หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

เมื่อวันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ เมื่อวันมาฆบูชา (14 กพ. 38) ที่ผ่านมา ดิฉันผิดหวังจังเลยที่ชวนลูกๆ มาวัดไม่ได้เช่นทุกปี เพราะวันนั้นบังเอิญตรงกับวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ดูสิคะเขาเป็นชาวพุทธแท้ๆ เขายังให้ความสำคัญของวันมาฆบูชาน้อยกว่าวันของพวกฝรั่ง ดิฉันจะอธิบายพวกเขาอย่างไรดีคะ ถ้าหากบังเอิญปีต่อไป วันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์อีก คำตอบ: วันวาเลนไทน์นี่หลวงพ่อเองก็เพิ่งมาได้ยินเมื่อบวชแล้ว ถามเขาว่าเป็นวันอะไรกัน ก็ได้ความว่าเป็นวันที่พวกทางยุโรป ทางอเมริกาเขาถือกันว่าเป็นวันแห่งความรักของพวกคนหนุ่มคนสาว พวกวัยรุ่นเมืองไทยเริ่มจะให้ความสำคัญกับวันวาเลนไทน์เมื่อไม่กี่ปีมานี้ จากการโฆษณาของสื่อมวลชน เพื่อหวังผลทางธุรกิจ         ความจริงการที่ปีนี้วันวาเลนไทน์มาตรงกับวันมาฆบูชา น่าจะทำให้คุณโยมสมหวังมากกว่าผิดหวัง เพราะจริงๆ แล้ว วันมาฆบูชาก็เป็นวันแห่งความรักเหมือนกัน คือ เป็นวันแห่งความรักความปรารถนาดีที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีแก่สัตว์โลกหรือชาวโลก         โดยพระพุทธองค์ทรงเห็นว่ามนุษย์ทั้งหลาย รวมทั้งสัตว์โลกชนิดอื่นๆ ที่ดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะความโลภ โกรธ หลง ชักนำให้เขาคิดชั่ว พูดชั่ว แล้วก็ทำชั่ว ผลของการทำชั่วทำให้เขาต้องเดือดร้อนในชาตินี้ แม้ตายไปแล้วก็ยังต้องไปเดือดร้อนต่อในชาติหน้าอีก         พระพุทธองค์ทรงรักชาวโลก ปรารถนาจะให้ชาวโลกพ้นทุกข์ จึงใช้โอกาสในวันเพ็ญเดือน 3 หรือวันมาฆบูชา ในพรรษาแรกของพระองค์ประทานอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการในการประกาศพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า โอวาทปาฏิโมกข์ แก่พระอรหันต์จำนวน 1,250 …

เมื่อวันมาฆบูชาตรงกับวันวาเลนไทน์ Read More »

ทรัพย์สมบัติบุตรภรรยาเป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร

คำถาม: ทรัพย์สมบัติ บุตร ภรรยา เป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร? ไม่เข้าใจเลย หลวงพ่อกรุณาอธิบายให้ด้วยครับ? คำตอบ: เครื่องจองจำคนเรา โดยเฉพาะเครื่องจองจำที่เห็นด้วยตา เช่น กุญแจมือที่ตำรวจเขาใส่ข้อมือผู้ร้าย หรือโซ่ตรวนที่ผู้คุมเขาใส่กับนักโทษ ดูแล้วมันเหมือนผูกมัดคนจนแน่นหนา แต่อย่างไรก็ดีของพวกนี้เป็นเพียงเครื่องจองจำทางกาย ถึงเวลาหมดโทษเขาก็ต้องปลดออก แต่มีเครื่องจองจำชนิดหนึ่ง ที่ไม่ได้ติดอยู่กับร่างกายหรอก มันติดอยู่กับใจคน ติดแน่นจนสลัดไม่หลุด ของพวกนี้ได้แก่อะไรบ้าง?         เครื่องจองจำใจคนมีหลายอย่าง เช่น สามีหรือภรรยา ยามคิดถึงกัน ก็อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปหา ขืนไม่ไปก็คิดถึงอยู่นั่นแหละ ห่วงหาจนแทบจะเป็นจะตายเสียให้ได้ พอมีลูกขึ้นมา ก็ห่วงลูก ความห่วงอันนี้แหละทางพระพุทธศาสนาจัดเป็นเครื่องจองจำทีเดียว บางคนห่วงสามี บางคนห่วงภรรยา ห่วงกันจนกระทั่งกินไม่ได้นอนไม่หลับทีเดียว ห่วงสามีหรือภรรยา 1 ห่วงบุตร 1 ห่วงสมบัติ 1 ห่วงทั้ง 3 อย่างนี้ เป็นเครื่องจองจำหรือเครื่องพันธนาการทางใจของคน ที่ใครๆ ก็ดิ้นหลุดออกได้ยากเหลือเกิน เพราะเป็นสิ่งผูกพันที่ทำให้ห่วงใยคิดถึงอยู่ตลอดเวลา นั่งสมาธิ หลับตานึกถึงดวงแก้ว เดี๋ยวเดียวหน้าลูกโผล่ออกมาแล้ว หน้าเมียโผล่ซ้อนขึ้นมาอีกแล้ว เดี๋ยวเช็คก็โผล่ตามขึ้นมาอีกแล้ว เช็คจะเด้งหรือเปล่าหนอ? ที่นั่งสมาธิกันไม่ค่อยจะได้เห็นธรรมะ ก็เพราะเหตุตรงนี้แหละ ห่วงคู่ครอง …

ทรัพย์สมบัติบุตรภรรยาเป็นเครื่องจองจำได้อย่างไร Read More »

คุณพ่อและน้องชอบเล่นการพนัน จะแก้ไขอย่างไรดี

คำถาม: คุณพ่อและน้องชอบเล่นการพนัน จะแก้ไขไม่ให้เล่นได้อย่างไรคะ? คำตอบ: แก้ไขโดยเริ่มด้วยตัวเราเองอย่าเล่นการพนันเด็ดขาด เราต้องทำตัวเป็นต้นแบบเป็นมาตรฐานให้ดู การงานทุกอย่างต้องทำได้เรียบร้อย จนใครตำหนิอะไรไม่ได้สักอย่างเดียว ถ้าเราทำได้อย่างนี้บารมีจะเกิด แล้วทีนี้จะพูดอะไรก็มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แทบจะชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก แต่ว่าต้องใช้เวลาหน่อยนะ         การงานต้องดี การเรียนต้องดี จนใครก็หาข้อบกพร่องอะไรเราไม่ได้ ถ้าทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ต่อไปแม้เป็นลูกก็ทำให้พ่อเกรงใจได้ พอผิดพลาดอะไร ก็สามารถชี้เหตุชี้ผลให้ดูได้ เช่น เพราะพ่อมาจมอยู่ในวงไพ่ จึงทำมาหากินสู้ชาวบ้านเขาไม่ได้ งานการถึงได้เสียหายอย่างนั้นๆ         ถ้าเราดีจริง พ่อก็พ่อเถอะ จำเป็นต้องเชื่อเพราะเราเรียนดี ทำงานดีให้เขาดูก่อน และยังสามารถพูดอธิบายได้อย่างมีเหตุผล ส่วนน้องนั้นไม่มีปัญหา ถ้าคุณพ่อเลิกเล่นการพนัน เพราะความเข้าใจถูกว่าการพนันนำไปสู่ความพินาศฉิบหาย ท่านคงห้ามปรามไม่ให้ลูกท่าน หรือน้องเราเล่นการพนันอีกต่อไป         แต่เท่าที่หลวงพ่อเห็นมามากต่อมาก ต่อให้ลูกมีบารมีมากแค่ไหน ลูกก็สอนพ่อสอนแม่ให้เชื่อฟังได้ยาก ทางที่ง่ายกว่าคือห้ามปรามน้องก่อน อย่าปล่อยให้น้องเป็นขาไพ่ของพ่อก็แล้วกัน โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

จะทำใจอย่างไรคะ เมื่อไม่พอใจคนในบ้าน

คำถาม: จะทำใจอย่างไรคะ เมื่อไม่พอใจคนในบ้าน เขาเป็นคนอาศัยเราอยู่ แต่กลับไม่เกรงใจเราเลย? คำตอบ: ก่อนจะรับใครเข้ามาอยู่ในบ้าน จะมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ในฐานะเพื่อน ในฐานะสามี ในฐานะภรรยา หรือในฐานะอะไรก็ตาม โบราณท่านพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า “เข้าง่าย ออกยาก”         การรับใครมาเป็นคนใช้ในบ้าน ถ้ารับง่ายๆ ระวังเถอะ วันที่จะให้เขาออกจากบ้าน ออกจากงานมันจะยุ่ง วันออกอาจจะมีการเผาบ้าน มีการปล้นเจ้าของบ้าน ขนาดเชือดคอลูกเจ้าของบ้านก็มีมาแล้ว แม้ที่สุดรับเขามาเป็นสามี รับเขามาเป็นภรรยา วันเลิกร้างจะให้เขาออกจากบ้าน ที่เกิดเรื่องตบตีเตะกันซี่โครงหักก็มีมาแล้ว ก็อยากจะเตือนสำหรับผู้ที่ยังคิดจะให้ใครมาอยู่ด้วยละก็ ดูนิสัยใจคอกันก่อนนานๆ นะ อย่าลืมคำโบราณ “เข้าง่าย ออกยาก”         สำหรับในกรณีของคุณโยม รับเขามาอาศัย แต่เขาก็ไม่เกรงใจ จริงอยู่คุณนั้นมีความดีตรงที่มีเมตตา แต่ความประพฤติส่วนตัวของคุณอย่างอื่นบกพร่องไหม ถ้าบกพร่อง ก็น่าหรอกที่เขาจะไม่เกรงใจ แต่ถ้าเราไม่บกพร่องแล้ว เขายังไม่เกรงใจเรา บ้านของเราแท้ๆ เขายังไม่เกรงใจ ก็ให้เขากลับไปอยู่บ้านของเขาเอง ก็จบ แต่อย่าลืมนะว่า เข้าง่าย ออกยาก เรื่องไม่จบง่ายๆ หรอก หากุศโลบายให้เขาออกดีๆ ก็แล้วกัน โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว …

จะทำใจอย่างไรคะ เมื่อไม่พอใจคนในบ้าน Read More »

ทำอย่างไรจึงจะเลิกนิสัยอิจฉาชาวบ้านได้

คำถาม: หลวงพ่อคะ ทำอย่างไรดิฉันจึงจะเลิกนิสัยอิจฉาชาวบ้านได้คะ? คำตอบ: ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่า การที่คุณเป็นคนขี้อิจฉาริษยาชาวบ้านนั้น เป็นเพราะคุณเป็นรองเขาเรื่อยมา เหตุลึกๆ ที่ทำให้คุณเป็นคนต่ำต้อย น้อยหน้าเป็นรองคนอื่น เพราะคุณมีบุญเก่าติดตัวมาน้อย อยากจะรวยก็รวยไม่ได้ เพราะให้ทานมาน้อย อยากฉลาดก็ฉลาดสู้เขาไม่ได้ เพราะทำภาวนามาน้อย อยากจะเกิดในชาติตระกูลสูงก็ไม่ได้ เพราะไม่เคยเคารพกราบไหว้ผู้มีคุณธรรมมาก่อน        เมื่อเป็นรองเขาเรื่อยมา แทนที่จะได้คิดว่าเป็นรองเขา เพราะสร้างบุญมาน้อย กลับปล่อยให้โมหะความหลงผิดเข้าครอบงำจิตใจ ไปอิจฉาริษยาเขาอีก เลยหาความสุขไม่ได้ ยังดีที่คิดอยากเลิกนิสัยขึ้นอิจฉา         คนที่จะเลิกอิจฉาริษยาชาวบ้านได้ ต้องรู้จักพิจารณาให้ชัดเจนเสียก่อนว่า ความอิจฉาริษยาทำให้เกิดความเสียหายแก่เราอย่างไรบ้าง โทษของความอิจฉาริษยามีหลายอย่าง ตั้งแต่ทำให้วาสนาของตัวเองตกต่ำ มิหนำซ้ำยังไม่มีกำลังใจที่จะทำความดีต่อไปอีก แม้จะเกิดไปกี่ภพกี่ชาติเบื้องหน้าก็จะเป็นคนที่มีอานุภาพน้อย จะต้องเป็นรองคนอื่นเขาอยู่ร่ำไป แม้ได้เกิดเป็นกษัตริย์ก็ต้องเป็นกษัตริย์ของประเทศที่เป็นอาณานิคมของประเทศอื่น  ฉะนั้น ถ้าต้องการแก้ไขนิสัยไม่ดีดังกล่าว จึงต้องทำดังนี้         1. ทุกครั้งที่รู้ตัวว่าเรากำลังมีจิตคิดอิจฉาริษยาใครก็ตาม ต้องรีบเตือนสติตัวเอง ว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะคุณความดีในตัวเรามีน้อยมีบุญน้อยจึงได้น้อยหน้าไม่เท่าเทียมเขา เป็นความผิดของเราเองที่ภพในอดีตไม่ชอบสร้างบุญกุศล ไม่ใช่ความผิดของคนอื่น เพราะฉะนั้นจะต้องรีบเร่งสะสมความดี สร้างบุญกุศลให้มากๆ         2. หมั่นฝึกสมาธิให้มากๆ เป็นประจำ แม้จะได้ผลช้ากว่าคนอื่นก็เพียรพยายามเรื่อยไป เมื่อใจผ่องใสละเอียดอ่อนขึ้น ก็จะเห็นช่องทางในการทำความดี แล้วตั้งใจทำความดีอย่างสุดกำลังความสามารถด้วยความไม่ประมาท บุญของเราก็จะสมสมมากขึ้นๆ         ในที่สุดก็เป็นคนดีที่มีความดีอยู่ในตัวมาก จนไม่จำเป็นต้องอิจฉาริษยาใครอีกต่อไป แต่แน่นอนว่ากว่าจะทำให้นิสัยขี้อิจฉาริษยานี้หมดไปต้องใช้เวลานานมาก …

ทำอย่างไรจึงจะเลิกนิสัยอิจฉาชาวบ้านได้ Read More »

ในบรรดาอบายมุขทุกอย่าง อะไรที่ถือว่าเลวที่สุด

คำถาม: หลวงพ่อครับในบรรดาอบายมุขทุกอย่าง อะไรที่ถือว่าเลวที่สุดครับ? คำตอบ: การคบเพื่อนชั่ว ซิลูกเอ๊ย… เป็นอบายมุขข้อที่เลวที่สุด เพราะนำความฉิบหายมาให้มากกว่าอย่างอื่น เป็นต้นเหตุให้อบายมุขข้ออื่นๆ ติดตามมา ลองสังเกตดูนะว่านิสัยไม่ดีต่างๆ ที่คนเรามีอยู่ในแต่ละคนนั้นได้มาจากไหน ไม่ว่าเรื่องกินเหล้าเมายา เรื่องเที่ยวกลางคืน การพนัน ตลอดจนเรื่องเสียหายต่างๆ ถามว่า…คุณพ่อเคยสนับสนุนให้เรากินเหล้า สูบบุหรี่ไหม ตอบว่า ไม่เคย คุณแม่เคยสอนให้เล่นไพ่ ให้คิดโกงไหม…ก็ไม่เคย ครูบาอาจารย์เคยสอนให้เราเที่ยวกลางคืน หรือเที่ยวด่าใครต่อใครไหม ก็ตอบว่า ไม่เคย         ถ้าอย่างนั้นได้มาจากไหน… ตอบว่าได้มาจากเพื่อน ได้มาจากคนนี้นิดคนนั้นหน่อย ครั้นเราติดเชื้อเลวๆ เหล่านี้มา เราก็นำความรู้ความสามารถของเราที่ร่ำเรียนมาไปใช้กับความคิดเลวๆ เราเลยยิ่งเลวกว่าเพื่อนที่ชักจูงเราเสียอีก         เพราะฉะนั้น บันไดขั้นแรกของความสำเร็จในชีวิต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสว่า คือ การไม่คบคนพาล หรือไม่คบคนเลว “อเสวนา จ พาลานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ” การไม่คบคนพาลเป็นมงคลอันอุดม นี่มงคลที่ 1 เลยนะลูกนะ         ถ้าใครไม่เชื่อพระองค์ ยังขืนคบคนพาลอยู่ ถึงแม้บุคคลนั้นจะมีความรู้จนจบปริญญา จบการศึกษาสูงแค่ไหน มีความสามารถยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม เขาจะไม่มีความสำเร็จในชีวิตเลย ทั้งยังจะประสบความพินาศในที่สุดด้วย …

ในบรรดาอบายมุขทุกอย่าง อะไรที่ถือว่าเลวที่สุด Read More »

เมื่อมีคนนินทาลับหลัง

คำถาม: เพื่อนมาบอกว่า มีคนเขาว่าเราลับหลังในทางที่ไม่สู้ดี ควรทำใจอย่างไร ไม่ให้เราไปต่อว่าคนที่ว่าเรา ควรนึกถึงอะไรเจ้าคะ? คำตอบ: หนูเอ๊ย..นินทากาเลเหมือนเทน้ำ คงไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน เรื่องนินทากันนี้ เป็นเรื่องธรรมดาๆ ก็เราเองบางทียังนินทาชาวบ้านเลย ระวังคำพูดของเราก็แล้วกัน เวลาเขาเอาเรื่องคนโน้นคนนี้ที่ว่าเรามาฟ้อง จริงไม่จริงยังไม่รู้เลย เขาอาจจะฟังมาผิดๆ ก็ได้ พอเราพูดผางกลับไปด้วยความโกรธ เขาก็เลยเอาคำพูดที่เราพูด ไปบอกคนโน้น คราวนี้ละ เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะเราพูดจริง พูดหยาบกว่าด้วย เพราะเราโกรธ ทางโน้นเลยแล่นมา ซัดเราเข้าให้ กลายเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตเลยทีนี้         เพราะฉะนั้น อย่าไปถือสาอะไรกับลมปาก ที่เราพูดกันนี่ มันลมนะ โกรธไปก็แค่โกรธลมโกรธแล้งแค่นั้น ทำหูทวนลมเสียบ้าง หรือหัดทำใจให้หนักแน่นเหมือนขุนเขาเสียบ้าง เหมือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า “เสโล ยถา เอกฆโน              วาเตน ณ สมีรติ เอวํ นินฺทาปสํสาสุ                 น สมฺมิญฺชนฺติ ปณฺฑิตา.” “ภูเขาศิลาล้วน เป็นแท่งเดียว ย่อมไม่สะเทือนด้วยแรงลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมไม่เอนเอียงในเพราะนินทาและสรรเสริญฉันนั้น” โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ …

เมื่อมีคนนินทาลับหลัง Read More »

ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข

คำถาม: สังคมทุกวันนี้หาความสงบสุขยากเหลือเกิน อยากทราบว่า เราควรจะปฏิบัติตนอย่างไร จึงจะอยู่ในสังคมนี้อย่างมีความสุขครับ? คำตอบ: คนเราถ้าจะอยู่ในสังคมให้เป็นสุขได้ และพอจะหาความเจริญก้าวหน้าให้กับตัวเองได้ คุณสมบัติพื้นฐานขั้นต่ำสุดของเขาเลยคือ         1. ควบคุมตัวเองได้         2. ไม่จับผิดใคร         3. ช่วยตัวเองได้         ถ้าจะพูดในเชิงปฏิเสธก็คือ ไม่ต้องพึ่งใคร สามารถยืนอยู่ด้วยขาของตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองได้ ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากจะทำอะไรก็ทำ ในที่สุดการกระทำนั้นจะกลับมาทำลายตัวเอง แล้วก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่นด้วย         ถ้าไม่จับผิดใครก็แล้วไป แต่ถ้าไปจับผิดผู้อื่นเข้าก็จะยิ่งวุ่นวายหนักขึ้น เพราะความหลงตัวเองว่าวิเศษ จะไปทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถูกข่มเหงถูกเบียดเบียน ถูกจับผิด         การช่วยเหลือตัวเองจึงสำคัญ ถ้าช่วยตัวเองไม่ได้ก็เป็นกาฝาก เป็นภาระแก่สังคม บ้านเมืองเราเดี๋ยวนี้มีคนประเภทชอบจับผิด ชอบแซวคนอื่นมากเหลือเกิน ตื่นเช้าออกจากบ้านเจอรถติด ก็โทษรัฐบาล ถ่ายไม่ออก กินข้าวไม่ลง ก็โทษรัฐบาล โทษสิ่งแวดล้อม โทษชาวบ้าน ในโลกนี้ไม่มีใครดี เห็นดีอยู่คนเดียวคือตัวเอง นี่คือสาเหตุแห่งความเดือดร้อนของคนทั้งโลก เกิดขึ้นเพราะคนที่มีลักษณะอย่างนี้ ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็แทบตายทั้งนั้น         ถ้าคนในสังคมไทยควบคุมตัวเองได้ ไม่จับผิดใคร แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองได้ ความสงบความสุขก็เกิดขึ้นมาได้         สังคมไทยหรือสังคมชาวพุทธตั้งแต่โบราณมา เป็นสังคมที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการควบคุมตัวเองได้ …

ทำอย่างไรจึงจะอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นสุข Read More »

ทำไมถึงต้องอยู่กลด

คำถาม: หลวงพ่อคะ ทำไมหลวงพ่อ และพระอาจารย์ จึงแนะนำให้อยู่กลดด้วย อยู่แล้วจะได้อะไรขึ้นมาบ้างคะ? คำตอบ: การอยู่กลดเป็นวิธีการที่เลียนแบบมาจากข้อปฏิบัติของพระภิกษุ เกี่ยวกับเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้แบบอย่างเอาไว้ เพราะทรงมองเห็นเหตุ 2 ประการ คือ         ประการแรก ในโลกนี้คนเรามีความรู้สึกอยู่ประการหนึ่ง คือ เมื่อเวลาตนมีความสุข แม้จะสุขมากก็รู้สึกว่าตนสุขน้อยกว่าคนอื่น สุขน้อยที่สุดในโลก แต่เวลามีทุกข์นิดเดียว ก็รู้สึกว่าเป็นทุกข์ที่สุดในโลก ทุกข์มากกว่าคนอื่น         ประการที่สอง คนเราแยกไม่ออกว่า อะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต อะไรเป็นส่วนเกิน หากสังเกตดูให้ดีจะพบว่า ปัญหาน้อยใหญ่ทั้งหลายที่เกิดขึ้น และทำให้โลกเดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะอะไร พูดโดยสรุปคือเราแยกไม่ออกว่า อะไรคือ need อะไรคือ want (need = จำเป็นต้องมี, want = ต้องการ, อยากได้)         เพราะฉะนั้นพออยากได้อะไรขึ้นมา ก็คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งจำเป็น เป็น need หมด ไม่ว่าข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม แม้ว่ามีแล้วเป็นสิบๆ ชุดอัดแน่นอยู่ในตู้ก็ยังไม่พอ อยากแบบนี้มันเพราะความจำเป็น หรือเป็นความทะยานอยากกันแน่ …

ทำไมถึงต้องอยู่กลด Read More »

ไม่ชอบหน้าสามี จึงอธิษฐานไม่ให้เจอกัน จะเป็นผลหรือไม่

คำถาม: ไม่ชอบขี้หน้าสามีที่บ้าน ฉะนั้นเวลาทำบุญจึงอธิษฐานว่าเกิดอีกกี่ชาติๆ ขอให้ห่างกันร้อยโยชน์พันโยชน์ คำอธิษฐานนี้จะเป็นผลหรือไม่ ถ้าไม่เป็นผลต้องทำอย่างไรคะ? คำตอบ: คุณเอ๋ย..อธิษฐานให้ตายก็หนีไม่พ้น จนกว่าคุณจะปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ แล้วอธิษฐานด้วยธรรมกายภายในของคุณ คือตอนนี้บุญก็ทำเรื่อยไป รักษาศีล 5 ให้ดี ขออนุญาตสามีรักษาศีล 8 บ้างในวันพระ วันอาทิตย์ แล้วอธิษฐานว่าชาติหน้าขอเกิดในพระพุทธศาสนา ขอบวชเสียเลยจะได้ไม่ต้องไปแต่งงานกับใครอีก ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ความจริง กรรมดี กรรมชั่ว จะกำหนดชีวิตในภพชาติเบื้องหน้าให้คุณเอง ถ้าคุณไม่ชอบหน้าสามีในชาตินี้ แล้วไปก่อกรรมทำเข็ญผูกกันไว้อีก อธิษฐานอย่างไรก็หนีไม่พ้นหรอก ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ ทำบุญแล้วก็นั่งสมาธิให้มากๆ ไม่ทันตายจาก คุณเองนั่นแหละจะใจเย็นขึ้น แล้วเลิกรำคาญสามี เลิกนิสัยไม่ชอบขี้หน้าคนโน้นคนนี้ง่ายๆ เสียได้ เรื่องนี้ให้ตายก็หนีไม่พ้น จนกว่าคุณจะตั้งใจนั่งสมาธิจนเข้าถึงธรรมกายในตัวได้ เพราะฉะนั้นอย่าขี้เกียจนั่งสมาธิ ถ้าขี้เกียจเมื่อไรละก็ ความขี้โกรธมันจะเข้ามาแทน ทำให้คุณผูกเวรกับสามีไม่รู้จักจบสิ้น กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตในชาติต่อไปอีก โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อคะ เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไรคะ? คำตอบ: การที่คนเราจะให้อภัยคนอื่นได้ มีความจำเป็นว่า จะต้องฝึกตัวฝึกใจให้มีคุณสมบัติดังนี้         1. ตรึกระลึกถึงคุณความดีของเขาที่มีต่อเรา ให้ทบทวนค้นหา มองดูทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้ใจของเราชื่นบานขึ้น         2. คิดถึงความผิดพลาดที่แม้เราเองก็เคยทำกับเขา หรือกับคนอื่นมาก่อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเขาจะทำกับเราบ้างก็เป็นเรื่องที่น่าอภัย เพราะต่างก็ยังไม่หมดกิเลสด้วยกันทั้งนั้น โอกาสผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้         3. คำนึงถึงโทษของการผูกโกรธ ว่าจะทำให้เดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยก็ทำให้ใจขุ่นมัว ถึงกับยิ้มไม่ออก หรือรุ่มร้อนขัดเคืองใจ จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ         4. นึกถึงคุณของการให้อภัย โดยเฉพาะในข้อที่ว่า ผู้ฆ่าความโกรธทิ้งเสียได้เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์นอนหลับเป็นสุข ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า “โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ผู้ฆ่าความโกรธได้ ย่อมอยู่เป็นสุข”         เมื่อหมั่นพิจารณาทบทวนถึงเหตุผลทั้ง 4 ประการนี้เป็นประจำ ก็จะทำให้จิตใจของเราละเอียดอ่อน มิเมตตา สามารถให้อภัยแต่ผู้อื่นได้ง่ายๆ แต่การที่ใครก็ตามจะสามารถตรองตามเหตุผลทั้ง 4 ประการนี้ได้ มีความจำเป็นว่าจะต้องหมั่นนั่งสมาธิแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายเป็นประจำทุกคืนก่อนนอน ใจจึงจะกว้างขวางมีคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมที่จะปะทะอารมณ์บูดเน่าของผู้อื่นได้ทุกรูปแบบ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา …

เราสามารถฝึกการให้อภัยได้อย่างไร Read More »

ทำอย่างไรจึงจะมีลูกดีได้

คำถาม: หลวงพ่อคะ พ่อแม่ควรจะเริ่มอบรมลูกตั้งแต่อายุเท่าไรคะ จึงจะไม่สายเกินไป? คำตอบ: ก่อนอื่นจะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า การถ่ายทอดนิสัยใจคอจากพ่อแม่ไปให้ลูกนั้นมี 2 ลักษณะ หรือ 2 ช่วง คือ         1. การถ่ายทอดลักษณะนิสัยใจคอทางกรรมพันธุ์ การถ่ายทอดลักษณะนี้ต้องทำในช่วงตั้งแต่ลูกยังไม่มาเกิด โดยทั่วไปเมื่อปฏิสนธิวิญญาณจะมาเกิดในครรภ์ของผู้ใด เขาจะต้องมีกรรม คือบุญหรือบาปใกล้เคียงกับผู้ที่จะมาเป็นพ่อเป็นแม่ในขณะนั้น         ดังนั้นถ้าคุณพ่อ คุณแม่มีร่างกายแข็งแรง ความประพฤติดี มีจิตใจดีงามแล้ว ก็มีโอกาสที่จะได้ปฏิสนธิวิญญาณที่ดี มาถือกำเนิดอยู่ในครรภ์ การอบรมลูก จึงควรเริ่มตั้งแต่ก่อนที่จะตั้งครรภ์ คือ คุณแม่ต้องอบรมความประพฤติของตัวเองให้ดี พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ สิ่งที่ไม่ดีให้เลิกเสียให้หมด รักษาศีล 5 ให้ดี เป็นการเตรียมพร้อมให้ปฏิสนธิวิญญาณที่ดีมาเกิด         นั่นคือ อย่างช้าที่สุด จะต้องเริ่มอบรมตัวเองให้ดีพร้อมในทันทีที่แต่งงาน และในทันทีที่รู้ตัวเองว่าตั้งครรภ์ ก็ยิ่งต้องพยายามทะนุถนอมลูกในครรภ์ให้ยิ่งขึ้นไปอีก คือต้องมีความระมัดระวังตัวให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการเดินการเคลื่อนไหวทุกๆ อิริยาบถ อาหารที่รับประทาน โดยเฉพาะพวกที่รสจัด พวกของหมักดองของเมา พวกยาต่างๆ หรือแม้แต่อารมณ์ที่ไม่ดี ก็ต้องระวังอย่าให้มากระทบกระทั่ง เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่ออุปนิสัยใจคอของเด็กทั้งสิ้น         2. การถ่ายทอดนิสัยใจคอจากสิ่งแวดล้อม หรือการอบรมเมื่อลูกคลอดออกมาลืมตาดูโลก …

ทำอย่างไรจึงจะมีลูกดีได้ Read More »

ทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย

คำถาม: เริ่มตัดใจเข้าวัดเมื่ออายุ 30 กว่า ย้อนนึกถึงเวลาที่ล่วงเลยมาแล้ว รู้สึกเสียดายยิ่งนัก มีปัญหาว่าจะทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย? คำตอบ: อยากจะเข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย ก็ต้องปลูกฝังอุปนิสัยไว้ตั้งแต่ตอนนี้ คือต้องมีความพอใจในการเข้าวัดเสียตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ผูกความพอใจไว้ให้มากเข้าๆ พูดง่ายๆ ปฏิบัติธรรมให้มาก คือทำทานให้มาก รักษาศีลให้มาก นั่งสมาธิให้มาก หายใจเข้าออกนึกถึงแต่วัด พอทำอย่างนี้จนเคยแม้แต่จวนใกล้ตาย ใจก็เกาะอยู่กับเรื่องวัด เรื่อง ศาสนาจนหมดลมหายใจ ถ้าทำได้อย่างนี้ เวลามาเกิด ใจมันจะยังเกาะอยู่ แล้วก็จะเข้าวัดได้ตั้งแต่เด็กๆ         สมัยพุทธกาล มีหลายท่านออกบวชตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เช่น เพราะทัพพมัลลบุตรออกบวชตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พอไม่นานก็เป็นพระอรหันต์ และเนื่องจากมีความรู้ความสามารถมาก มีความเชี่ยวชาญในสมาธิมากท่านเลยทำประโยชน์ให้กับพระพุทธศาสนา ให้กับวัดพระเชตวันได้มากมาย ท่านรับอาสาทำหน้าที่เป็นคนจัดดูแลเรื่องเสนาสนะ คือกุฏิสงฆ์หรือที่อยู่ของสงฆ์ได้เรียบร้อย อย่างที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าสามเณรอายุน้อยแค่นั้นจะทำได้         ในสมัยพุทธกาล วัดแต่ละวัดต้องรองรับพระภิกษุที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ จำนวนมากทั้งกลางวันและกลางคืน อย่างที่วัดพระเชตวันนั้นพระทัพพมัลลบุตรต้องจัดกุฎิสำหรับพระเป็นพันๆ รูปทีเดียว ต้องดูแลกันมาก เรื่องโรงครัวท่านก็ต้องดูแล ท่านรับอาสาเอง         ทีนี้เมื่องานมันใหญ่วัดพระเชตวันนี่พระภิกษุเข้าออก วันหนึ่งๆ เป็นพัน ท่านจึงมีภาระมาก และเมื่อท่านเป็นเพียงสามเณร ในการปกครองพระจำนวนมาก …

ทำอย่างไรชาติหน้าจะได้เข้าวัดตั้งแต่อายุยังน้อย Read More »

การทอดทิ้งครอบครัวออกบวช จะไม่บาปหรือ ในกรณีที่แต่งงาน มีบุตรแล้ว?

คำถาม: การทอดทิ้งครอบครัวออกบวช จะไม่บาปหรือ ในกรณีที่แต่งงาน มีบุตรแล้ว? คำตอบ: ถ้าเราหาเงินหาทองทิ้งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และมากพอที่จะสามารถเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี ก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร หรือจัดการให้ลูกมีงานทำ มีอาชีพเรียบร้อยไปแล้ว ตัวเองจะบวชก็บวชได้ แต่ว่าแน่นอน ถ้าเมียก็อดๆ อยากๆ ลูกก็อดๆ อยากๆ แล้วตัวมาบวช มันก็ไม่ถูก เพราะว่ามันจะไม่สงบ ทั้งลูกทั้งเมีย ทั้งตัวเองด้วย         ในกรณีนี้รอให้ลูกโตก่อนก็แล้วกัน ฟังให้ดีนะ สำหรับคนที่ยังไม่แต่งงาน ถ้าแต่งแล้วก็มักมีเรื่องให้ต้องมาบ่นอย่างนี้แหละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกผิดหวัง อยากฆ่าตัวตาย

คำถาม: หลวงพ่อครับ บางครั้งผิดหวังอย่างแรง นึกอยากฆ่าตัวตาย จะทำอย่างไรดีครับ? คำตอบ: คุณเอ๊ย..คนเราไม่ต้องฆ่าตัวเอง พอถึงเวลามันก็ตายอยู่แล้ว อย่าไปเสียเวลาคิดฆ่าตัวตายให้โง่อยู่เลย อย่างไรเสียมันต้องตายแน่ๆ แต่ว่าก่อนจะตายเราควรจะศึกษารับรู้ความจริงของชีวิตของโลกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวความโง่จะติดตัวไปทุกชาติ         ประการแรก คนเราตายแล้วไม่สูญ ถ้าตราบใดที่กิเลสยังไม่หมด ก็ยังต้องเกิดใหม่อีกวันยังค่ำ         ประการที่สอง เป็นธรรมดาของโลกที่ว่า การที่คนเราต้องประสบความทุกข์อย่างหนักหนาสาหัสขณะนี้ ไม่ใช่เพราะเทวดาฟ้าดินที่ไหนมาดลบันดาลหรือกลั่นแกล้ง แต่เกิดเพราะตัวเราเองนั่นแหละ ชาติที่แล้วเราสร้างบุญมาน้อย แถมยังสร้างบาปเอาไว้มาก ความทุกข์ความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลบาปที่เราก่อไว้นั่นเอง พูดง่ายๆ ทุกข์เพราะหนี้บาป         เพราะฉะนั้นแทนที่จะมาคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีทุกข์ สู้อยู่ผจญทุกข์เสียดีกว่า เป็นการอดทนใช้หนี้บาป ใช้ให้หมดเสียชาตินี้ จะได้ไม่ต้องลำบากในชาติหน้า แต่ถ้ารีบฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่ชาตินี้ หนี้กรรมเก่ามันก็ยังไม่หมด มิหนำซ้ำยังจะแถมเพิ่มความโง่เข้าไปในจิตวิญญาณอีกด้วย ชาติหน้าเลยทั้งโง่ ทั้งอายุสั้น ทั้งทุกข์ยากอีกสารพัด เลิกทำตัวเป็นคนขี้แยขี้แพ้เสียที         ดูซิ…แม้แต่มดปลวกตัวเล็กตัวน้อย มันยังกล้าเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากทนชดใช้หนี้กรรมของมัน แล้วเราเป็นคนมีสติปัญญาดีกว่ามันตั้งมากมายมหาศาล จะต้องมายอมแพ้อ่อนข้อท้อถอย รีบหนีหน้าฆ่าตัวตายไปจากโลกนี้ทำไมเล่า ทางที่ถูกควรทำอย่างนี้ซิ คือ เมื่อประสบความทุกข์หนักหนาสาหัสอย่างไรก็ตาม ให้พยายามใช้สติและปัญญาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้เต็มความสามารถ ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตา และหาโอกาสสร้างความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ทั้งให้ทาน รักษาศีล …

ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกผิดหวัง อยากฆ่าตัวตาย Read More »