หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว

คำถาม: คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว คำตอบ:      วัดพระธรรมกายเป็นวัดหนึ่งในบรรดาวัดทั้งหลายในบวรพระพุทธศาสนา มีพระภิกษุผู้บวชในร่มผ้ากาสาวพัสตร์จำนวนหลายพันรูปทุกรูปบวชตามธรรมวินัยอย่างถูกต้อง ดำรงตนอยู่ในศีล ๒๒๗ ข้อ เหมือนกับพระภิกษุทุกรูปในนิกายเถรวาท ดังนั้นโดยธรรมวินัยแล้ว พระทุกรูปก็คือ พุทธสาวกที่บวชเข้ามาอย่างถูกต้องตามธรรมวินัย เป็นผู้ศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้โดยชอบด้วยพระองค์เอง มีพระบรมศาสดาองค์เดียวกันกับชาวพุทธทั่วโลก ทั้งที่เป็นชาวพุทธเถรวาทและชาวพุทธทุกนิกาย      ชาวพุทธทั้งโลกเคารพนับถือพระบรมศาสดาอย่างไร วัดพระธรรมกายก็สอนให้เคารพนับถืออย่างนั้น      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลผู้รู้แจ้งความจริงของโลกและชีวิตว่าเป็นทุกข์โลกในแต่ละยุคจึงมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกที่เอาชนะทุกข์ด้วยการกำจัดกิเลสอันเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ได้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้ ในภพสามนี้อีกต่อไป แล้วก็นำความรู้ที่ใช้ดับทุกข์นั้นมาสอนให้ชาวโลกได้รู้ความจริงและปฏิบัติตาม      พระภิกษุสงฆ์ในฐานะพุทธสาวกก็ได้ศึกษาและปฏิบัติตามพระบรมครูเพื่อเป้าหมายเดียวกัน นั้นคือวันหนึ่งจะได้เข้าถึงธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้บ้าง จะได้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความบริสุทธิ์บริบูรณ์ อันเกิดจากสามารถปราบมารปหานกิเลสให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษเข้าถึงความสุขอันเป็นบรมสุขคือพระนิพพาน      พระภิกษุสงฆ์เมื่อปฏิบัติธรรมแล้วก็ทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา นำพระธรรมคำสอนของพระศาสดามาถ่ายทอดแผ่ขยายให้สาธุชนได้ศึกษาและปฏิบัติตามรอยบาทของพระบรมศาสดาผู้เป็นต้นบุญต้นแบบของการสร้างบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์      ดังนั้น หากจะตั้งคำถามอย่างเป็นกลาง ๆ ขึ้นก่อนว่า แนวทางดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาคืออะไร ก็ต้องตอบว่า การสร้างบารมี ๑๐ ทัศคือ แนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาเพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ตรัสรู้ได้ด้วยการฝึกฝนอบรมตนเองและดำเนินชีวิตมาตามแนวทางการสร้างบารมี ๑๐ ทัศนั้นเอง      คำสอนที่วัดพระธรรมกายนำมาสั่งสอนแนะนำอบรมถ่ายทอดให้สาธุชนทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามก็คือ การสร้างบารมี ๑๐ …

คำสอนของวัดพระธรรมกายถูกต้องตามแนวทางคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ทำไมถึงเน้นแต่การชวนคนทำบุญอย่างเดียว Read More »

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก

คำถาม:           อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมโลก เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายจนบานปลาย ไปสู่ความแตกแยก บางครั้งก็รุนแรง ถึงขั้นเกิดสงครามโลก คำตอบ: หลวงพ่อเกิดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๘๓ เป็นภาวะที่ขณะนั้นใกล้สงครามโลกครั้งที่ ๒ เต็มที ในช่วงนั้น ถ้าจะว่าไปแล้วประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะคับขัน ถูกอำนาจทางการเมืองโลก รวมทั้ง สภาพเศรษฐกิจสังคมทั่วโลก บีบเข้ามาอย่างแรง แล้วผลที่ตามมาก็คือ ความระส่ำระสายทั้งประเทศไทย และความไม่สงบเรียบร้อยในพระพุทธศาสนาก็เกิดขึ้นเป็นอันมาก แต่พวกเราซึ่งเกิด มาในภายหลังไม่ค่อยจะรู้กัน จะมีก็แต่หลวงปู่ หลวงพ่อ บางรูปในยุคนั้นเท่านั้นเอง สภาพต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบกระเทือนอย่างยิ่งในกาลต่อมา      เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ ระเบิดขึ้น ถ้ามองในสายตาของชาวโลก ก็บอกว่าเพราะประเทศนั้นประเทศนี้ เป็นตัวต้นเหตุ ในแง่ของประวัติศาสตร์ ก็มักจะโทษประเทศญี่ปุ่นและประเทศเยอรมัน ว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ทำให้สงครามโลกเกิดขึ้น ผู้คนต้องล้มตายกันมากมาย นี้คือการมองแบบชาวโลก มองในแง่ของประวัติศาสตร์      แต่ถ้ามองแบบชาวพุทธมอง เราไม่ได้มองอย่างนั้น เรามองว่าขณะนี้มารฝูงใหญ่ ๆ ฝูงหนึ่ง ที่เรียกกันว่า “กิเลสมาร” กำลังอาละวาดด้วยการแทรกเข้าไปอยู่ในใจคน แล้วทำให้คนโลภ โกรธ …

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้สังคมแตกแยก Read More »

การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร

คำถาม: การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร คำตอบ:      ชีวิตประกอบด้วยกายและใจ กายต้องสืบต่อด้วยอาหารอยู่ทุกวัน ใจก็สืบต่อด้วยการหล่อเลี้ยงด้วยธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกวันเช่นกัน ซึ่งพุทธบริษัท ๔ ต่างช่วยกันสืบต่อสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอยู่ทุกวันด้วยข้าวปลาอาหาร      เมื่อญาติโยมอุบาสกอุบาสิกามาถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุ-สามเณรแล้ว พระภิกษุ-สามเณรจะได้สวดมนต์ให้พร      การสวดมนต์ คือ การรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ ผู้ที่จะสวดจึงต้องทำความเข้าใจให้ถูกว่า มนต์ที่สวดไปนั้นแปลว่าอะไร จึงจะเกิดความซาบซึ้งในเนื้อหา และจะได้สวดมนต์อย่างเต็มเสียงด้วยความปลื้มใจว่า เรากำลังกล่าวถ้อยคำแห่งธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นการแสดงความเคารพต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อพระธรรม และต่อพระสงฆ์ ด้วยวาจาอันบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ถ้าผู้สวดมีใจสงบ ขณะที่กำลังสวดมนต์ก็นำใจไปตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางกาย ทำใจนิ่ง ๆอย่างนั้นใจผู้ฟังจะนิ่งตาม สงบตาม แม้ไม่เคยทำสมาธิ ใจก็จะสงบตามไปด้วย ความสงบใจขณะฟังเสียงให้พรนี้เอง จะทำให้ใจของญาติโยมจรดเข้าศูนย์กลางกายได้ง่ายตามเสียงสวดของพระ แม้ไม่ทราบคำแปล แต่ว่าเป็นเสียงที่เปล่งออกจากศูนย์กลางกาย ที่ทำให้ใจสงบ โยมก็ปลื้มใจ บุญก็เกิดขึ้นโดยง่ายอีกเหมือนกันทั้งที่ไม่ทราบคำแปลเรื่องนี้เคยมีตัวอย่างจริงเกิดขึ้นมาแล้วในต่างประเทศ เหมือนที่เราติดตามช่อง DMCแล้วก็มีจดหมายที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยของเรานำมาอ่านให้ฟังว่ามีชาวต่างชาติหลาย ๆ คน ที่ไม่รู้ภาษาไทย แต่ก็ชอบมานั่งฟัง DMC ทั้งที่ไม่รู้ภาษาไทยสักคำเดียว เขาบอกว่าฟังเสียงหลวงพ่อแล้วสบายใจ      ถามว่าฟังภาษาไทยไม่ออกแล้วทำไมสบายใจ ก็เพราะเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเปล่งออกมาจากศูนย์กลางกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ท่านนำนั่งสมาธิ ท่านพูดในขณะกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิ เสียงของท่านจึงออกมาจากศูนย์กลางกายที่ดิ่งลงไป ฉะนั้นผู้ฟังจะฟังออกหรือไม่ออก จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจความหมายก็จะรู้สึกชื่นใจ …

การสวดมนต์ให้พรของพระสงฆ์มีส่วนช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างไร Read More »

ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง

     คำถาม : จีวรของพระสงค์จะต้องเป็นสีเหลือง หรือสีกรักเสมอไปหรือไม่ ..เพราะว่ามีชาวต่างชาติสงสัยถามว่าทำไม พระสงฆ์ถึงต้องห่มตัวสีเหลืองด้วย      คำตอบ : ถ้าว่าไปแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล สีจีวรของพระโดยทั่วไป จะไม่ค่อยสม่ำเสมอ สาเหตุที่เป็น เช่นนี้ก็เพราะว่า ตั้งแต่สมัยพุทธกาลนั้น การย้อมสีจีวรพระท่านจะใช้พวกแก่นไม้ ยางไม้มาย้อม เมื่อใช้ยางจากผลไม้ จากแก่นไม้มาย้อม สีจึงไม่สม่ำเสมอ อย่าว่าแต่เป็นแก่นไม้ต่างประเภทกันเลย แม้แต่แก่นไม้ชนีดเดียวกัน สีก็ไม่สม่ำเสมอ        ตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยประถม มัธยม อยู่ต่างจังหวัด หลวงพ่อเคยไปช่วยรุ่นน้า รุ่นอา เขาย้อม จีวรกัน สมัยโน้นเขาใช้แก่นขนุนมาย้อม พวกแก่นขนุนสีมันจะออกเข้ม ๆ แต่ว่าบางต้น บางพันธุ์ แม้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันก็มีสีเข้มจัดจนกระทั่งคล้ำ ในขณะที่ขนุนบางต้น บางพันธุ์ สีจะออก เหลือง ๆ คล้าย ๆ ดอกจำปา ความสม่ำเสมอของสีจากแก่นไม้มันไม่มี      เพราะฉะนั้นตั้งแต่สมัยพุทธกาลท่านจึงใช้คำว่าย้อมฝาด คือ ย้อมแล้วเป็นการรักษาคุณภาพของผ้าด้วย คือ …

ทำไม ? จีวรต้องเป็นสีเหลือง Read More »

เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?

คำถาม: เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ? คำตอบ:       มนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้ต่างก็ประสบกับชะตากรรมเหมือนกัน คือต้องประสบทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย การพลัดพราก และทุกข์นานาประการร่วมกัน      การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นหน้าที่ของชาวพุทธที่จะช่วยกันจรรโลงรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไปสู่ใจชาวโลก เพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ทั้งผองให้พวกเขาได้อาศัยธรรมะเป็นที่พึ่งที่ระลึกเป็นที่เกาะเกี่ยวของใจและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้อยู่ในครรลองที่ก่อประโยชน์สุขให้แก่ตนเองและผู้อื่น ไม่เบียดเบียน ไม่สร้างความเดือดร้อน ไม่ก่อทุกข์ ไม่ก่อบาป เป็นหนทางที่จะสลัดตนออกจากกองทุกข์ เข้าถึงบรมสุขคือนิพพานในภพชาติสุดท้ายได้ในที่สุด      ถ้าเราช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างนี้ จึงจะเรียกได้ว่าเป็นการจรรโลงโลกไว้ให้เป็นสถานที่ที่มนุษย์มีโอกาสสร้างความสุขความเจริญให้แก่ชีวิตตนต่อไปได้      การเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั้น คือการที่พุทธบริษัททั้ง ๔ ได้ดำเนินตามรอยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้ไว้ คือ มีพระพุทธประสงค์ให้พุทธสาวกประกาศพระศาสนาออกไปเพื่อประโยชน์แก่มหาชนทั้งหลาย เพราะผู้มีธุลีน้อยในดวงตา (กิเลสเบาบาง) ยังมีอยู่เมื่อไดฟังพระสัทธรรมแล้วจะสามารถเข้าใจตามทันได้      ชาวพุทธทุกคนเมื่อศึกษาและปฏิบัติธรรมแล้ว ควรจะทำหน้าที่เป็นนักเผยแผ่ต่อไปด้วยถ้าได้ฝึกฝนฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมให้ดีก็จะทำหน้าที่ในด้านการเผยแผ่นี้ได้อย่างมีคุณภาพ และที่สำคัญเป็นการสั่งสมบุญใหญ่ของตนเอาไว้ จะได้บุญมาก เป็นบุญละเอียดบุญประณีต ในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาแต่การเผยแผ่พระพุทธศาสนาจะได้ผลดีเพียงใดนั้น ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ “คุณภาพของนักเผยแผ่” ด้วย คุณสมบัติขั้นพื้นฐานของนักเผยแผ่ที่ดีมีอยู่ ๓ ประการ           ๑. มีความรับผิดชอบตัวเอง   …

เราจะพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ? Read More »

เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ?

คำถาม: เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ? คำตอบ:      ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น พระองค์ทรงมอบหน้าที่สำคัญยิ่งให้แก่ชาวพุทธไว้ ๔ ประการ โดยตรัสเรื่องนี้กับพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก เพื่อให้นำไปประกาศให้ชาวพุทธรับรู้รับทราบและปฏิบัติตามกันอย่างทั่วถึง      ประการที่ ๑ คือ หน้าที่ศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า      การศึกษาธรรมะของชาวพุทธ หากใครมีสติปัญญาอ่านออกเขียนได้ ก็ให้ศึกษาไปให้ถึงพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นพระคัมภีร์สำคัญของพระพุทธศาสนา เพราะพระไตรปิฎกเกิดขึ้นจากพระอรหันตสาวกรวบรวมพระธรรมและพระวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนประกาศศาสนาไว้ตลอด ๔๕ พรรษา มารวมเป็นหมวดหมู่ไว้ที่เดียวกัน เพื่อให้คนรุ่นหลังค้นคว้าได้สะดวกยิ่งขึ้น      การศึกษาจากพระไตรปิฎกเป็นเรื่องสำคัญเพราะเราจะได้ศึกษาไปให้ถึงต้นตอของคำสอนในพระพุทธศาสนา หากจะอาศัยเพียงการฟังเทศน์ ฟังคำบอกเล่า หรือเพียงการทำตามขนบธรรมเนียมประเพณีตั้งแต่โบราณมาเกรงว่าจะได้ประโยชน์ไม่เต็มที่ เพราะอาจมีการตกหล่นไปบ้าง      คนรุ่นก่อนที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ มีวิธีศึกษาจดจำธรรมะของพระพุทธองค์โดยการฟังพระสวดมนต์แล้วก็จำเอาไว้ในใจปู่ย่าตายายท่านจึงสวดมนต์กันได้คล่องเลยเพราะว่าท่านอาศัยความจำของท่าน อาศัยที่ใจท่านไม่คิดวุ่นวายเมื่อใจไม่วุ่นวาย ใจจดจ่ออยู่กับการฟังเทศน์ อยู่กับการสวดมนต์ ฉะนั้นแม้ท่านอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่ว่าท่านก็สวดมนต์ได้ เวลาพระเทศน์ท่านก็จำได้ เพราะใจจดจ่อจดจำ จึงจำได้ขึ้นใจ      ประการที่ ๒ คือ หน้าที่ลงมือปฏิบัติตามธรรมะที่ได้ศึกษามาอย่างจริงจัง      ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อผู้นั้นลงมือปฏิบัติ เพราะโลกนี้เป็นเรื่องของเหตุและผล ผลจะเกิดต่อเมื่อได้ทำเหตุไว้ก่อน …

เราจะปลูกฝังให้ลูกหลานทำหน้าที่ชาวพุทธให้สมบูรณ์ได้อย่างไร ? Read More »

เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง

คำถาม: เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง คำตอบ:      การงานใด ๆ ไม่มีคำว่าเล็กหรือใหญ่ไป เพราะทุกงานที่ทำมีผลโดยตรงต่อชีวิตของเราและส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเสมอ ทัศนคติที่ดีและถูกต้องในการทำงานจะนำมาซึ่งความสำเร็จในชีวิต      หลวงพ่อเคยเล่าให้พวกเราบางกลุ่มฟังแล้ว วันนี้จะขอฉายซ้ำ เมื่อสร้างวัดได้ประมาณ  ๗ ปี ๘ ปี ยังไม่ถึง ๑๐ พรรษา ตอนนั้นหลวงพ่อมีคนงานปลูกต้นไม้อยู่ประมาณ ๓๐ คน วันหนึ่งประมาณบ่าย ๒ โมง ขณะที่เด็กคนงานปลูกต้นไม้กันอยู่ มีทั้งเด็กผู้หญิง ผู้ชาย พวกเขาทำงานไปก็คุยกันไป เสียงอาจจะดังรบกวนเข้าไปถึงกุฏิคุณยาย ท่านเลยเดินออกมา      มาถึงท่านก็ถามเด็ก ตอนนั้นหลวงพ่ออยู่ด้วย ท่านถามด้วยคำถามอย่างนี้ “ไอ้หนูเอ๊ย เอ็งปลูกต้นไม้ เอ็งคิดอะไรกันบ้างไหม”      ท่านไล่ถามทีละคน หลวงพ่อยืนฟังอยู่ ยังจำได้ คนที่ตอบทุกคน แบ่งออกได้เป็น ๔ กลุ่ม      กลุ่มที่ ๑ เป็นพวกเด็กใหม่ บอกว่าเวลาปลูกต้นไม้ไม่ได้คิดอะไร ได้แต่นึกอย่างเดียว  ‘เจ้าประคุณ ต้นไม้ต้นกล้าอย่าตายนะ …

เราควรจะเลือกทำงานด้วยทัศนคติอย่างไรที่จะส่งผลให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง Read More »

เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?

คำถาม: เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?” คำตอบ:     ร่างกายของเรานี้ประกอบด้วยธาตุสี่ที่ไม่บริสุทธิ์จึงเสื่อมสลายตลอดเวลา ทำให้ต้องหา ธาตุสี่จากภายนอกมาเติมเข้าไปอยู่เรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ดังที่เราต้องประกอบกรรมต่างๆ เพื่อการเติมธาตุสี่ แต่กายนั้นก็ทำกรรมตามที่ใจของเราเป็นตัวสั่งการ ส่วนของใจทำหน้าที่รู้และคิด ส่วนของกายพูดและทำ     กายที่ไม่บริสุทธิ์เกิดจากใจที่ไม่บริสุทธิ์ ใจนั้นเป็นธาตุรู้ เป็นธาตุละเอียด มีที่อยู่ภายในกาย ทำหน้าที่เห็น จำ คิด รู้ ถูกกิเลสซึ่งเป็นธาตุละเอียดที่สกปรกแทรกอยู่ในใจ ทำให้ใจไม่บริสุทธิ์ การเห็น จำ คิด รู้ของใจจึงไม่ชัดแจ่ม จึงไม่ถูกต้องไปตามความเป็นจริง เพราะถูกกิเลสบดบัง     เมื่อใจตกอยู่ในอำนาจกิเลส ใจจึงคิดผิด สั่งให้กายพูดผิด ๆ และทำผิด ๆ กายจึงไม่บริสุทธิ์ไปตามใจที่ไม่บริสุทธิ์     มนุษย์เราสามารถที่จะแก้ไขใจที่ไม่บริสุทธิ์ด้วยกิเลส ให้กลับคืนมาบริสุทธิ์และหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลสได้ด้วย “ธรรม” ซึ่งมีอยู่แล้วภายในกายของมนุษย์ทุกคน     “ธรรม” เป็นธรรมชาติที่สะอาด บริสุทธิ์ สว่าง มีอยู่ในตัวเราทุกคน เมื่อใดที่ใจของเรา เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมเหมือนไข่แดงรวมอยู่ในกลางไข่ขาว ธรรมอันบริสุทธิ์จะ กลั่นกรองใจให้สะอาดบริสุทธิ์ขึ้นเป็นลำดับ ๆ …

เราควรปฏิบัติตนอย่างไรในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ให้เหมาะสมแก่การฝึกสมาธิและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงธรรม?
Read More »

ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?

คำถาม: ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?” คำตอบ:      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเตือนชาวโลกไว้ว่า พวกเธอเกิดมาพร้อมกับอวิชชา คือ ความไม่รู้จักตัวเอง ถ้ายังปล่อยให้เป็นสภาพนี้ต่อไปเธอทั้งหลายก็ยังต้องเวียนเกิดเวียนตายไม่รู้จบถ้าจะเลิกเวียนเกิดเวียนตาย เธอจะต้องรีบฝึกตัวเองให้รู้จักตนเองให้ได้ว่า เราเป็นใคร ก่อนเกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ตายแล้วจะไปไหน และจะดับทุกข์ดับกิเลสได้อย่างไร      การที่นักสร้างบารมีหรือผู้ที่รักในการทำความดีทั้งหลายมักจะปรารภการสร้างบุญสร้างบารมีสร้างความดีของตัวเองเป็นประจำนัน้ เพราะเขาตระหนกั ถึงความจริงที่ว่ามนุษย์ต่างเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้จักตัวเอง      ก่อนเกิดเรามาจากไหน เกิดมาทำไมเกิดมาทำอะไรก็ไม่รู้ อะไรควรทำ อะไรที่ไม่ควรทำก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเกิดมาแล้วต้องตาย แต่ตายแล้วจะไปไหนก็ยิ่งไม่รู้      เมื่อไม่รู้อะไรเลย มนุษย์จะทำแต่สิ่งที่ถูกที่ควรย่อมเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่รู้มากเท่าไร โอกาสที่จะทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดก็มีมากขึ้นเท่านั้น นี่เป็นอันตรายใหญ่หลวงของชีวิตมนุษย์ความไม่รู้จักตัวเองคือเรื่องที่ต้องแก้ให้ได้ เพราะว่าต้องการจะรู้คำตอบนี้ จึงต้องตั้งใจเข้าวัดปฏิบัติธรรม เพื่อศึกษาธรรมะตามที่บรรพบุรุษของเราทำตามกันมา ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้สติเอาไว้      การหาคำตอบเพื่อขจัดความไม่รู้จักตัวเองนั้น จะได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรมตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ในพระพุทธศาสนาจนกระทั่งใจหยุดใจนิ่ง ใจใสมากพอ ส่วนวิธีการอื่นใดที่นอกเหนือจากการประพฤติปฏิบัตินี้ไม่มี ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยืนยันไว้ว่า การปฏิบัติมรรคมีองค์ ๘ นั้น เป็นเส้นทางสายเดียวที่จะกำจัดอวิชชา เพื่อจะไปรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิตของเราได้      บางท่านได้ฟังแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากในยุคนี้พวกเราไม่ได้พบกับคุณยายอาจารย์ฯ …

ถ้าเราอยากฝึกสมาธิจนถึงขั้นระลึกชาติได้ในภพชาติต่อไป
เราควรสั่งสมบุญบารมีอย่างไรตั้งแต่ในวันนี้?
Read More »

คนพานมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ มงคลชีวิตข้อแรก สอนให้เราไม่คบคนพาล ก่อนอื่นอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีผลเสียอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  การจะดูว่า ใครเป็นคนพาลหรือคนดีนั้น ยากพอสมควร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มาตรฐานในการวัดมาตรฐานคนไว้ คือเอากรรมหรือการกระทำเป็นตัววัด คือคนทำกรรมดีก็เรียกว่าคนดี คนทำกรรมชั่วก็เรียกว่าคนชั่ว             คนพาลคือ คนที่มีนิสัยคิดและทำความชั่วเป็นปกติ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเป็นปกติ ไม่ใช่นานๆ ครั้ง ไม่ใช่พลั้งเผลอ แต่เป็นอาชีพ เป็นอาจิณเลย             ตั้งแต่คิดโลภ พยาบาท เอาเปรียบ อิจฉาตาร้อน เป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่าคิดชั่ว             พูดชั่ว โกหก พูดคำหยาบ ใส่ความเขา นินทาเขาเป็นประจำ             ทำชั่วเป็นปกติ ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขโมย คอรัปชั่น ใต้โต๊ะ บนโต๊ะแล้วก็ประพฤติผิดในกามเป็นประจำ             คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นประจำอย่างนี้ ท่านเรียกว่าคนพาล คือชั่วจนกระทั่งเป็นนิสัยประจำของเขา ทางพระเรียกว่าคนพาล ชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว  …

คนพานมีลักษณะอย่างไร Read More »