หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

ทำไมคนโบราณถึงบอกว่า คนที่มีความกตัญญูกตเวที ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ  ลูกขอเรียนถามท่าน คนโบราณบอกไว้ว่าคนที่มีความกตัญญูกตเวที  ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง  ลูกอยากทราบว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นคะ  คำตอบ: เจริญพร คนที่มีความกตัญญูกตเวทีก็คือคนที่รู้คุณ แล้วก็รักที่จะประกาศคุณ  ซึ่งเคยได้รับมาจากผู้อื่น  พูดอีกทีหนึ่ง  คนที่มีความกตัญญูกตเวที  เขาเป็นคนโชคดีตั้งแต่เริ่มต้น  โชคดีตรงไหน  โชคดีตรงที่เขาเกิดมา  เขาก็ได้เจอคนดี คนมีน้ำใจ  เพราะเขาเคยได้รับน้ำใจมาจากคนดี          บางคนตลอดชีวิตไม่เคยมีใครหยิบยื่นพระคุณมาให้กับเขาเลย  ไม่ว่าเขาจะตกทุกข์ได้ยากอย่างไร  ไม่เคยมีใครหยิบยื่นมาโอบอุ้ม มาช่วยเหลือ มาหอบหิ้วเขาเลย  เมื่อเป็นเช่นนั้น  เขามีความรู้สึกอย่างไร?  เขาจะรู้สึกว่าโลกทั้งโลกมีแต่ความแห้งแล้ง  มีแต่คนใจแคบ  มีแต่ตัวใครตัวมัน  แต่ว่าเขาเป็นคนโชคดี เขาได้เจอคนดี ที่พร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้  แล้วเขาก็ได้รับด้วยตัวของเขาเอง          ถ้าคนๆ นี้เขาได้คิดอย่างที่ว่านี้  เพราะว่าเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว  เมื่อเขาได้รับความมีน้ำใจมาแล้ว  เขาก็รู้คุณค่าของความมีน้ำใจนั้นด้วย  นั่นแหละเขาเรียกว่าคนมีความกตัญญู  คือคนรู้คุณ  ที่เขาเคยทำให้กับตัวเอง         แต่ถ้าคนไหน ทั้งๆ ที่เขายื่นมือมาช่วยเหลือ  ทำให้ตัวพ้นทุกข์พ้นยาก  แล้วก็ยังนึกถึงคุณเขาไม่ออก  ฟ้องว่าอะไร?  ฟ้องว่าคนนี้ใจบอดเสียแล้ว  ตาของเขาอาจจะยังดีอยู่  แต่ใจของเขามันบอด  บอดตรงที่มองความดีของคนอื่นไม่เห็น  ทั้งๆ …

ทำไมคนโบราณถึงบอกว่า คนที่มีความกตัญญูกตเวที ชีวิตของเขาจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง Read More »

การที่เราซื้อไข่เป็ด ไข่ไก่ตามตลาดมาทำอาหาร ถือว่าเป็นการทำปาณาติบาตหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ กราบเรียนถามต่อว่าการที่เราซื้อไข่เป็ด ไข่ไก่ตามตลาดมาทำอาหาร ถือว่าเป็นการทำปาณาติบาตหรือไม่เจ้าคะ คำตอบ: อาหารประเภทไข่เป็ดไข่ไก่นี้ เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ระวังกันหน่อยก็จะดี คือไข่ที่มันมีอยู่ในท้องตลาดในยุคปัจจุบันนี้ ค่อนข้างจะเป็นไข่สดๆ คือไม่ได้เก็บทิ้งกันไว้นาน เพราะว่ามีการเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่กันเป็นอาชีพ ไม่ใช่ไปเก็บเอาไข่ไก่ไข่เป็ดที่มันทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่ในป่ามา             ไข่เป็ดไข่ไก่ที่มีอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันนี้ ส่วนมากแล้วเป็นไข่เป็ดไข่ไก่ที่ไม่มีเชื้อตัวผู้อยู่ด้วย เพราะว่าเขาแยกกันออกไปเลย เขาแยกพ่อพันธุ์ไก่ พ่อพันธุ์เป็ดออกไป ไม่เอามาเลี้ยงปนกัน เพราะฉะนั้นไข่ประเภทนี้ถึงจะเอาไปฟัก เอาไปทำอะไร มันไม่มีทางที่จะมีชีวิต ไม่มีทางที่จะเป็นตัวขึ้นมาได้เลย ไข่ประเภทนี้จะกินไปกี่ร้อยกี่พันฟองก็ไม่บาปหรอก แต่ระวังไฮคอเรสเตอรอลนะ ถ้ากินมากไป  คอเรสเตอรอลสูงจะมีผลต่อสุขภาพ             ไข่ประเภทที่ ๒ เป็นไข่ที่เขาก็เอาไปผสมแล้ว คือมีตัวผู้พ่อพันธุ์มาผสมด้วย ซึ่งถ้าไข่ประเภทนี้ถ้าเขายังไม่ได้นำไปฟัก ชีวิตก็ยังไม่เกิดอีกเหมือนกัน  เพราะว่าชีวิตจะเกิดต่อเมื่อฟักแล้ว มันเริ่มจะเป็นตัวขึ้นมา ที่ใช้คำว่าเป็นตัว มันเริ่มตั้งแต่ตอนเวลามันฟักไข่ใหม่ๆสักวัน ๒ วัน เราก็เอาไข่ของมันไปส่องไฟฉายเลยก็ได้ จะพบว่ามันยังใสอยู่ ไม่มีอะไร              แต่พอเข้าวันที่ ๕ วันที่ ๗ มันจะเริ่มมีจุดแล้ว มีสายเลือดด้วย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิต มันต้องใช้อากาศหายใจ หรือว่ามันเริ่มจะมีปราณแล้ว มีลมหายใจ แล้วจากนั้นมันก็เริ่มก่อตัว โตขึ้นๆ จากเป็นจุดกลายเป็นก้อน จากเป็นก้อนก็กลายเป็นตัว จากเป็นตัวก็มีขน มีอะไรต่ออะไรเกิดขึ้นมา พอครบเดือนมันก็เจาะเปลือกไข่ออกมาเป็นตัว             ถ้าไข่นั้นมันเริ่มเป็นจุด มีเส้นเลือดขึ้นมาแล้ว แสดงว่ามันเริ่มมีชีวิต มันเริ่มมีปราณ ถ้าใครเอาไข่ที่มาถึงตรงนี้ไปกินแล้ว นั่นคือฆ่าสัตว์ ตรงนั้นมีบาป แต่ว่าไข่ที่ยังไม่ได้เอาไปฟัก ถึงแม้มันจะผสมกัน แต่มันไม่ได้ฟัก มันไม่มีตัวขึ้นมา เพราะฉะนั้นถึงจะกินเข้าไป มันก็ไม่มีบาปอะไร             ตรงนี้อย่าไปปนกันกับ ไข่จิ้งจก ไข่ตุ๊กแกนะ มันไม่ต้องฟัก หรืองู …

การที่เราซื้อไข่เป็ด ไข่ไก่ตามตลาดมาทำอาหาร ถือว่าเป็นการทำปาณาติบาตหรือไม่ Read More »

ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา ได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าค่ะ  หลวงพ่อเคยเทศน์ไว้ว่า   ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา  อยากถามว่าความกตัญญูจะทำให้เกิดปัญญาได้อย่างไรคะ? คำตอบ: เจริญพร  “ความกตัญญู” เป็นต้นเหตุสำคัญที่จะทำให้คนเกิดปัญญา  ซึ่งในที่นี้จะยกตัวอย่างขั้นต้น   พระสารีบุตร ได้ชื่อว่าเป็นอัครสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปรียบเสมือนแขนขวาของพระองค์  เลิศด้วยปัญญา   ตลอดชีวิตของพระสารีบุตร  ท่านมีแต่ความกตัญญูกตเวทีต่อครูบาอาจารย์ของท่านเป็นอย่างยิ่ง          เรื่องได้เคยบันทึกเอาไว้ในพระไตรปิฎก  ก่อนที่ท่านจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ท่านเคยมีครูอยู่ในศาสนาอื่น  ต่อมาท่านก็พบว่าคำสอนในลัทธิ ศาสนานั้นช่วยให้พ้นทุกข์ไม่ได้ ท่านก็ลาอาจารย์เที่ยวแสวงหาอาจารย์ใหม่จนกระทั่งมาเจอพระอรหันต์รูปหนึ่ง  พระอรหันต์รูปนั้นสอนพระสารีบุตรสั้นๆ แล้วก็ได้  บรรลุธรรมขั้นต้นเป็นพระโสดาบัน          พอบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันขั้นต้นแล้ว   ท่านก็รีบไปหาอาจารย์เก่าของท่าน  พยายามไปชักชวนให้อาจารย์เก่าของท่าน ไปหาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะได้พ้นทุกข์ตามมา  แต่ว่าไปด้วยอำนาจแห่งความกตัญญูกตเวทีของท่าน  แต่น่าเสียดายครูเก่าของท่านไม่ยอมไป  ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า  พระสารีบุตรท่านทำดีที่สุดแล้ว         จากนั้นมาเมื่อท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว  ทุกคืนก่อนที่ท่านจะจำวัด ท่านจะต้องนั่งเข้าที่ทำสมาธิตรวจดูก่อนว่าอาจารย์ของท่านที่เป็นพระอรหันต์  ไปประกาศศาสนาอยู่ทางทิศไหน  ไปโปรดชาวโลกอยู่ทางทิศไหน  เมื่อพบแล้ว  ท่านก็หันศีรษะไปทางนั้นก่อนนอน  กราบเสร็จก็หันศีรษะไปทางครู  คือถ้ายังทำอะไรอยู่  อย่างน้อยก็เอาอวัยวะส่วนที่สูงที่สุดในร่างกายคือศีรษะหันไปบูชาครู  นี่คือจิตใจของท่าน         ส่วนอะไรที่ทำให้กับครูบาอาจารย์ท่านได้  ท่านทำเต็มที่  ถ้าวันนั้นทำไม่ได้  อย่างน้อยหันศีรษะไปบูชาครูก่อนนอนก็ยังดี  นี่คือจิตใจของท่าน และตรงนี้เองที่เป็นนิสัยติดตัวของท่านมาข้ามภพข้ามชาติ …

ความกตัญญูทำให้เกิดปัญญา ได้อย่างไร Read More »

แพทย์โกหกเพื่อให้คนไข้สบายใจ เป็นบาปหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อครับ คนส่วนใหญ่คิดว่า การโกหกเพื่อให้คนสบายใจ เช่น แพทย์ปิดบังความจริงกับคนป่วยหนัก เพื่อให้เขาสบายใจ การโกหกอย่างนี้ไม่น่าจะเป็นบาป เราจะอธิบายให้เขาเข้าใจถูกต้อง ได้อย่างไรครับ  คำตอบ:  ครั้งใดที่เราโกหก ครั้งนั้นฟ้องว่า ความกล้าในการเผชิญต่อความจริงของเราได้สูญเสียไป โกหกแต่ละครั้ง ก็ทำให้ความกล้าในการเผชิญกับความจริงลดไปทุกครั้ง ในที่สุดคนอื่นจะเสียหายหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือกำลังใจของเราถดถอยลงไปทุกวัน ตรงนี้ที่บาปมันเกิดแล้ว ส่วนคนฟังจะเป็นอย่างไร ก็อีกเรื่องหนึ่ง เอาตัวให้รอดก่อนช่วยคนไข้ แต่เราอาการปางตายเข้าไปทุกวัน หลวงพ่อว่าไม่คุ้มหรอก             ครั้งใดที่เราจะโกหกนอกจาก จะทำให้กำลังใจในการเผชิญกับความจริงหมดไปยังไม่พอ เวลาเราจะพูดอะไรเราต้องคิดก่อนทั้งนั้น ทันทีที่เราคิดตามความเป็นจริง ภาพมันก็จะปรากฏขึ้นในใจเราชัดเจนเหมือนในจอทีวี ถ้าเราโกหกเมื่อไหร่ เราจะต้องล้มภาพนั้นทิ้ง โกหกแต่ละครั้งก็เท่ากับล้มภาพนั้นทิ้งแต่ละครั้งเหมือนกัน เวลาเราดูทีวีบางครั้งเครื่องมันรวน ภาพในจอทีวีพอขึ้นมาแล้วก็ล้ม ทีวีประเภทนี้ถ้าไม่รีบซ่อมก็รีบเอาไปโยนทิ้งนะ              เราก็เหมือนกันถ้าโกหกไปเรื่อยๆ ก็คือหลอกตัวเองหรือล้มภาพทางใจที่ดีงาม ชัดเจนทิ้ง ต่อไปเวลาคิดอะไรภาพมันเริ่มไม่ชัด หรือภาพที่คิดแล้วชัดแล้ว แต่ตัวเองเกิดความไม่มั่นใจขึ้นมา เนื่องจากล้มทิ้งเสียจนเคย ตรงนี้อันตราย เพราะนอกจากล้มทิ้งแล้ว เราไปตั้งภาพหลอกขึ้นมาซ้อนอีกภาพหนึ่ง ทำให้ภาพที่เกิดขึ้นเป็นทั้งภาพจริงและภาพหลอก มันจะซ้อนถูกบันทึกกันไว้ในใจ เมื่อบันทึกไว้ในใจ พอเราพูดก็ตอกย้ำลงไปอีก พูดเท็จก็ตอกย้ำภาพเท็จ ย้ำลงไปเรื่อยๆ             คุณภาพใจของคนที่พูดเท็จนั้นเสียหมดเลย เพราะเหตุที่คุณภาพทางใจของคนพูดเท็จมันเสียไปเรื่อยๆนี่แหละ ทุกครั้งที่พูดเท็จเราจึงพบว่า คนที่โกหกเก่งๆ พูดเท็จเก่งๆ คนพวกนี้นั้นบั้นปลายชีวิต มักจะเป็นคนหลงทั้งนั้น นบางคนอายุแค่ ๕๐, ๖๐ ก็เริ่มหลง แต่บางคนอายุ ๙๐ ไม่หลงเลย เรื่องเมื่อท่านเป็นเด็กๆท่านยังจำได้ เล่าให้เราฟังได้แม้ท่านอายุ ๙๐ แล้ว แต่บางคนอายุแค่ ๖๐ เท่านั้น เรื่องเมื่อวานก็จำไม่ได้เแล้ว อาการอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าลืม เขาเรียกว่าหลง เพราะโกหกมาตลอดชีวิต เป็นนักโกหกนั่นเอง             เพราะฉะนั้นถ้าเราจะรักษาคุณภาพของใจ             ๑.  ไม่ให้หลงๆ ลืมๆ             ๒.  ไม่ให้กลายเป็นคนขี้ขลาด อย่าโกหกนะ             …

แพทย์โกหกเพื่อให้คนไข้สบายใจ เป็นบาปหรือไม่ Read More »

จะสอนให้ลูกหลานมีความกตัญญูได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าขา  สังคมปัจจุบันนี้เกิดปัญหาลูกขาดความกตัญญูต่อพ่อแม่มากขึ้น   หลวงพ่อจะมีวิธีสอนให้ลูกหลานของเราเป็นคนดี  มีความกตัญญูได้อย่างไรบ้างคะ? คำตอบ:     การที่ลูกหลานยุคนี้ไม่ค่อยจะมีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ปู่ย่าตาทวดของตัวเอง   ถ้าจะว่าไปแล้ว ประเด็นใหญ่ๆ ยังมี ๒ ประเด็นก็คือ         ๑.  เขานึกถึงคุณของพ่อแม่ไม่ออก  และ         ๒.  แม้นึกออก  แต่ว่าไม่รู้วิธีที่เหมาะสมที่จะไปตอบแทนพระคุณพ่อแม่ พ่อแม่มีพระคุณต่อลูก เรื่องหลักๆ ๓ เรื่องด้วยกัน         ๑.  ให้ชีวิต  เมื่อท่านรู้ตัวว่าเราอยู่ในครรภ์ท่าน  ถ้าท่านไม่คิดจะเอาเราไว้แล้ว   มีวิธีทำให้ตายมากมาย  แล้วเขาก็ทำกันมาเยอะแล้ว ไม่ต้องอธิบาย  แต่คุณพ่อคุณแม่เรา ให้เรามีชีวิตอยู่มาถึงขนาดลืมตาดูโลกได้  พระคุณข้อที่ ๑. คือเปิดโอกาสให้เรามีชีวิตมาลืมตาดูโลกนี้         ๒.   ท่านให้ต้นแบบร่างกายที่เป็นคน   ซึ่งเหมาะในการที่จะประกอบ คุณงามความดีทั้งหลาย  ต่างกว่ารูปร่างที่เป็นสัตว์โลกชนิดอื่น          ๓.  เมื่อคลอดแล้ว ท่านก็ไม่ได้ดูดาย  คอยสอนจิตใจที่เป็นมนุษย์ให้  ให้เรารู้ดี รู้ชั่ว รู้ผิด รู้ถูก รู้บุญ รู้บาป   …

จะสอนให้ลูกหลานมีความกตัญญูได้อย่างไร Read More »

ดื่มเหล้าเข้าสังคมหรือดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ผิดศีลข้อ 5 หรือไม่

คำถาม :  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ อยากเรียนถามว่าบางคนคิดว่าการดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคมนิดๆ หน่อยๆ หรือการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ไม่ได้ดื่มจนมึนเมา ก็ไม่น่าที่จะผิดศีลข้อ ๕ ใช่หรือไม่เจ้าคะ คำตอบ :  การดื่มเหล้า ดื่มไวน์ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม บาปทั้งนั้น มันเสียหายกับตัวเองทั้งนั้น โบราณท่านเคยเตือนเอาไว้ ไฟแม้เล็กน้อย แค่ก้นบุหรี่ก้นเดียวก็เผาเมืองได้ ยาพิษแม้เล็กน้อยอาจตายได้ อุจจาระไม่ว่าน้อยใหญ่เหม็นทั้งนั้นเหล้าก็เหมือนกัน ไม่ว่ามากหรือน้อย มันได้เพาะเชื้อวิบัติเข้าไปไว้ในตัว เหมือนอย่างกับเชื้อโรค ไม่ว่ามาก ไม่ว่าน้อย มันก็พร้อมจะบ่อนทำลายสุขภาพ พร้อมที่จะทำลายชีวิตเรา ถ้ากำลังมันยังหย่อนอยู่ ก็กลายเป็นเพาะเชื้อร้ายเอาไว้ในตัวถ้าเป็นยาพิษ จะมากจะน้อยเพาะเอาไว้ ฝังเอาไว้ในตัวเราเตรียมที่จะขยายพิษกันต่อไปในภายภาคหน้า             ฉะนั้นอย่าไปดูถูกมัน เหล้าไวน์แม้ดื่มเพียงเล็กน้อย เชื้อวิบัติก็เข้าไปในตัวแล้ว มันวิบัติอย่างไร มาดูกันในเรื่องของความสมบูรณ์แห่งความเป็นคนน่ะ มันอยู่ตรงไหน มันอยู่ตรง ๒ เหตุใหญ่ ๆ             เหตุที่ ๑. คือ ความมีสติ อะไรก็ตาม ตัดรอนสติเราแม้แต่นิดเดียวใช้ไม่ได้ เพราะความสมบูรณ์แห่งความเป็นคน อยู่ที่สติ คือความรู้ตัวของเรา ความระลึกได้ อยู่ตรงนี้ ขนาดไม่ได้กินเหล้าหรือไวน์ โอกาสที่เราจะเผลอตัวยังมี แล้วทำอะไรผิดพลาดก็มี ถ้าไปเติมเหล้า เติมไวน์จะมากหรือน้อย ก็บ่อนทำลายสติลงไป ตามส่วนที่เรากินนั่นแหละ เพราะฉะนั้นกำลังหาวิบัติเข้าตัว นี่เป็นประการที่ ๑.             …

ดื่มเหล้าเข้าสังคมหรือดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ผิดศีลข้อ 5 หรือไม่ Read More »

ทำไมต้องสร้างเครือข่ายคนดี มีความสำคัญอย่างไร

คำถาม: กระผมขอกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอกว่าให้ช่วยกันสร้างเครือข่ายคนดี อยากให้พระเดชพระคุณหลวงพ่ออธิบายว่ามันสำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องสร้างด้วยครับ คำตอบ: ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนนะว่า คำว่าเครือข่ายคนดีนี้ มาจากคำว่า กัลยาณมิตตา คือ การคบคนดีเป็นเพื่อนคบคนดีเป็นมิตร โดยตัวเนื้อหาสาระแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนเอาไว้ว่า ในการที่เราจะประกอบอาชีพใดๆก็ตาม ถึงแม้เราจะมีความสามารถในการทำการค้าการขาย ในการประกอบธุรกิจต่างๆ จะเก่งอย่างไรก็ตาม เรามีความจำเป็นจะต้องสร้างจะต้องมีคนดีเป็นเพื่อนเอาไว้เยอะๆ เพราะฉะนั้น เครือข่ายคนดีในที่นี้ก็หมายถึงการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ ตีประเด็นนี้ก่อนนะ เครือข่ายคนดี คือ อะไร เครือข่ายคนดี คือ การมีเพื่อนเป็นคนดีเยอะๆ สำคัญอย่างไร สำคัญ เพราะว่าเราก็จะได้ซึมซับเอาความดีจากรอบทิศมาได้เยอะๆ ทีนี้ พูดง่ายๆ ในวันหนึ่งวันหนึ่ง เราหมดเวลาไปกับการทำมาหากินเยอะ ส่วนว่าความรู้ความดี โดยเฉพาะธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่จะเอามาใช้ปรับปรุงตัว เอามาปราบกิเลสน่ะ เราแทบไม่ค่อยจะมีเวลาไปค้นคว้าพระไตรปิฎกมาอ่านกันเลย เวลาจะไปวัด ยังหากันไม่ค่อยได้ แล้วจะทำอย่างไรล่ะ จะให้ความดีมาถึงบ้าน มีทางเดียว คบคนดีเป็นมิตรเยอะๆ เพราะฉะนั้น ถ้าถามว่า ความสำคัญของการสร้างเครือข่ายคนดี หรือการมีคนดีเป็นเพื่อนเยอะๆ มันอยู่ตรงไหน คำตอบ คือ อยู่ตรงที่ว่ายิ่งสร้างมามากเท่าไหร่ ความดีก็ไหลเข้าตัวเข้าบ้านเรามากเท่านั้นนั่นเอง ความสำคัญมันอยู่ตรงนี้ …

ทำไมต้องสร้างเครือข่ายคนดี มีความสำคัญอย่างไร Read More »

ชายโสดเที่ยวหญิงบริการ ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่

คำถาม :  กราบเรียนถามหลวงพ่อเจ้าค่ะ ปัจจุบันนี้ผู้ชายโสดส่วนมากมีความเข้าใจว่าการเที่ยวผู้หญิงที่ขายบริการ ไม่ถือว่าผิดศีลข้อ ๓ เพราะพวกเขาไม่ได้นอกใจใคร แล้วหญิงเหล่านั้นก็สมัครใจด้วย ความเชื่อนี้จะถูกหรือผิดอย่างไรบ้างเจ้าคะ คำตอบ :  ต้องมองว่ามันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของการผิดศีล อย่างหนึ่งเป็นเรื่องของเปิดทางนรก หรือเปิดทางพินาศให้กับตัวเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกสิ่งนี้ว่าอบายมุข คือปากทางแห่งความเสื่อม การที่ชายโสดชอบไปเที่ยวกลางคืน เที่ยวกับผู้หญิงขายบริการ มองให้ชัดๆว่าคนที่ไปเที่ยวอย่างนี้เป็นคนเช่นไร ?             ก็คือเป็นคนที่หักห้ามใจไม่เป็น สัตว์เดรัจฉานต่างกับคนตรงนี้แหละ อาศัยอยู่ในโลกเดียวกัน มีชีวิตด้วยกัน มีสิ่งบีบคั้นใจเหมือนกันคือ ความรู้สึกหรือความต้องการทางเพศ มนุษย์ก็มีความต้องการทางเพศ สัตว์เดรัจฉานก็มีความต้องการทางเพศ เมื่อความต้องการทางเพศมันเกิดขึ้น สัตว์เดรัจฉานมันไม่คิดมากหรอก มันคิดไม่เป็น มันก็สนองความต้องการของมันกับใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เวลาไหนก็ได้ นั่นคือ สัตว์เดรัจฉาน แต่ว่ามนุษย์มีสติปัญญามากกว่านั้น รู้จักหักห้ามใจ ใครไม่เหมาะไม่ควรกับเรา เราเป็นคนโสด แล้วเขาก็ยินดีขายบริการ แต่ว่าสิ่งที่ตามมามันยิ่งกว่านั้น             มันอยู่ที่เราเริ่มเพาะนิสัยเอาแต่ใจตัวเข้าไปแล้ว พอความรู้สึกทางเพศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะใช้บริการเมื่อนั้น ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ นิสัยเอาแต่ใจอย่างนี้ ไม่รู้จักข่มเอาไว้ วันหลังมันกำเริบมากเข้า อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ที่เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์แต่ละวันนั้น ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในวงการ เป็นที่รู้จักมีหน้ามีตากันในสังคมไทย อายุก็ ๖๐ แล้ว ไปเที่ยวโสเภณีเด็ก เด็กเล็กๆ อายุรุ่นลูกรุ่นหลานขายบริการ ก็เลยไปเที่ยว เรื่องแดงขึ้นมา กลายเป็นว่าศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว ๑๖ ปี จำคุก ศาลอุทธรณ์ตัดสินซ้ำเข้าไปอีก ๓๖ ปี ยังไม่รู้ว่าศาลฎีกาจะว่าอย่างไร นี่เป็นตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ในปัจจุบันนี้             การเอาแต่ใจตัว บอกว่าไม่ผิดศีล แต่ว่ามันไม่ได้แค่ผิดศีลเท่านั้น มันฟ้องถึงไม่มีธรรมะประจำใจ คือไม่มีสติสัมปชัญญะที่จะหักห้ามใจว่า ตัวเองก็แก่แล้ว …

ชายโสดเที่ยวหญิงบริการ ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ Read More »

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร

คำถาม: พระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีเอาไว้อย่างไรบ้างครับ คำตอบ: คว้าหัวใจเลยเชียวนะ…หลักในการสร้างเครือข่ายคนดี มีย่อๆอยู่สี่คำ คือ ให้ ให้ ให้ แล้วก็ ให้…ชัดเจนดีไหม หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีนั้น เนื่องจากคนทุกคนมีความพร่องอยู่ในใจ จำไว้ก็แล้วกัน แม้เราเองก็มีความพร่องอยู่ในใจ แต่ละคนพร่องในเรื่องอะไรบ้าง พร่องประการที่หนึ่ง คือ พร่องสมบัติ ทรัพย์สมบัติ มันไม่ค่อยจะพอกันทั้งนั้นแหละ มันจึงต้องทำมาหากิน ทำมาค้าขายกันตลอดชีวิตนั่นแหละ ทำมันทำไม…ทำเอามากิน ทำเอามาใช้นั่นแหละนะ ทรัพย์สมบัติมันพร่อง นี่เป็นธรรมชาติของคนจึงต้องประกอบอาชีพกันตลอดชีวิต พร่องประการที่สอง กำลังใจมันพร่อง ไม่ว่าเราจะเก่งกาจแค่ไหน ทำงานไปแล้ว มันก็เจออุปสรรคบ้างเป็นธรรมดา เมื่อไปเจออุปสรรคเข้า ถ้าแค่บ้างมันก็แล้วไป แต่พอเจอหนักๆเข้า กำลังใจมันก็ชักถอยๆถดๆไปล่ะนะ เมื่อกำลังใจถดถอยไป กำลังใจมันพร่องไป มันก็ต้องหามาเติม กำลังใจมันคอยจะพร่อง ดูนักกีฬาก็แล้วกัน เล่นกีฬาแล้วไม่มีกองเชียร์เล่นไม่สนุกหรอก ไม่เชื่อนะ คุณลองไปวิ่งคนเดียวดูก็แล้วกัน ไม่มันหรอก มันต้องมีกองเชียร์ แล้วก็ต้องมีคนแข่งด้วย กำลังใจมันพร่องก็ต้องมีคนคอยเชียร์กันบ้าง นี่เป็นตัวอย่างนะ พร่องประการที่สาม พร่องความรู้ความสามารถ โถ…คนเราเกิดมาพร้อมกับความโง่ มารู้ มาเรียนรู้ …

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้หลักในการสร้างเครือข่ายคนดีได้อย่างไร Read More »

นิสัยของคนเกิดขึ้นได้อย่างไร

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าขา คนเรานั้นมีนิสัยแตกต่างกัน บางคนก็นิสัยดี บางคนก็นิสัยไม่ดี อยากกราบเรียนถามว่า นิสัยของคนเราทั้งดีและไม่ดี เกิดขี้นมาได้อย่างไรเจ้าคะ คำตอบ:  เจริญพร นิสัยไม่ว่าดีหรือไม่ดี ล้วนเกิดจากการย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำของตัวเอง นิสัยใครก็ขึ้นอยู่กับการย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำของผู้นั้น             ถ้าในขณะที่ย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ มีทัศนคติและวิธีการในการย้ำนั้นในทางที่ถูกที่ควร ก็จะได้นิสัยดีๆ ถ้าย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ ในเรื่องไม่ดี ทัศนคติไม่ดี ก็จะได้นิสัยไม่ดีติดตัว มีเรื่องใหญ่ๆ ที่มนุษย์ย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ ตลอดชีวิตอยู่ 4 เรื่องด้วยกัน ตั้งแต่เกิดจนตาย หนีไม่พ้น             เรื่องที่ 1. เรื่องของปัจจัย 4 คือเรื่องเกี่ยวกับการหล่อเลี้ยงชีวิตของตัวเอง 4 อย่าง ตั้งแต่เรื่องอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย รวมถึงการรักษาสุขภาพของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ พระเรียกว่าปัจจัย 4             เรื่องที่ …

นิสัยของคนเกิดขึ้นได้อย่างไร Read More »

ฝึกลูกหลานอย่างไร ให้โตขึ้นมาจะเป็นคนมีระเบียบเคร่งครัด

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าขา เราจะฝึกลูกหลานของเราอย่างไร เพื่อว่าเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่มีระเบียบวินัยเคร่งครัดเจ้าคะ คำตอบ: เจริญพร ในเรื่องของความมีระเบียบ มีวินัยที่เคร่งครัด เรื่องนี้เป็นเรื่องของนิสัย เมื่อเป็นเรื่องของนิสัย ก็จะเกิดจากการย้ำคิด ย้ำพูด ย้ำทำ เป็นประจำอีกเหมือนกัน นั่นคือเมื่อเราเห็นคุณค่าของความมีวินัย เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของลูกหลานเรา ของประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ตลอดจนพระศาสนาแล้ว นับเป็นสิ่งที่ดีที่คิดจะฝึกให้ลูกหลานมีวินัยตั้งแต่เล็ก ไม่ใช่ไปบังคับกันตอนโต             วินัยไม่ว่าเรื่องอะไร ล้วนต้องเริ่มจากบ้านทั้งนั้น ให้ลูกหลานของเรา ฝึกวินัยกับตัวเองเสียก่อน จากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งถึงเรื่องใหญ่ ตั้งแต่วินัยในเรื่องของการกิน การนอน การใช้เสื้อผ้า การปัดกวาดเช็ดถูบ้าน กระทั่งวินัยในการใช้ห้องน้ำสารพัด เราต้องฝึกจากตรงนี้ก่อน เมื่อเราฝึกวินัยจากน้อยไปหาใหญ่ให้เขาได้ ลูกหลานเราจะมีวินัยเคร่งครัดเมื่อโต หลวงพ่อจะยกตัวอย่างให้ฟัง             ในกรณีที่ 1. เราฝึกลูกหลานของเรา ให้เป็นคนนอนตรงเวลา นอนหัวค่ำ ไม่ให้เกิน 4 ทุ่ม แล้วก็ตื่นแต่เช้ามืด ประเภทนอนเที่ยงคืนแล้วตื่นสาย ตรงนั้นพลาดแล้ว นั่นคือไม่มีวินัย เพราะถ้านอนดึก ตอนเช้ามันไม่อยากตื่น ถึงเวลาจะตื่น มันก็รู้ตัว …

ฝึกลูกหลานอย่างไร ให้โตขึ้นมาจะเป็นคนมีระเบียบเคร่งครัด Read More »

คนพาลมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ มงคลชีวิตข้อแรก สอนให้เราไม่คบคนพาล ก่อนอื่นอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีผลเสียอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  การจะดูว่า ใครเป็นคนพาลหรือคนดีนั้น ยากพอสมควร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มาตรฐานในการวัดมาตรฐานคนไว้ คือเอากรรมหรือการกระทำเป็นตัววัด คือคนทำกรรมดีก็เรียกว่าคนดี คนทำกรรมชั่วก็เรียกว่าคนชั่ว             คนพาลคือ คนที่มีนิสัยคิดและทำความชั่วเป็นปกติ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเป็นปกติ ไม่ใช่นานๆ ครั้ง ไม่ใช่พลั้งเผลอ แต่เป็นอาชีพ เป็นอาจิณเลย             ตั้งแต่คิดโลภ พยาบาท เอาเปรียบ อิจฉาตาร้อน เป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่าคิดชั่ว             พูดชั่ว โกหก พูดคำหยาบ ใส่ความเขา นินทาเขาเป็นประจำ             ทำชั่วเป็นปกติ ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขโมย คอรัปชั่น ใต้โต๊ะ บนโต๊ะแล้วก็ประพฤติผิดในกามเป็นประจำ             คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นประจำอย่างนี้ ท่านเรียกว่าคนพาล คือชั่วจนกระทั่งเป็นนิสัยประจำของเขา ทางพระเรียกว่าคนพาล ชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว  …

คนพาลมีลักษณะอย่างไร Read More »

ทำอย่างไรจะให้คนในชาติมีความสามัคคี

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าขา ในสังคมมีการกระทบกระทั่งกันมาก ทำให้แตกความสามัคคีจะทำอย่างไรดี ให้คนในชาติของเรามีความสามัคคีกันเจ้าคะ คำตอบ: เรื่องของความสามัคคีของคนในชาติ เราร้องหากันมานาน แต่ว่ามีแต่ผู้ร้องหา ไม่มีร้องเรียกให้มาช่วยกันทำ เพราะเราไม่พยายามเจาะเข้าไปว่า ที่ขาดความสามัคคีมันมาจากอะไรกัน?             ข้อที่ 1. เรื่องผลประโยชน์ ในโลกนี้มนุษย์ส่วนมากคิดแต่จะเอา ไม่ค่อยคิดจะให้ เมื่อคิดแต่จะเอา ไม่คิดจะให้ มันก็ไม่ต่างกับนกกาเท่าไหร่ นกกาตื่นเช้ามันก็ร้องตามเสียงสำเนียงมัน มันชวนกันไปหากิน คือชวนกันไปเพื่อเอา ไม่ใช่ชวนกันไปเพื่อให้ นี่คือเรื่องที่หนึ่ง ที่มนุษย์ถ้าไม่ระวังตัว พฤติกรรมของมนุษย์ก็ตกลงไปเช่นเดียวกับสัตว์อีกเหมือนกัน             เรื่องที่ 2. มนุษย์ส่วนมากมักจะไม่มีวินัย คือเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ นิสัยไม่ดี นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่นิสัยรักวินัยเคร่งครัดต่อวินัย มันก็เลยเป็นที่มาแห่งการกระทบกระทั่งกันอย่างมาก             เรื่องที่ 3. ที่มนุษย์เสียหายมาก ทำให้เกิดความแตกแยกคือ ขาดความเคารพเกรงใจกัน มีแต่คอยจะจับผิดกัน จับถูกนี่หายาก มีแต่จับผิดกันตั้งแต่เช้า ตื่นขึ้นมาก็จะได้เห็นแต่การจับผิดกัน เช่น เช้าขึ้นมาถ้าเปิดวิทยุ ก็จะมีเสียงวิจารณ์จับผิดกัน จับผิดใครต่อใครตั้งแต่เช้ามืด นั่นคือเสียงไม่เป็นมงคลมาแล้ว เสียง ภาพที่ได้ยินได้เห็น มันไม่ค่อยจะช่วยให้มนุษย์คิดถึงความดีของกันและกัน …

ทำอย่างไรจะให้คนในชาติมีความสามัคคี Read More »

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมทำงาน ที่ต้องเจอะเจอกับคนพาลที่ชอบชักนำไปในทางไม่ดี เช่น ชวนไปสังสรรค์ดื่มเหล้า เราควรจะวางตัวอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ:  ในสังคมเราหนีคนพาลไม่พ้น แต่ว่าเราก็ต้องแยกออกว่า คนพาลก็มีอยู่ 2 พวก คือ             1. พาลแบบถาวร คือคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นปกติอย่างที่ว่ามา             2. พาลชั่วครั้งชั่วคราว พาลเพราะว่าเผลอไผล สติแตก คือบางครั้งก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เมื่ออารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ว่าพออารมณ์ดีขึ้นมา ก็คิดดี พูดดี ทำดีเป็น อย่างนี้เป็นพาลชั่วคราว ซึ่งว่าไปแล้วแม้เราเองก็อยู่สังกัดประเภทนี้ ภาษาพระมีคำพูดเพราะๆ อยู่คำหนึ่ง ซึ่งใช้คำว่ากัลยาณพาล พาลพอทนกันได้ พาลพองาม ความจริงพาลแล้วมันไม่งามหรอกแต่ว่า คือพาลพอทนกันได้ พาลพอแก้ไขได้             ในที่ทำงานเรานั้นมีทั้ง 2 ประเภทอยู่ด้วยกัน มีทั้งพาลถาวร และพาลชั่วคราว ตรงนี้ก็วางตัวลำบากหน่อย แต่ก็ต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากบาป นรก รอดจากการที่จะกลายเป็นคนพาลถาวรตามเขา เพราะเชื้อพาลเราก็พอมีอยู่แล้ว             ในขั้นต้นดูที่พาลชั่วคราวก่อน …

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร Read More »

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไม่ให้เราคบคนพาล ให้คบแต่บัณฑิต แล้วบัณฑิตแบบไหน ที่เราควรจะคบหาด้วย ถ้าคบแล้วดีอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้ไว้ว่า บัณฑิตคือคนที่คิดดี พูดดี ทำดี เป็นปกติ คือไม่ใช่คิดดี พูดดี ทำดีเป็นครั้งคราว เพราะว่าท่านรู้ดี ถ้าพูดให้ลึก คือท่านเข้าใจถูกในเรื่องโลกและชีวิตเป็นอย่างดี หรือท่านมีความเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้า             จากความที่ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้าคือ เข้าใจโลกและชีวิตอย่างจริงจัง ทำให้ท่านรู้ไปถึงเรื่องว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรผิดถูก อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป อะไรควรไม่ควร เลยไปจนกระทั่งทำกรรมอะไรจึงจะไปนรก ทำกรรมอะไรจึงจะไปสวรรค์ ความที่ท่านรู้ดีอย่างนี้ เข้าใจถูกอย่างนี้ ทำให้ท่านคิดดี พูดดี ทำดีเป็นปกติ ท่านกลัวบาป กลัวนรกยิ่งนัก ใครมาบังคับให้ท่านทำความชั่ว ท่านไม่ยอมทำ ฆ่าท่านให้ตายท่านก็ยอม ตายไปท่านก็มั่นใจว่าท่านไม่ตกนรก เพราะท่านคิดดี พูดดี ทำดีมาตลอดชีวิต นี่คือลักษณะของบัณฑิตที่เด่นชัด             เพราะฉะนั้นบุคคลประเภทนี้ ที่คิดดี พูดดี ทำดีด้วยปานนี้ จิตใจของท่านแข็งแกร่งและผ่องใสตลอด และบุคคลอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีใบปริญญา อาจจะอ่านหนังสือไม่ออกก็ได้ เหมือนคุณยายอาจารย์ของเรา …

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร Read More »