ของผู้ใด เขาจะต้องมีกรรม คือบุญหรือบาปใกล้เคียงกับผู้ที่จะมาเป็นพ่อเป็นแม่ในขณะนั้น         ดังนั้นถ้าคุณพ่อ คุณแม่มีร่างกายแข็งแรง ความประพฤติดี มีจิตใจดีงามแล้ว ก็มีโอกาสที่จะได้ปฏิสนธิวิญญาณที่ดี มาถือกำเนิดอยู่ในครรภ์ การอบรมลูก จึงควรเริ่มตั้งแต่ก่อนที่จะตั้งครรภ์ คือ คุณแม่ต้องอบรมความประพฤติของตัวเองให้ดี พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ สิ่งที่ไม่ดีให้เลิกเสียให้หมด รักษาศีล 5 ให้ดี เป็นการเตรียมพร้อมให้ปฏิสนธิวิญญาณที่ดีมาเกิด         นั่นคือ อย่างช้าที่สุด จะต้องเริ่มอบรมตัวเองให้ดีพร้อมในทันทีที่แต่งงาน และในทันทีที่รู้ตัวเองว่าตั้งครรภ์ ก็ยิ่งต้องพยายามทะนุถนอมลูกในครรภ์ให้ยิ่งขึ้นไปอีก คือต้องมีความระมัดระวังตัวให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินการเคลื่อนไหวทุกๆ อิริยาบถ อาหารที่รับประทาน โดยเฉพาะพวกที่รสจัด พวกของหมักดองของเมา พวกยาต่างๆ หรือแม้แต่อารมณ์ที่ไม่ดี ก็ต้องระวังอย่าให้มากระทบกระทั่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่ออุปนิสัยใจคอของเด็กทั้งสิ้น         2. การถ่ายทอดนิสัยใจคอจากสิ่งแวดล้อม หรือการอบรมเมื่อลูกคลอดออกมาลืมตาดูโลก …

ทำอย่างไรจึงจะมีลูกดีได้ Read More »

ทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย

คำถาม: เริ่มตัดใจเข้าวัดเมื่ออายุ 30 กว่า ย้อนนึกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว รู้สึกเสียดายยิ่งนัก มีปัญหาว่าจะทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย? คำตอบ: อยากจะเข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ต้องปลูกฝังอุปนิสัยไว้ตั้งแต่ตอนนี้ คือต้องมีความพอใจในการเข้าวัดเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ผูกความพอใจไว้ให้มากเข้าๆ พูดง่ายๆ ปฏิบัติธรรมให้มาก คือทำทานให้มาก รักษาศีลให้มาก นั่งสมาธิให้มาก หายใจเข้าออกนึกถึงแต่วัด พอทำอย่างนี้จนเคยแม้แต่จวนใกล้ตาย ใจก็เกาะอยู่กับเรื่องวัด เรื่อง ศาสนาจนหมดลมหายใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เวลามาเกิด ใจมันจะยังเกาะอยู่ แล้วก็จะเข้าวัดได้ตั้งแต่เด็กๆ         สมัยพุทธกาล มีหลายท่านออกบวชตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น เพราะทัพพมัลลบุตรออกบวชตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พอไม่นานก็เป็นพระอรหันต์ และเนื่องจากมีความรู้ความสามารถมาก มีความเชี่ยวชาญในสมาธิมากท่านเลยทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา ให้กับวัดพระเชตวันได้มากมาย ท่านรับอาสาทำหน้าที่เป็นคนจัดดูแลเรื่องเสนาสนะ คือกุฏิสงฆ์หรือที่อยู่ของสงฆ์ได้เรียบร้อย อย่างที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าสามเณรอายุน้อยแค่นั้นจะทำได้         ในสมัยพุทธกาล วัดแต่ละวัดต้องรองรับพระภิกษุที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ จำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน อย่างที่วัดพระเชตวันนั้นพระทัพพมัลลบุตรต้องจัดกุฎิสำหรับพระเป็นพันๆ รูปทีเดียว ต้องดูแลกันมาก เรื่องโรงครัวท่านก็ต้องดูแล ท่านรับอาสาเอง         ทีนี้เมื่องานมันใหญ่วัดพระเชตวันนี่พระภิกษุเข้าออก วันหนึ่งๆ เป็นพัน ท่านจึงมีภาระมาก และเมื่อท่านเป็นเพียงสามเณร ในการปกครองพระจำนวนมาก …

ทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย Read More »

การทอดทิ้งครอบครัวออกบวช จะไม่บาปหรือ ในกรณีที่แต่งงาน มีบุตรแล้ว?

คำถาม: การทอดทิ้งครอบครัวออกบวช จะไม่บาปหรือ ในกรณีที่แต่งงาน มีบุตรแล้ว? คำตอบ: ถ้าเราหาเงินหาทองทิ้งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และมากพอที่จะสามารถเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร หรือจัดการให้ลูกมีงานทำ มีอาชีพเรียบร้อยไปแล้ว ตัวเองจะบวชก็บวชได้ แต่ว่าแน่นอน ถ้าเมียก็อดๆ อยากๆ ลูกก็อดๆ อยากๆ แล้วตัวมาบวช มันก็ไม่ถูก เพราะว่ามันจะไม่สงบ ทั้งลูกทั้งเมีย ทั้งตัวเองด้วย         ในกรณีนี้รอให้ลูกโตก่อนก็แล้วกัน ฟังให้ดีนะ สำหรับคนที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าแต่งแล้วก็มักมีเรื่องให้ต้องมาบ่นอย่างนี้แหละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกผิดหวัง อยากฆ่าตัวตาย

คำถาม: หลวงพ่อครับ บางครั้งผิดหวังอย่างแรง นึกอยากฆ่าตัวตาย จะทำอย่างไรดีครับ? คำตอบ: คุณเอ๊ย..คนเราไม่ต้องฆ่าตัวเอง พอถึงเวลามันก็ตายอยู่แล้ว อย่าไปเสียเวลาคิดฆ่าตัวตายให้โง่อยู่เลย อย่างไรเสียมันต้องตายแน่ๆ แต่ว่าก่อนจะตายเราควรจะศึกษารับรู้ความจริงของชีวิตของโลกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวความโง่จะติดตัวไปทุกชาติ         ประการแรก คนเราตายแล้วไม่สูญ ถ้าตราบใดที่กิเลสยังไม่หมด ก็ยังต้องเกิดใหม่อีกวันยังค่ำ         ประการที่สอง เป็นธรรมดาของโลกที่ว่า การที่คนเราต้องประสบความทุกข์อย่างหนักหนาสาหัสขณะนี้ ไม่ใช่เพราะเทวดาฟ้าดินที่ไหนมาดลบันดาลหรือกลั่นแกล้ง แต่เกิดเพราะตัวเราเองนั่นแหละ ชาติที่แล้วเราสร้างบุญมาน้อย แถมยังสร้างบาปเอาไว้มาก ความทุกข์ความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลบาปที่เราก่อไว้นั่นเอง พูดง่ายๆ ทุกข์เพราะหนี้บาป         เพราะฉะนั้นแทนที่จะมาคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีทุกข์ สู้อยู่ผจญทุกข์เสียดีกว่า เป็นการอดทนใช้หนี้บาป ใช้ให้หมดเสียชาตินี้ จะได้ไม่ต้องลำบากในชาติหน้า แต่ถ้ารีบฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่ชาตินี้ หนี้กรรมเก่ามันก็ยังไม่หมด มิหนำซ้ำยังจะแถมเพิ่มความโง่เข้าไปในจิตวิญญาณอีกด้วย ชาติหน้าเลยทั้งโง่ ทั้งอายุสั้น ทั้งทุกข์ยากอีกสารพัด เลิกทำตัวเป็นคนขี้แยขี้แพ้เสียที         ดูซิ…แม้แต่มดปลวกตัวเล็กตัวน้อย มันยังกล้าเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากทนชดใช้หนี้กรรมของมัน แล้วเราเป็นคนมีสติปัญญาดีกว่ามันตั้งมากมายมหาศาล จะต้องมายอมแพ้อ่อนข้อท้อถอย รีบหนีหน้าฆ่าตัวตายไปจากโลกนี้ทำไมเล่า ทางที่ถูกควรทำอย่างนี้ซิ คือ เมื่อประสบความทุกข์หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม ให้พยายามใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เต็มความสามารถ ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตา และหาโอกาสสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งให้ทาน รักษาศีล …

ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกผิดหวัง อยากฆ่าตัวตาย Read More »

ช่วยงานบ้านพ่อแม่กับไปทำบุญที่วัด อย่างไหนได้บุญมากกว่ากัน

คำถาม: วันหยุดถ้าเปรียบเทียบระหว่างดิฉันทำงานที่บ้าน ช่วยงานพี่สาวและแม่ ช่วยซักผ้า หุงข้าว กับการไปวัดไปปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์ อย่างไหนจะได้บุญมากกว่ากันคะ? คำตอบ: ก็ทำให้ครบทั้ง 2 อย่างสิ เช้าก็ตื่นแต่เช้า รีบซักผ้า หุงข้าว เสร็จแล้วค่อยมาวัด เพราะรถที่จะมาวัดนี้ก็ได้จัดไว้ตั้งหลายจุดด้วยกันนะ แต่ละจุดคันสุดท้ายก็ออกสายหน่อย ไปดูจัดสรรแบ่งเวลาให้ดี จะได้บุญหลายๆ ประเภทนะ         คุณแม่พูดว่าการที่คนเราละทิ้งครอบครัวไปวัด จะไม่ได้บุญหรอก ดิฉันชวนคุณแม่มาวัด คุณแม่ไม่มา ที่แม่พูดจริงหรือเท็จอย่างไร?         ก็ขึ้นอยู่กับสภาพตัวเราเองนะ ถ้าสภาพบ้านเราย่ำแย่มาก อดตายแน่ๆ เลย ถ้ามาคลุกคลีอยู่ที่วัดทั้งวัน ในกรณีนี้ต้องหากินกันก่อนละ รอจนกว่าจะมีกินมีใช้ตามอัตภาพกันทั้งครอบครัวแล้ว พอจะวางงานได้ ก็ต้องแบ่งเวลามาวัดกันนะ อย่าไปกังวลเรื่อคำพูดของคุณแม่เลย ตรองเหตุผลด้วยตนเอง แล้วที่สำคัญอย่าไปเถียงท่านเข้าล่ะ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ผู้ที่นอนหลับยากและตื่นง่ายเกิดจากกรรมอะไร

คำถาม: ผู้ที่นอนหลับยาก ตื่นง่ายเกิดจากกรรมอะไรครับ? คำตอบ: เกิดจากกรรมหลายอย่าง พวกนอนหลับยากแต่ตื่นง่าย แสดงว่ามีความกังวลมาก โบราณเวลาท่านให้พรลูกหลานที่มาขอพร ท่านมักพูดว่า “ลูกเอ๊ย นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสน” ถ้าหลับๆ ตื่นๆ ล่ะครับ? “หลับๆ ตื่นๆ ก็หนี้เป็นหมื่นเป็นแสนซิลูก”         คนที่นอนไม่หลับ ก็แสดงว่ามันเครียด มันกังวล ความเครียด ความกังวลของคนนั้นเกิดได้หลายสาเหตุ อาจจะเครียด อาจจะกังวลเพราะเรื่องการทำมาหากิน บางคนไม่ใช่การทำมาหากิน แต่ว่าเครียดเรื่องลูกเรื่องหลาน เรื่องครอบครัว บางทีก็เรื่องสัพเพเหระต่างๆ         แต่โดยสรุปแล้ว คนที่นอนหลับยาก ตื่นง่าย คือคนที่ใจยังไม่เป็นสมาธิ เพราะฉะนั้นลงมือฝึกสมาธิเสียตั้งแต่วันนี้ แล้วอาการเหล่านั้นจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ปัญหารถติดแก้ไขอย่างไรดี

คำถาม: การจราจรติดขัดมากในกรุงเทพฯ ประเทศอื่นรถยนต์เขาก็มีกันตั้งมาก ทำไมเขาไม่มีปัญหารถติดมากๆ อย่างเรา? คำตอบ: การจราจรติดขัด เกิดจากการไม่ยอมลดราวาศอกให้กันและกัน และการไม่ยอมกัน ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดในเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่เลี้ยงลูกไม่เป็น วิธีเลี้ยงลูกไม่ค่อยถูกต้อง         เอาง่ายๆ ถ้าลูกทะเลาะกันหรือลูกไม่ลงรอยกัน ถามว่าแม่จะห้ามไหม มีไม่กี่คนที่ไม่ห้าม ส่วนมากจะเข้าห้าม แล้วตัดสินลงโทษ ซึ่งบางทีก็ตัดสินพลาดไป ในทัศนะนี้ญี่ปุ่นไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เขาบอกว่ายังไงเสียเด็กก็ไม่ตีกันจนถึงตายหรอก เพราะฉะนั้นถ้าลูกทะเลาะกันเขาจะไม่ห้าม เขาปล่อยให้เด็กหาวิธียุติปัญหากันเอง คนโตอาจจะเกรี้ยวกราดกับน้องมากไปหน่อย แต่คนเล็กก็ต้องมีวิธีการพูดเสียงอ่อยๆ ทำให้น่าเห็นใจ จนพี่ต้องยอม เรื่องมันก็จบ หรือถ้าพี่รังแกน้องมากเข้าน้องก็ไม่เล่นด้วย พี่ก็ต้องมาตามง้อน้อง ก็เป็นเรื่องที่เขาจะแก้ปัญหากันเอง ไม่ใช่พ่อแม่ลงมาเล่นบทบู๊เสียเอง         คนไทยไม่เป็นอย่างนั้น เรื่องก็เลยกลายเป็นว่าทุกครั้งที่คนไทยมีเรื่องก็ทะเลาะกันต้องมีบุคคลที่สามมาห้าม ถ้าถึงขั้นจลาจลในหลวงต้องทรงลงมาไกล่เกลี่ยให้เสมอ แล้วถ้าครั้งนั้นในหลวงทรงห้ามไม่ทันจะทำอย่างไรกัน?         นิสัยอีกอย่างของคนไทย คือความรักอิสระ คนไทยแม้ไปอยู่ต่างประเทศก็รวมตัวกันไม่ได้ เมื่อมีเรื่องขึ้นมาก็ไม่รู้จะไปหาผู้ใหญ่ที่ไหนมาไกล่เกลี่ย ไม่มีตัวประสาน ขณะที่ชนชาติอื่นบางชาติ แม้ไปอยู่ต่างประเทศ เขาก็สามารถรวมตัวกันได้แน่นแฟ้น เขาไม่ต้องการให้ใครอื่นมาประสาน เขาประสานตัวของเขาเอง วินัยระดับชาติก็เป็นผลมาจากวิธีการเลี้ยงลูกของเขา         ในที่ประชุม ฝรั่งเขาโต้เถียงกันแบบเอาเป็นเอาตาย พอออกจากที่ประชุมเรื่องก็จบ ญี่ปุ่นก็เหมือนกัน แม้จะไม่ถูกกันเป็นส่วนตัว แต่ในที่ทำงานเขาประชุมกันอย่างดี พอออกจากที่ประชุมปั๊บต่างคนต่างไป …

ปัญหารถติดแก้ไขอย่างไรดี Read More »

ทำอย่างไรจึงจะทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณได้

คำถาม: ดิฉันรู้สึกตัวว่ากว่าจะเติบโตมาจนกระทั่งถึงวันนี้ ต้องเป็นหนี้พระคุณของพ่อแม่ และผู้มีพระคุณอื่นๆ อีกมากมาย หลายท่าน อยากทราบว่าจะมีหนทางใดบ้าง ที่จะสามารถทดแทนพระคุณของท่านเหล่านั้นได้มากที่สุดคะ? คำตอบ: วิธีจะทดแทนคุณผู้มีพระคุณอย่างยิ่งของเรา เช่น คุณพ่อคุณแม่ ลุง ป้า น้า อา ที่ช่วยกันไกวเปลเห่กล่อมเรามาก็ดี ครูบาอาจารย์ที่ให้ความรู้แก่เราก็ดี เราจะแทนคุณท่านให้ได้สูงสุดแล้ว ไม่มีอะไรหรอก ที่จะเกินไปกว่าให้ท่านได้รู้ความจริงเกี่ยวกับโลกและชีวิตเป็นสัมมาทิฏฐิบุคคล แล้วดำเนินชีวิตไปในเส้นทางที่ถูกต้อง         เราต้องยอมรับว่าการดำเนินชีวิตทางโลก ไม่ว่าจะระมัดระวังอย่างไร มีอาชีพอะไร จะมีลักษณะที่เรียกว่า บุญปนบาประคนกันไปเสมอ แม้แต่พ่อแม่ของเรากว่าจะเลี้ยงพวกเราโตมาได้ ชีวิตของท่านก็อยู่ในลักษณะบุญปนบาปเช่นกัน เช่น วันนี้ลูกรักอยากจะกินปลาต้มยำ คุณแม่ก็ทุบหัวปลาเปรี้ยงเลย ฆ่าปลามาต้มยำให้ลูกกิน ลูกดีใจได้กินปลาต้มยำอร่อย แต่แม่แบกบาปไปแล้ว         ชีวิตทางโลกจะมีลักษณะบุญปนบาปกันอย่างนี้ ใครฉลาดก็เลือกทำสิ่งที่ได้บุญมากๆ บาปน้อยๆ ที่จะให้ไม่มีบาปปนบ้างเลย บางทีก็ยากเหมือนกัน และเนื่องจากผู้มีพระคุณเหล่านี้ยังไม่หมดกิเลส หลายครั้งที่ท่านทำบาปเพราะรักเรา ตายแล้วยังต้องไปเกิดตามกรรม เพราะฉะนั้นเราซึ่งเป็นลูก ก็ต้องหาทางปิดนรกให้ท่าน เช่น ถ้าท่านยังไม่เข้าวัดก็ต้องหาทางพาท่านเข้าวัด ถ้าท่านเข้าวัดแล้วแต่ยังไม่ได้ทำทาน ก็ต้องหาทางให้ท่านทำทาน ยังไม่รักษาศีล ก็ต้องหาทางให้ท่านรักษาศีล ถ้ายังไม่ได้เจริญภาวนาก็ต้องหาทางให้ท่านเจริญภาวนาให้จงได้         แล้วสุดยอดเลยคือ พยายามประคับประคองให้ท่านเหล่านั้นปฏิบัติธรรม …

ทำอย่างไรจึงจะทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณได้ Read More »

ความเชื่อเรื่องการแต่งงาน

คำถาม: เมื่อเร็วๆ นี้ได้จัดพิธีแต่งงานให้หลานสาว โบราณเขาว่าถ้าบ้านไหนจัดพิธีแต่งงานครั้งแรก แล้วเจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านนั้น บ้านนั้นจะมีเรื่องยุ่งยาก และไม่มีการแต่งงานที่บ้านนั้นอีกเลย เรื่องนี้จริงเท็จอย่างไรคะ? คำตอบ: โบราณน่ะครั้งไหน ครั้งตอนนั้นไทยยังอยู่ที่ภูเขาอัลไต หรือโบราณเมื่อวานนี้ แต่หลวงพ่อไม่เคยได้ยินเลยนะ และจริงๆ แล้วก็ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย จัดงานแต่งงานให้หลานสาว ให้เขามีครอบครัวก็ดีแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ของญาติผู้ใหญ่ เขาแยกไปอยู่ต่างหากก็ดีอีก เขาจะได้ตั้งตัวได้เร็วๆ จะมีบ้าง บางครอบครัวที่ลูกหลานแยกไปแล้ว ก็เลยไม่มีใครดูแลผู้เฒ่า ความยุ่งยากมันก็เลยเกิดขึ้นตามเหตุตามผล ไม่ใช่เคล็ดไม่ใช่ลางอะไร ก็เป็นหน้าที่ของคนที่อยู่ด้วยต้องดูแลกันเองต่อไป         การดูแลท่านผู้เฒ่าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มีเรื่องน่าเบื่อน่ารำคาญมากเลย ถ้าคนดูแลไม่ใช่ลูกหลานใกล้ชิด และไม่ใช่คนดี อาจทอดทิ้งให้ลำบากได้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่แต่งงานจะอยู่เป็นโสด ก็จะต้องทำตัวให้ไม่น่าเบื่อ ตอนแก่จะได้ไม่มีใครรังเกียจที่จะดูแล คนที่นั่งสมาธิมากๆ ความน่าเบื่ออย่างนี้จะไม่ค่อยมี         แต่งงานให้หลานสาวไปแล้ว ถ้าลูกสาวเราจะแต่งงานบ้างในวันหลัง เขาอยากแต่งก็แต่งให้ลูกเถอะนะ เขาจะได้ไม่หนีตามกันไป แต่งงานให้ลูกแล้วตัวเองควรทำตัวอย่างไร โบราณปู่ย่าตาทวด ท่านสอนไว้ดีทีเดียว ท่านบอกว่าเมื่อลูกสาวคนโตแต่งงาน ให้พ่อแม่รีบเข้าวัด ก็ไม่เห็นจะมีใครจะยอมเชื่อ ไปเชื่อคนโบราณประเภทไหนก็ไม่รู้ ถ้ามันเป็นอย่างที่ว่าคงจะดีนะ วันหลังเลยไม่มีการแต่งงานที่บ้านนี้อีก แสดงว่าลูกสาวเราได้อยู่เป็นโสดสบายไปเลย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา …

ความเชื่อเรื่องการแต่งงาน Read More »

เมื่อวันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ เมื่อวันมาฆบูชา (14 กพ. 38) ที่ผ่านมา ดิฉันผิดหวังจังเลยที่ชวนลูกๆ มาวัดไม่ได้เช่นทุกปี เพราะวันนั้นบังเอิญตรงกับวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ดูสิคะเขาเป็นชาวพุทธแท้ๆ เขายังให้ความสำคัญของวันมาฆบูชาน้อยกว่าวันของพวกฝรั่ง ดิฉันจะอธิบายพวกเขาอย่างไรดีคะ ถ้าหากบังเอิญปีต่อไป วันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์อีก คำตอบ: วันวาเลนไทน์นี่หลวงพ่อเองก็เพิ่งมาได้ยินเมื่อบวชแล้ว ถามเขาว่าเป็นวันอะไรกัน ก็ได้ความว่าเป็นวันที่พวกทางยุโรป ทางอเมริกาเขาถือกันว่าเป็นวันแห่งความรักของพวกคนหนุ่มคนสาว พวกวัยรุ่นเมืองไทยเริ่มจะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ จากการโฆษณาของสื่อมวลชน เพื่อหวังผลทางธุรกิจ         ความจริงการที่ปีนี้วันวาเลนไทน์มาตรงกับวันมาฆบูชา น่าจะทำให้คุณโยมสมหวังมากกว่าผิดหวัง เพราะจริงๆ แล้ว วันมาฆบูชาก็เป็นวันแห่งความรักเหมือนกัน คือ เป็นวันแห่งความรักความปรารถนาดีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีแก่สัตว์โลกหรือชาวโลก         โดยพระพุทธองค์ทรงเห็นว่ามนุษย์ทั้งหลาย รวมทั้งสัตว์โลกชนิดอื่นๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะความโลภ โกรธ หลง ชักนำให้เขาคิดชั่ว พูดชั่ว แล้วก็ทำชั่ว ผลของการทำชั่วทำให้เขาต้องเดือดร้อนในชาตินี้ แม้ตายไปแล้วก็ยังต้องไปเดือดร้อนต่อในชาติหน้าอีก         พระพุทธองค์ทรงรักชาวโลก ปรารถนาจะให้ชาวโลกพ้นทุกข์ จึงใช้โอกาสในวันเพ็ญเดือน 3 หรือวันมาฆบูชา ในพรรษาแรกของพระองค์ประทานอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการประกาศพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์ แก่พระอรหันต์จำนวน 1,250 …

เมื่อวันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์ Read More »

ทรัพย์สมบัติบุตรภรรยาเป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร

คำถาม: ทรัพย์สมบัติ บุตร ภรรยา เป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร? ไม่เข้าใจเลย หลวงพ่อกรุณาอธิบายให้ด้วยครับ? คำตอบ: เครื่องจองจำคนเรา โดยเฉพาะเครื่องจองจำที่เห็นด้วยตา เช่น กุญแจมือที่ตำรวจเขาใส่ข้อมือผู้ร้าย หรือโซ่ตรวนที่ผู้คุมเขาใส่กับนักโทษ ดูแล้วมันเหมือนผูกมัดคนจนแน่นหนา แต่อย่างไรก็ดีของพวกนี้เป็นเพียงเครื่องจองจำทางกาย ถึงเวลาหมดโทษเขาก็ต้องปลดออก แต่มีเครื่องจองจำชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้ติดอยู่กับร่างกายหรอก มันติดอยู่กับใจคน ติดแน่นจนสลัดไม่หลุด ของพวกนี้ได้แก่อะไรบ้าง?         เครื่องจองจำใจคนมีหลายอย่าง เช่น สามีหรือภรรยา ยามคิดถึงกัน ก็อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปหา ขืนไม่ไปก็คิดถึงอยู่นั่นแหละ ห่วงหาจนแทบจะเป็นจะตายเสียให้ได้ พอมีลูกขึ้นมา ก็ห่วงลูก ความห่วงอันนี้แหละทางพระพุทธศาสนาจัดเป็นเครื่องจองจำทีเดียว บางคนห่วงสามี บางคนห่วงภรรยา ห่วงกันจนกระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับทีเดียว ห่วงสามีหรือภรรยา 1 ห่วงบุตร 1 ห่วงสมบัติ 1 ห่วงทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นเครื่องจองจำหรือเครื่องพันธนาการทางใจของคน ที่ใครๆ ก็ดิ้นหลุดออกได้ยากเหลือเกิน เพราะเป็นสิ่งผูกพันที่ทำให้ห่วงใยคิดถึงอยู่ตลอดเวลา นั่งสมาธิ หลับตานึกถึงดวงแก้ว เดี๋ยวเดียวหน้าลูกโผล่ออกมาแล้ว หน้าเมียโผล่ซ้อนขึ้นมาอีกแล้ว เดี๋ยวเช็คก็โผล่ตามขึ้นมาอีกแล้ว เช็คจะเด้งหรือเปล่าหนอ? ที่นั่งสมาธิกันไม่ค่อยจะได้เห็นธรรมะ ก็เพราะเหตุตรงนี้แหละ ห่วงคู่ครอง …

ทรัพย์สมบัติบุตรภรรยาเป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร Read More »