หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

คนพาลมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ มงคลชีวิตข้อแรก สอนให้เราไม่คบคนพาล ก่อนอื่นอยากกราบเรียนถามหลวงพ่อว่า คนพาลมีลักษณะอย่างไร คบแล้วมีผลเสียอย่างไรเจ้าค่ะ คำตอบ:  การจะดูว่า ใครเป็นคนพาลหรือคนดีนั้น ยากพอสมควร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้มาตรฐานในการวัดมาตรฐานคนไว้ คือเอากรรมหรือการกระทำเป็นตัววัด คือคนทำกรรมดีก็เรียกว่าคนดี คนทำกรรมชั่วก็เรียกว่าคนชั่ว             คนพาลคือ คนที่มีนิสัยคิดและทำความชั่วเป็นปกติ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเป็นปกติ ไม่ใช่นานๆ ครั้ง ไม่ใช่พลั้งเผลอ แต่เป็นอาชีพ เป็นอาจิณเลย             ตั้งแต่คิดโลภ พยาบาท เอาเปรียบ อิจฉาตาร้อน เป็นปกติ อย่างนี้เรียกว่าคิดชั่ว             พูดชั่ว โกหก พูดคำหยาบ ใส่ความเขา นินทาเขาเป็นประจำ             ทำชั่วเป็นปกติ ตั้งแต่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ขโมย คอรัปชั่น ใต้โต๊ะ บนโต๊ะแล้วก็ประพฤติผิดในกามเป็นประจำ             คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นประจำอย่างนี้ ท่านเรียกว่าคนพาล คือชั่วจนกระทั่งเป็นนิสัยประจำของเขา ทางพระเรียกว่าคนพาล ชาวบ้านเรียกว่าคนชั่ว  …

คนพาลมีลักษณะอย่างไร Read More »

ทำอย่างไรจะให้คนในชาติมีความสามัคคี

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าขา ในสังคมมีการกระทบกระทั่งกันมาก ทำให้แตกความสามัคคีจะทำอย่างไรดี ให้คนในชาติของเรามีความสามัคคีกันเจ้าคะ คำตอบ: เรื่องของความสามัคคีของคนในชาติ เราร้องหากันมานาน แต่ว่ามีแต่ผู้ร้องหา ไม่มีร้องเรียกให้มาช่วยกันทำ เพราะเราไม่พยายามเจาะเข้าไปว่า ที่ขาดความสามัคคีมันมาจากอะไรกัน?             ข้อที่ 1. เรื่องผลประโยชน์ ในโลกนี้มนุษย์ส่วนมากคิดแต่จะเอา ไม่ค่อยคิดจะให้ เมื่อคิดแต่จะเอา ไม่คิดจะให้ มันก็ไม่ต่างกับนกกาเท่าไหร่ นกกาตื่นเช้ามันก็ร้องตามเสียงสำเนียงมัน มันชวนกันไปหากิน คือชวนกันไปเพื่อเอา ไม่ใช่ชวนกันไปเพื่อให้ นี่คือเรื่องที่หนึ่ง ที่มนุษย์ถ้าไม่ระวังตัว พฤติกรรมของมนุษย์ก็ตกลงไปเช่นเดียวกับสัตว์อีกเหมือนกัน             เรื่องที่ 2. มนุษย์ส่วนมากมักจะไม่มีวินัย คือเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ นิสัยไม่ดี นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ใช่นิสัยรักวินัยเคร่งครัดต่อวินัย มันก็เลยเป็นที่มาแห่งการกระทบกระทั่งกันอย่างมาก             เรื่องที่ 3. ที่มนุษย์เสียหายมาก ทำให้เกิดความแตกแยกคือ ขาดความเคารพเกรงใจกัน มีแต่คอยจะจับผิดกัน จับถูกนี่หายาก มีแต่จับผิดกันตั้งแต่เช้า ตื่นขึ้นมาก็จะได้เห็นแต่การจับผิดกัน เช่น เช้าขึ้นมาถ้าเปิดวิทยุ ก็จะมีเสียงวิจารณ์จับผิดกัน จับผิดใครต่อใครตั้งแต่เช้ามืด นั่นคือเสียงไม่เป็นมงคลมาแล้ว เสียง ภาพที่ได้ยินได้เห็น มันไม่ค่อยจะช่วยให้มนุษย์คิดถึงความดีของกันและกัน …

ทำอย่างไรจะให้คนในชาติมีความสามัคคี Read More »

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร

คำถาม:  หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าเราจำเป็นต้องอยู่ในสังคมทำงาน ที่ต้องเจอะเจอกับคนพาลที่ชอบชักนำไปในทางไม่ดี เช่น ชวนไปสังสรรค์ดื่มเหล้า เราควรจะวางตัวอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ:  ในสังคมเราหนีคนพาลไม่พ้น แต่ว่าเราก็ต้องแยกออกว่า คนพาลก็มีอยู่ 2 พวก คือ             1. พาลแบบถาวร คือคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เป็นปกติอย่างที่ว่ามา             2. พาลชั่วครั้งชั่วคราว พาลเพราะว่าเผลอไผล สติแตก คือบางครั้งก็คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว เมื่ออารมณ์ไม่ค่อยดี แต่ว่าพออารมณ์ดีขึ้นมา ก็คิดดี พูดดี ทำดีเป็น อย่างนี้เป็นพาลชั่วคราว ซึ่งว่าไปแล้วแม้เราเองก็อยู่สังกัดประเภทนี้ ภาษาพระมีคำพูดเพราะๆ อยู่คำหนึ่ง ซึ่งใช้คำว่ากัลยาณพาล พาลพอทนกันได้ พาลพองาม ความจริงพาลแล้วมันไม่งามหรอกแต่ว่า คือพาลพอทนกันได้ พาลพอแก้ไขได้             ในที่ทำงานเรานั้นมีทั้ง 2 ประเภทอยู่ด้วยกัน มีทั้งพาลถาวร และพาลชั่วคราว ตรงนี้ก็วางตัวลำบากหน่อย แต่ก็ต้องหาทางเอาตัวให้รอดจากบาป นรก รอดจากการที่จะกลายเป็นคนพาลถาวรตามเขา เพราะเชื้อพาลเราก็พอมีอยู่แล้ว             ในขั้นต้นดูที่พาลชั่วคราวก่อน …

เมื่อจำเป็นต้องสมาคมกับคนพาน ควรวางตัวอย่างไร Read More »

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไม่ให้เราคบคนพาล ให้คบแต่บัณฑิต แล้วบัณฑิตแบบไหน ที่เราควรจะคบหาด้วย ถ้าคบแล้วดีอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ: พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงชี้ไว้ว่า บัณฑิตคือคนที่คิดดี พูดดี ทำดี เป็นปกติ คือไม่ใช่คิดดี พูดดี ทำดีเป็นครั้งคราว เพราะว่าท่านรู้ดี ถ้าพูดให้ลึก คือท่านเข้าใจถูกในเรื่องโลกและชีวิตเป็นอย่างดี หรือท่านมีความเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้า             จากความที่ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิอย่างแรงกล้าคือ เข้าใจโลกและชีวิตอย่างจริงจัง ทำให้ท่านรู้ไปถึงเรื่องว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรผิดถูก อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป อะไรควรไม่ควร เลยไปจนกระทั่งทำกรรมอะไรจึงจะไปนรก ทำกรรมอะไรจึงจะไปสวรรค์ ความที่ท่านรู้ดีอย่างนี้ เข้าใจถูกอย่างนี้ ทำให้ท่านคิดดี พูดดี ทำดีเป็นปกติ ท่านกลัวบาป กลัวนรกยิ่งนัก ใครมาบังคับให้ท่านทำความชั่ว ท่านไม่ยอมทำ ฆ่าท่านให้ตายท่านก็ยอม ตายไปท่านก็มั่นใจว่าท่านไม่ตกนรก เพราะท่านคิดดี พูดดี ทำดีมาตลอดชีวิต นี่คือลักษณะของบัณฑิตที่เด่นชัด             เพราะฉะนั้นบุคคลประเภทนี้ ที่คิดดี พูดดี ทำดีด้วยปานนี้ จิตใจของท่านแข็งแกร่งและผ่องใสตลอด และบุคคลอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีใบปริญญา อาจจะอ่านหนังสือไม่ออกก็ได้ เหมือนคุณยายอาจารย์ของเรา …

บัณฑิตมีลักษณะอย่างไร Read More »

ให้กำลังใจคนป่วยหนักอย่างไรดี

คำถาม: กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากเรียนถามหลวงพ่อค่ะ หากเราต้องไปเยี่ยมหรือไปดูแลญาติที่ป่วยหนัก ควรจะดูแลหรือให้กำลังใจเขาอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ: หลวงพ่อขอตอบรวมทั้งป่วยหนัก และไม่หนักนะ ผู้ป่วยเราคงแบ่งออกได้เป็น ๒ กรณีด้วยกัน คือ             ๑. ผู้ป่วยไม่สนใจธรรมะเลย             ๒. ผู้ป่วยที่สนใจธรรมะ เข้าวัดปฏิบัติธรรม ตักบาตร รักษาศีล สวดมนต์ภาวนาเรื่อยมา             กรณีแรก เขาไม่สนใจธรรมะ ตรงนี้ในฐานะที่คุณโยมบอกว่าป่วยหนัก ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนี้ จะได้กลับบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ ในฐานะที่เขากับเราก็สนิทกัน อาจเป็นญาติกันด้วยซ้ำ ในกรณีนี้ถ้าเขาป่วยหนักอย่างนั้น แล้วโอกาสจะกลับบ้านอีกครั้งหนึ่งมีหรือไม่ก็ไม่รู้ หากปล่อยเขาไป ถ้าต้องเสียชีวิตไปในครั้งนี้ เขาคงไปไม่ค่อยดี เพราะเมื่อไม่สนใจธรรมะมา บุญก็ไม่ทำ บาปกรรมก็อาจจะสร้างขึ้นมาด้วย ซึ่งพุทธองค์ตรัสไว้ชัด ใครที่ละโลกไปด้วยใจที่ขุ่นมัวมักจะไปไม่ดี ถ้าเป็นญาติกันแล้วปล่อยให้ไปไม่ดี มันก็ดูใจร้ายเกินไป             เพราะฉะนั้น ต้องหาทางให้เขาหันมาสนใจธรรมะให้ได้ การที่จะทำให้ใครสนใจธรรมะได้ เราก็จะต้องมีธรรมะในใจพอสมควร สิ่งแรกที่เราต้องทำคือ ให้กำลังใจก่อน ให้กำลังใจในที่นี้ไม่ใช่การปลอบใจ แต่ให้เขานึกถึงความดี เพราะไม่ว่าคนเราจะสนใจธรรมะหรือไม่ คนเราต้องมีความดีอะไรมาบ้าง พูดถึงความดีที่เขาเคยทำไว้ให้ใจเขาฟูเสียก่อน             เมื่อใจฟูแล้ว …

ให้กำลังใจคนป่วยหนักอย่างไรดี Read More »

เมื่อมีความทุกข์ ทำไมบุญถึงยังไม่ส่งผลสักที

คำถาม:  กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ ลูกมีปัญหาอยากจะเรียนถามหลวงพ่อนะคะ ผู้ที่ประสบความทุกข์ในชีวิต มักจะมีความคิดว่าทำไมบุญที่เคยทำไว้ถึงไม่ช่วย จะอธิบายเขาอย่างไรดีเจ้าคะ คำตอบ: สำหรับท่านที่บ่นอย่างนี้ พอประสบความทุกข์แล้วรู้สึกว่าบุญไม่ช่วย เรื่องที่น่าคิดก็คือ เขาควรจะต้องสำรวจก่อนว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะอะไร ถ้ามันเกิดขึ้นเพราะความประมาทพลาดพลั้ง เพราะไปทำสิ่งที่ไม่ควรทำ มันก็สมควรที่เขาจะต้องเจอทุกข์อย่างนั้น เพราะเขาทำผิดจริงในกรณีนี้ อย่าใช้คำว่าบุญไม่ช่วย ต้องบอกว่าเขาไม่ระมัดระวัง หรือเขาทำลายตัวเอง แล้วจะเอาบุญที่ไหนมาช่วย นี่เป็นกรณีที่ ๑             กรณีที่ ๒ เขาไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรเลย ตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่คุณงามความดีมาตลอด แต่พอถึงเวลาเข้า ก็ยังมาประสบเคราะห์ร้าย ประสบความทุกข์อย่างที่ไม่น่าจะเป็น             ถ้าในกรณีอย่างนี้ ก็คงจะต้องมาพิจารณากันว่า เคราะห์หามยามร้ายต่างๆ ทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ ที่มนุษย์เจอ มันมีอยู่ ๒ สาเหตุใหญ่ๆ             เหตุที่ ๑ เป็นเหตุข้ามภพข้ามชาติ คือพูดง่ายๆ เคยก่อกรรมทำเข็ญ เคยทำความชั่ว ความร้ายกาจมาก่อนในอดีต อาจจะตั้งแต่ชาติที่แล้วๆ มา แล้วบาปนั้นเพิ่งจะมีโอกาสตามมาส่งผล หรือว่าชาตินี้เมื่อยังวัยรุ่นวัยคะนอง ไปก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ แล้วตัวเองมาเป็นเสือกลับใจเอาเมื่ออายุมากขึ้น ก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำความดี …

เมื่อมีความทุกข์ ทำไมบุญถึงยังไม่ส่งผลสักที Read More »

วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ สังคมไทยทุกวันนี้เปลี่ยนไปมาก ผู้คนมุ่งแต่ทำมาหากินจนหารอยยิ้มไม่ค่อยเจอ อยากขอความเมตตาจากหลวงพ่อชี้แนะวิธีใช้ชีวิตให้มีความสุขในสังคมยุคนี้เจ้าค่ะ คำตอบ:  ความจริงแล้วไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหน ถ้าเรามุ่งแต่เรื่องการทำมาหากินแล้ว ก็ยากที่จะหาความสุขได้ เพราะว่าในชีวิตของคนเหล่านั้น แค่มีเงินใช้ มีทรัพย์สินเงินทองเหลือเฟือ หรือเป็นมหาเศรษฐี ก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะเป็นสุขได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้สติเอาไว้ว่า ความสุขในชีวิตแบบทางโลกนั้น ท่านให้ไว้ ๔ ข้อด้วยกันคือ             ข้อที่ ๑. ต้องมีทรัพย์ ต้องมีงานทำ มีรายได้             ข้อที่ ๒. ต้องใช้ทรัพย์เป็น ถึงได้มามากแต่ถ้าใช้ไม่เป็น ทรัพย์ที่ได้มานั้นอาจไม่พอใช้ และมันอาจจะถูกใช้ไปในทางที่ไม่เหมาะสม ก็มีโอกาสเดือดร้อนได้ ตรงนี้เองที่คนมองโลกได้ตรงความจริง จะรู้สึกว่าในยุคนี้การดำเนินชีวิตนั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง             ตรงนี้คือความผิดพลาดของเราในเรื่องของการใช้ทรัพย์เป็น สิ่งที่ต้องระวังอยู่นิดหนึ่งก็คือ อย่าบริหารทรัพย์เฉพาะบัญชีรายรับรายจ่ายเท่านั้น ต้องบริหารด้วยส่วนที่เหลือด้วย             ถ้าเก็บเอาไว้แล้วไม่ค่อยได้ใช้ เก็บไว้จนรวยเลย มันอาจจะกลายเป็นขี้เหนียวก็ได้ แม้จะป่วยไข้ ก็ยังไม่อยากเอามาใช้ พ่อแม่ซึ่งเลี้ยงดูเรามา ก็ไม่อยากจะให้ท่านเป็นการตอบแทนพระคุณ อย่างนี้ใช้ทรัพย์ไม่เป็น ได้มาก็เดือดร้อน เดือดร้อนในการเก็บรักษา ถ้าใช้ในทางไม่ถูกไปใช้ในเรื่องอบายมุข ก็ยิ่งเสียหายหนัก คนในยุคนี้ จบปริญญา …

วิธีใช้ชีวิตให้มีความสุข Read More »

คนอนุโมทนาบุญกับอนุโมทนาบาปจะมีผลต่างกันอย่างไร

คำถาม:  กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ คนที่ชอบอนุโมทนาบุญกับคนที่ชอบอนุโมทนาบาป อยากทราบว่าจะมีผลอย่างไรเจ้าคะ คำตอบ:  อนุโมทนาบุญก็ได้บุญ อนุโมทนาบาปก็ได้บาป อนุโมทนาคือดีใจด้วย ยินดีด้วย สนับสนุน เห็นชอบตาม เราเห็นใครทำบุญ เราก็อนุโมทนาบุญด้วย ดีใจด้วย ซึ่งเป็นทั้งความชื่นใจที่เกิดกับตัวเอง แล้วก็เป็นการให้กำลังใจกับคนที่เขาทำบุญหรือทำความดีนั้น ให้มีกำลังใจทำความดียิ่งๆ ขึ้นไป ตรงนี้ดีแน่             ส่วนโมทนาบาป หรืออนุโมทนาบาป คือดีใจด้วยในการที่คนอื่นทำความชั่ว คนที่เราไม่ค่อยจะรักเขา ไม่ค่อยชอบหน้าเขาอยู่ด้วย พอเขาตกทุกข์ได้ยาก เขาถูกคนอื่นรังแก แล้วเราไปดีใจด้วย ไปสมน้ำหน้าด้วย เป็นการโมทนาบาปเข้าไปเต็มที่เลย เขาก็มีโอกาสได้บาปไปกับเขาด้วย             การที่ใครคนใดคนหนึ่งเห็นเขาทำความชั่ว เห็นเขาได้รับความเดือดร้อนก็ตาม แล้วไปโมทนา เช่นพวกที่ค้ายาเสพย์ติด โดยกฎหมายก็มีโทษว่าต้องประหารชีวิตด้วย พอประกาศทางหน้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมา ว่าราชายาเสพย์ติดคนนี้ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตให้ยิงเป้า เพราะทำความเดือดร้อนให้กับสังคมมาก ถ้าปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป ก็จะต้องมีคนติดยาเสพย์ติดเดือดร้อนกันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะฉะนั้นต้องประหารชีวิต หลายคนก็เลย สาธุ ดีแล้ว สมน้ำหน้า สมควรตาย             ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่รู้ว่า การโมทนาบาป ที่คนสาธุกันทั่วเมือง หารู้ไม่ว่า ได้โมทนาบาปเข้าไป ยินดีต่อการที่จะมีคนถูกฆ่า …

คนอนุโมทนาบุญกับอนุโมทนาบาปจะมีผลต่างกันอย่างไร Read More »

บริจาคโลหิตกับอุทิษร่างกายหลังตายแล้ว ได้บุญต่างกันอย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ ถ้าการบริจาคโลหิตได้บุญมาก ถ้าอย่างนั้นการอุทิศร่างกายให้แก่โรงพยาบาลหลังจากที่เราตายไปแล้ว ก็น่าจะได้อานิสงส์มากยิ่งกว่า ใช่หรือไม่เจ้าคะ คำตอบ: การบริจาคโลหิตกับการบริจาคร่างกายหลังจากตาย อย่างไหนบุญมากกว่ากัน คำถามนี้ต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อน การจะได้บุญนั้นมันอยู่ที่ ต้องทำตอนที่เรามีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ทำเอาตอนที่ตาย เพราะบุญเกิดขึ้นจากเจตนาอันเป็นกุศล ต้องชัดเจนตรงนี้ก่อน ฉะนั้นการที่เราบริจาคโลหิตทำให้ได้บุญมากนั้น เป็นเพราะ             ๑. เรามีเจตนาที่จะให้เป็นบุญกุศลจริงๆ ในเจตนาของเรามัน แฝงด้วยความเมตตากรุณาเอาไว้ ถึงได้ให้เขาไป เจตนาของเราในการเสียสละ ครั้งนี้ เป็นเรื่องความมีเมตตากรุณา             ๒. ต้องใช้กำลังใจสูง เพราะเลือดในตัวเรามันไม่ใช่ของเหลือเฟือ ไม่มีใครมีเลือดเกินเลยสักคนเดียว อย่างมากก็มีแค่พอดี             เพราะฉะนั้นเวลาเราบริจาคเลือดเมื่อไหร่ มันเป็นเรื่องของการตัดใจให้ เรายังจำเป็นต้องใช้เลือด สักหยดหนึ่งก็ไม่น่าให้ใครทั้งนั้น แต่ก็ มากด้วยความเมตตากรุณา ก็เลยตัดใจให้             เมื่อตัดใจให้ไปอย่างนี้ มันเป็นการฝึกให้มีกำลังใจในการตัด ความโลภ ความตระหนี่ที่ฝังลึกอยู่ในใจด้วยกันทุกคน ลึกๆ ในใจของเรามีเชื้อตระหนี่ และความโลภอยู่ เพราะฉะนั้นของอะไรต่างๆ ของเรา มันอดที่จะหวงและเสียดายไม่ได้             แต่ว่าวันนี้เห็นแก่ความทุกข์ยากของสัตว์โลก เพื่อนร่วมโลกจึงเกิดความเมตตากรุณาอย่างเปี่ยมล้น ก็เลยตัดใจ …

บริจาคโลหิตกับอุทิษร่างกายหลังตายแล้ว ได้บุญต่างกันอย่างไร Read More »

ถูกใส่ความจะวางตัวอย่างไรดี

คำถาม :  กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผมขอเรียนถามว่าในกรณีที่เราถูกใส่ความโดยไม่มีมูลความจริง เราควรจะวางตัวอย่างไรดีครับ? คำตอบ :  เจริญพร คำว่า “ใส่ความ” คือเราถูกเขาว่าเราผิด เราทำดีเขาก็ว่าเราทำเลว อย่างนี้เรียกว่าใส่ความกัน การที่คนใส่ความกันคือทั้งๆ ที่รู้ว่า เราไม่ผิด เราไม่เลว แต่ยังใส่ความว่าเราผิด เราเลว ลองเจาะลึกเข้าไปในใจเขา ทำไมเขาจึงทำกับเราอย่างนั้น ทำไมจึงต้องเป็นเรา หรือทำไมเราจึงโดนอย่างนั้น ก็คงจะมีสาเหตุใหญ่ๆ อยู่ ๒ ประการ             ๑. เป็นเรื่องของขัดประโยชน์กัน ก็เลยเกิดความแค้น ความเคืองกันขึ้นมา             ๒. อาจจะผูกโกรธด้วยเรื่องอะไรก็ตาม หรือไม่ถูกใจเขา ก็เลยใส่ความคิดทำลายกัน             มีอีกกรณีหนึ่ง หลวงพ่อเคยโดน ก็ไปถามเขาตรงๆ เหมือนกัน มันเรื่องอะไรกัน เมื่อหลังจากที่ทำความเข้าใจกันแล้ว ก็ตอบชัดเลย ไม่มีอะไร แค่หมั่นไส้อย่างนี้ก็มี             เมื่อเราเจาะเข้าไปเจอถึงสาเหตุอย่างนี้แล้ว ดูต่อไปอีก อย่าเพิ่งไปรีบลงมือแก้ไขอะไร แล้วผลเสียหายนี้ มันกว้างไกลแค่ไหนเรื่องนี้ หรือเป็นเรื่องวงแคบๆ เช่น ถ้าในเรื่องครอบครัว …

ถูกใส่ความจะวางตัวอย่างไรดี Read More »

คาถาหัวใจเศรษฐี จะทำให้เราเป็นเศรษฐีได้อย่างไร

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ เคยเห็นคนท่องหัวใจเศรษฐีคือ “อุ อา กะ สะ” เพราะเชื่อว่าจะทำให้รวยได้ อยากกราบเรียนถามว่า คาถานี้จะช่วยคนเราเป็นเศรษฐีได้จริงหรือไม่เจ้าคะ คำตอบ:  คาถานี้หรือคาถาไหนก็ตาม หากไม่ทำตามอย่างจริงจัง คือไม่ทำความเข้าใจ และทำตามอย่างจริงจังแล้ว คาถานี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน แม้ทำตามคาถาอย่างเคร่งครัดแล้ว ก็ยังมีข้อแม้อีกคือ             ๑. หากมีความขยันทุ่มเทไปเท่าไหร่ก็ตาม นั่นเป็นเพียงความเพียร พยายามในปัจจุบันเท่านั้น แต่มีอีกองค์ประกอบหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ไม่รู้คือ บุญเก่าที่มีติดตัวข้ามชาติมา ถ้าความเพียรในปัจจุบันมีมากพอ แต่ว่าบุญเก่าไม่พอ คือทุนเก่ามันน้อยไป บางทีติดลบข้ามชาติมาเสียอีก ในกรณีนี้ให้ทำความเพียรทุ่มเททำตามคาถาเข้าไป ผลที่ได้จะไม่ได้เท่าที่หวัง             ในทางตรงกันข้าม พวกหนึ่งทุ่มเทความเพียรลงไป แล้วก็มีบุญเก่าด้วย พวกนี้อย่างไรก็ประสบความสำเร็จ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีความสำเร็จตามคาถานั้น             แต่มีพวกหนึ่ง ไม่ค่อยจะมีความเพียร แต่ว่าบุญเก่าของเขามันดี ทำอะไรไม่ค่อยมากแต่ก็สำเร็จเพราะบุญเก่ามาส่ง พูดง่ายๆ คือไม่เก่งแต่ว่า “เฮง”             แต่ที่เราอยากได้จริงๆ เลย คือทั้งเก่งทั้งเฮง คือความเพียรก็มาก บุญเก่าก็เยอะ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ทำอะไรนอกจากสำเร็จหมดแล้ว …

คาถาหัวใจเศรษฐี จะทำให้เราเป็นเศรษฐีได้อย่างไร Read More »

คนมีนิสัยขี้อิจฉา จะมีผลเสียอย่างไร

คำถาม :  หลวงพ่อครับ คนที่มีนิสัยชอบอิจฉาผู้อื่น จะมีผลเสียกับตัวเขาเองอย่างไรบ้าง และจะสามารถแก้ไขนิสัยนี้ได้อย่างไรครับ ? คำตอบ :  เจริญพร คนที่ชอบอิจฉาตาร้อนเขา ไม่อยากให้ใครได้ดีเกินกว่าตัวเอง มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?             นิสัยอิจฉาริษยาจะเกิดขึ้นกับคนที่มีความดีในตัวน้อยกว่าคนอื่น ถ้าเขามีคุณงามความดีในตัวมากกว่าคนอื่น เขาคงไม่จำเป็นจะต้องไปอิจฉาตาร้อนใคร แต่เพราะเขามีความรู้ความสามารถหรือ มีคุณงามความดีน้อยกว่าคนอื่น แล้วอยากได้ดีเท่าเขาหรืออยากจะให้ดียิ่งกว่าเขา แต่มันทำไม่ได้ แทนที่จะคิดแก้ไขตัวเอง เพื่อจะให้ได้ดีเท่าเขาหรือมากกว่าเขา กลับไปคิดในทางผิด ในทางร้ายเสีย ด้วยการแทนที่จะยกตัวเองด้วยคุณความดี ที่ทำขึ้นมาให้ยิ่งๆ ขึ้นไป กลายเป็นว่าความดีไม่ทำ กลับจะขย้ำ จะเหยียบคนอื่นลงไป ด้วยฤทธิ์แห่งความเข้าใจผิด ก็กลายเป็นอิจฉาริษยา คือไม่อยากให้ใครได้ดี เกิดขึ้นมาแทน             เมื่อเรารู้ว่าต้นเหตุมันมาจาก ความที่ตัวเองมีคุณงามความดีน้อยอย่างนี้แล้ว มันก็สะท้อนให้เห็นว่า ในใจของคนที่อิจฉาริษยานี้มันก็จะมีแต่ความเศร้าหมอง คิดสร้างสรรค์ไม่เป็น คิดออกแต่ในเรื่องที่จะทำลายหรือทำร้ายคนอื่นร่ำไป จะทำลายทรัพย์สินเงินทอง เกียรติยศชื่อเสียง จะทำร้ายให้เจ็บกายเจ็บใจก็คิดได้เท่านี้             เพราะฉะนั้นคนที่ขี้อิจฉาริษยา ใจเศร้าหมองทั้งวัน เมื่อใจมันเศร้าหมอง แม้คำพูด ก็เป็นคำพูดที่ชวนให้เศร้าหมอง คือมีแต่เรื่องร้ายๆ ออกจากปาก คำพูดของเขาไม่มีดอกไม้ออกจากปากหรอก มีแต่พ่นพิษออกมา …

คนมีนิสัยขี้อิจฉา จะมีผลเสียอย่างไร Read More »

อยากเป็นเศรษฐีข้ามภพข้ามชาติ จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมใด

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะ แล้วถ้าเราอยากจะเป็นเศรษฐีข้ามภพข้ามชาติ จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมข้อใดเจ้าคะ คำตอบ: เราต้องทำความเข้าใจในประเด็นนี้ก่อน คือ             ประเด็นที่ ๑ บางคนรวยแล้วตั้งแต่ชาตินี้ แล้วเขาก็หวังว่าเขาจะรวยอีกในชาติต่อไปอีกด้วย นี่กรณีหนึ่ง             อีกกรณีหนึ่ง ชาตินี้จนเหลือเกิน ก็ให้มันจนแค่ชาตินี้ อย่าจนข้ามชาติเลย ขอไปรวยชาติหน้า มี ๒ ประเด็นด้วยกัน             ๑. รวยอยู่แล้ว ทำอย่างไรจะรวยต่อ             ๒. ยังไม่รวย แต่ขอไปรวยเอาข้างหน้า             สรุปคือ ต้องการจะไปรวยด้วยกันทั้งนั้น ข้างหน้าก็มีหลักง่ายๆ ว่าถ้าจะเป็นเศรษฐีไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน             ๑. ต้องมีความเพียร มีความทุ่มเท ที่จะทำงานนั้นอย่างจริงจัง             ๒. ต้องมีบุญเก่าติดตัวไปด้วย มีเสบียงติดตัวไปด้วย             จะทำอย่างไร ในเมื่อชาตินี้เรารวยแล้ว และจะไปรวยชาติหน้าต่อ ก็แสดงว่าเรามี ๒ อย่างแล้วก็คือ             ๑. มีนิสัยขยัน จึงมาทุ่มเททำงาน …

อยากเป็นเศรษฐีข้ามภพข้ามชาติ จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมใด Read More »

กินเจแล้วได้บุญหรือไม่

คำถาม: หลวงพ่อครับ คนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าการกินอาหารมังสวิรัต หรือกินเจนั้นได้บุญ อยากกราบเรียนถามว่าจริงๆ แล้วได้บุญหรือไม่ครับ คำตอบ: ถ้ากินเจแล้วได้บุญ ควายมันคงจะไปนิพพานก่อนมนุษย์ เพราะควายมันกินหญ้า กินเจมาตลอดชีวิตของมัน แต่ก็เห็นมันยังคงกินอยู่ในทุ่งเหมือนเดิม ไม่เห็นมันเหาะไปไหนสักที แล้วมันก็ไม่ได้ฉลาดเพิ่มขึ้นด้วย ตรงนี้เป็นสิ่งที่จะฝากเป็นข้อเตือนใจเอาไว้ขั้นต้น             ประการที่ ๒. การได้บุญนั้นมันอยู่ที่การทำความดี การทำความดีที่จะให้ได้บุญนั้นมันมีกรอบของมันอยู่ เช่น ให้ทานแล้วกำจัดความตระหนี่ได้ ก็ได้บุญ แต่ให้ทานแล้วจะเอาหน้าถือว่ายังไม่ได้บุญ หรือได้ก็น้อย เพราะวัตถุประสงค์ต้องการเอาหน้ามากกว่า ไม่ได้มีเจตนาที่จะกำจัดกิเลส ให้ทานแล้วมุ่งที่จะกำจัดความตระหนี่  อย่างนี้ได้บุญชัดเจน ให้ทานเพราะรู้ว่าให้ไปแล้ว มันเป็นประโยชน์แก่คนนั้นคนนี้ มีจิตเมตตาอยากจะเห็นชาวโลกเป็นสุขเลยให้ทาน อย่างนี้บุญมันเกิดขึ้นมาก  วัตถุประสงค์ในการกินเจต้องชัดเจน  เช่น ๑. กินเจเพราะว่าอาหารมังสวิรัตนี้มันถูกกับโรคของเรา คือถ้าไม่กินเนื้อสัตว์แล้วหันมากินเจแทน ทำให้ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ กินเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่กินเจเอาบุญ ๒. หาอาหารประเภทเนื้อสัตว์ในบริเวณนั้นได้ยาก คือกินอาหารนั้นเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป             หลายคนเข้าใจว่ากินเจแล้วได้บุญ เพราะว่าไม่มีการสนับสนุนการฆ่าสัตว์ให้เกิดขึ้น ก็ขอเตือนว่าไม่จริงหรอก เพราะการที่เรากินผักแล้วบอกว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการฆ่าสัตว์นั้นไม่จริง หลวงพ่อจบทางด้านการเกษตรมา พอลงมือไถนาเท่านั้น ไม่ว่าไส้เดือนกิ้งกืออยู่ในดินนั้น “ตายเยอะเลย” บางช่วงมีแมลงก็มารบกวน ก็ต้องกำจัดแมลง ฆ่าแมลงอีก ฆ่ากันไม่มีจบ             เพราะฉะนั้นไม่ว่ากินเจหรือว่าไม่กินเจ ไม่ได้ช่วยให้ลดการฆ่าลงได้เลยและไม่ได้ช่วยให้ใจมีเมตตากรุณาอะไรเลย ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ด้วย ควายมันกินหญ้าไปทั้งชาติ ลองเข้าใกล้มันจะขวิดไหม? ขวิดแน่นอน ทำไม? มันไม่ได้ลดความดุลงไปได้เลย เพราะฉะนั้นอาหารไม่สามารถทำให้เราได้บุญได้ อาหารเป็นเครื่องยังชีพ อาหารไม่สามารถจะฟอกใจให้บริสุทธิ์ได้ แต่อาหารช่วยให้มีเรี่ยวแรง  ในการที่จะประกอบคุณงามความดีได้ แยกกันให้ชัดๆ อย่างนี้                เพราะฉะนั้นจะกินเจหรือไม่กินเจ หลวงพ่อไม่ได้มีเรื่องอะไรต่อต้าน ควรกินเพื่อสุขภาพ แต่กินเพราะคิดว่าจะได้บุญ มันไม่ได้ แต่จะได้ความหลงเข้ามาแทน หลงผิด! คิดว่าได้บุญ หลอกตัวเอง ในกรณีนั้นอย่าไปกิน หลวงพ่อเองถ้ามีอาหารเจมาให้ก็ฉัน ถ้าไม่มีอาหารเจเอาอาหารธรรมดามาให้ก็ฉัน อาหารไม่สามารถทำให้เราได้บุญหรือได้บาป อาหารทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้              การจะหาอาหารมากินกันแต่ละมื้อ ก็ต้องระมัดระวังด้วย คือจะกินเนื้อสัตว์ก็มีข้อแม้ ดังนี้             ๑.  ไม่ฆ่าเอง             ๒.  ไม่สั่งให้ใครฆ่า             ๓.  ไม่รู้ไม่เห็นในการฆ่านั้นๆ …

กินเจแล้วได้บุญหรือไม่ Read More »

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่

คำถาม: กรณีคนที่โกงเขามา แล้วเอาเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญ ผลบุญจะได้แก่ผู้ที่โกงเขามาทำบุญหรือไม่ครับ? คำตอบ: การทำบุญที่ได้ผลบุญ ต้องประกอบด้วยองค์ 4 ประการ คือ 1. วัตถุบริสุทธิ์ คือไม่ได้โกงใครมา คำถามนี้พอเริ่มต้นที่วัตถุก็โกงเขามาเสียแล้ว เพราะฉะนั้นวัตถุไม่บริสุทธิ์ บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 2. เจตนาบริสุทธิ์ ถึงแม้วัตถุบริสุทธิ์ ไม่ได้ขโมยใครมา แต่ที่เอาไปทำบุญ ไม่ใช่เพราะอยากได้บุญ แต่อยากจะได้ประโยชน์จากเขา เช่น ถวายของให้เจ้าอาวาส เพื่อประจบจะได้ฝากลูกเข้าทำงานในบริษัทของโยมอุปัฏฐากของท่าน อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญ เพราะเจตนาไม่บริสุทธิ์ เท่ากับติดสินบนเชียวนะ 3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือตัวผู้ทำบุญมีศีลตามเพศภาวะของตน คือ เป็นฆราวาสก็ต้องมีศีล 5 คำถามนี้บอกว่าไปโกงเขามา เพราะฉะนั้นศีลข้อ 2 ก็ขาดไปแล้ว บุญส่วนนี้จึงไม่ได้ 4. ผู้รับมีศีล ถ้าพระภิกษุผู้รับทานรักษาศีล 227 ข้อได้กะพร่องกะแพร่ง หรือผู้รับเป็นขอทานขี้เมา ซ้ำยังติดยาเสพย์ติดอีกต่างหาก บุญที่ผู้ทำทานควรจะได้ก็ตกๆ หล่นๆ ไป เพราะไม่รู้จักเลือกเนื้อนาบุญ         ถ้าการทำบุญไม่ครบองค์ประกอบทั้ง 4 ข้อ อานิสงส์ที่ได้ก็ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย          คนที่โกงเขามาทำบุญ แม้ว่าเจตนาอยากได้บุญ …

การทำบุญด้วยเงินที่โกงเขามาจะได้บุญหรือไม่ Read More »