หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง

คำถาม: หลวงพ่อครับ ในพระพุทธศาสนา เราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้างครับ? คำตอบ: วิธีทำบุญในพระพุทธศาสนาโดยย่อมี 3 วิธี ด้วยกัน คือ         1. ให้ทาน ได้แก่ แบ่งปันทรัพย์สิ่งของที่เป็นประโยชน์ให้แก่บุคคลที่สมควรได้รับทานนั้น โดยไม่ถึงกับทำให้ตนเองเดือดร้อน ซึงโดยทั่วไปแล้วชาวพุทธ นิยมทำบุญด้วยการให้ทานกับพระภิกษุบ้าง ผู้มีศีลบ้าง เป็นประจำสม่ำเสมอ         2. รักษาศีล คือการสำรวมกาย วาจา ไม่ให้ทำความเดือดร้อนทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ซึ่งอย่างน้อยต้องรักษาศีล 5 เป็นประจำทุกวัน หากมีโอกาสในวันโกน วันพระ หรือวันหยุดงานประจำสัปดาห์ ชาวพุทธนิยมรักษาศีล 8 เพื่อให้ได้บุญเพิ่มเป็นพิเศษขึ้นมาอีก บางท่านอาจจะปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจการงานที่ทำอยู่ โดยรักษาศีล 8 เป็นประจำ ในวันใดวันหนึ่ง ทุกๆ 7 วัน         3. เจริญภาวนา ได้แก่ การทำบุญด้วยการฝึกใจให้ผ่องใสเป็นสมาธิ(Meditation) ด้วยการศึกษาธรรมะและสวดมนต์ไหว้พระ เพื่อทำใจให้สงบผ่องแผ้ว ปลอดโปร่งแจ่มใส เป็นประจำทุกคืนๆ ก่อนนอน อย่างน้อยคืนละ 20 นาทีถึง 1 ชั่วโมง …

ในพระพุทธศาสนาเราจะมีวิธีการทำบุญอย่างไรบ้าง Read More »

ทำบุญแบบไหนถึงจะได้เฝ้าและฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต

คำถาม: ทำบุญแบบไหนถึงจะได้ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต และได้ฟังธรรมด้วยกันครับ? คำตอบ: ถ้าอยากจะพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าละก็ ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้ได้ครบทั้ง ๓ อย่าง ทุกเช้าพอตักบาตรทำทานแล้วนั่งสมาธิ ให้มากๆ  ต่อไปศีลจะอยู่คู่ตัวได้เองโดยอัติโนมัติ พอศีลมั่นคง ปัญญาจะแตกฉาน จนเข้าใจเรื่องโลกและชีวิตได้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งพอถึงจุดนี้จะคิดได้เองว่าควรทำบุญแบบไหนถึงจะได้บุญมากๆ         อีกอย่างขอแนะนำให้แบ่งเวลาอ่านพระไตรปิฎกด้วย แล้วคุณจะรู้เองว่าในอดีตคนที่เข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ติดสอยห้อยตามฟังธรรมของพระพุทธองค์นั้น  ชาติก่อนเขาทำบุญมาอย่างไร         สำหรับคุณถ้าจะให้เร็วขึ้น หลวงพ่อขอแนะนำว่าถ้าไม่ติดขัดอะไร พรุ่งนี้ก็บวชเสีย  แล้วก็อธิษฐานตรงดิ่งไปเลยว่า ขอเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เหมือนที่พระสารีบุตรท่านทำบุญแล้วอธิษฐานขอเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวานั่นแหละ         สำหรับรายละเอียดเป็นอย่างไรคงต้องให้มาฟังที่วัด จะได้มีโอกาสเกิดไปใกล้ชิดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าเฝ้า และได้ฟังธรรมกันเต็มอิ่มเชียวละ โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก

คำถาม: เรามีหลักการทำทานอย่างไร จึงจะได้บุญมากครับ? คำตอบ: การให้ทานที่จะได้บุญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ก่อนอื่นจะต้องทำให้ทานนั้นครบองค์ ประกอบ 4 ประการดังนี้ คือ         1. วัตถุบริสุทธิ์ ได้แก่ สิ่งที่จะให้ทานต้องเป็นของที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเราเอง ไม่ได้คดโกงใครเขา         2. เจตนาบริสุทธิ์ ได้แก่ มีความตั้งใจที่จะให้ทาน เพื่อกำจัดความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ฆ่าความโลภให้สิ้นไป ไม่ได้หวังลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเครื่องตอบแทน แต่มีความตั้งใจที่จะเสียสละ ให้เกิดเป็นบุญกุศลจริงๆ และการหวังได้บุญ ไม่ใช่เป็นความโลภนะ ขอให้พิจารณาแยกแยะกันให้ดี         3. ผู้ให้บริสุทธิ์ คือ ตัวผู้ให้ทานเองต้องมีศีล 5 เป็นอย่างน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนให้ก็มีจิตใจผ่องใส ชื่นบาน เมื่อกำลังให้ จิตใจก็ผ่องใสอยู่ หลังจากให้แล้ว ก็มีความยินดี ไม่นึกเสียดายเลย         4. ผู้รับบริสุทธิ์ เช่น ถ้าเป็นพระภิกษุ ก็เป็นพระภิกษุที่หมดกิเลส หรือเป็นพระอรหันต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ได้บุญมากเป็นพิเศษ และได้บุญทันตาเห็น คือได้รับผลของทานคือบุญในชาตินี้ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า …

ทำทานอย่างไรให้ได้บุญมาก Read More »

การกรวดน้ำหลังทำบุญใส่บาตร ลืมแล้วกรวดน้ำทีหลัง ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่?

คำถาม: ทราบว่าเวลาใส่บาตรแล้วควรกรวดน้ำ แต่ถ้าลืมกรวดน้ำในเช้าวันนั้น  มากรวดใหม่ในตอนกลางคืน ผู้รับจะได้ผลบุญบ้างหรือไม่? คำตอบ: เรื่องนี้ก็ได้รับบ้าง แต่ไม่เหมือนกับตอนที่ใส่บาตรใหม่ๆ นะเหมือนตีเหล็กให้ได้รูป ถ้าจะให้ดีต้องตีตอนเหล็กร้อนจัดสีแดงๆ เหมือนเปลวไฟ ถ้าปล่อยให้เหล็กเย็นแล้วจึงตี บางทีดัดให้เข้ารูปไม่ได้เลย ถึงพอจะได้บ้างก็ต้องออกแรงตีจนเจ็บมือ การกรวดน้ำควรจะทำทันทีในขณะที่ใจยังปีติอยู่ในบุญในทานที่ได้กระทำแล้ว ผลของทานจะได้ถึงผู้รับอย่างรวดเร็วและเต็มเม็ดเต็มหน่วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

คนที่ชอบโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นบาปหรือไม่

คำถาม: ศีลข้อที่ ๔ เรื่องมุสานั้น หมายความว่าไม่ให้พูดคำที่ไม่เป็นจริงเลยหรือครับ หรือมีข้อยกเว้นอย่างไรบ้าง ? คำตอบ: แน่นอนคำที่ไม่เป็นจริง ห้ามพูดเด็ดขาด ข้ออ้างชนิดที่เรียกว่าโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นฟังไม่ขึ้น โกหกแล้วใครจะสบายใจหรือไม่สบายใจยังไงก็ตามเถอะ โกหกก็คือโกหก มันผิดนะ         คำถามประเภทนี้มักจะได้ยินจากพ่อบ้านจอมเจ้าชู้อยู่บ่อย ๆ “กับคนอื่นผมไม่โกหกหรอก ผมจะโกหกเฉพาะกับเมียผมเท่านั้นแหละคือพูดให้แกสบายใจ ผมคงไม่บาปนะหลวงพ่อ” นั่นแหละบาปชัด ๆ เสียแรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งนาน ยังหลอกกันได้         คนที่ชอบอ้างว่าโกหก เพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้น ลองสำรวจตัวเองใหม่จะพบว่า ถ้าเราเองได้จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราอย่างรอบคอบถูกต้องแล้ว การที่จะมาโกหกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้น ก็เป็นอันหมดห่วงไปได้ เพราะว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เราจะต้องไปโกหกใครนั่นเอง แต่ถ้าเรายังต้องโกหกคนโน้นคนนี้อยู่ ก็แสดงว่ายังมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องแอบแฝงไว้ ต่อไปชีวิตของเราจะไม่ราบรื่นแน่ถ้าไม่รีบแก้ไข โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร

คำถาม: ผมให้สัจจะว่าจะรักษาศีล ๘ ตลอดไป แต่ผมต้องไปทำงานทางโลก ซึ่งอาชีพที่ทำต้องมีการพบปะสังสรรค์กับลูกค้าผมจะทำอย่างไรดีครับ ? คำตอบ: หลวงพ่อจะยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง สมัยก่อนบวชหลวงพ่อก็ต้องทำงานทางโลก ต้องพบปะลูกค้า ต้องไปนั่งร่วมวงกับเขาแต่หลวงพ่อก็นั่งอยู่ได้ โดยไม่ต้องกินเหล้าไปกับเขาด้วย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก เขากินเหล้า เราก็กินน้ำอัดลม กินกับแกล้ม ก็คุยกันได้เรื่อยไป ตอนนั้นหลวงพ่อถือศีล ๕ อยู่ ยังไม่ถือศีล ๘ มีอาชีพเป็น Sale-man บางครั้งก็ต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง เขาจะกินเหล้าก็กินไป ไม่ว่ากัน เราไม่กินเหล้า แต่เรากินกับแกล้ม         ความจริงกับแกล้มเหล้าของพวกขี้เมานี่อร่อยดีเหมือนกันนะ แหม..เนื้อย่างก็อร่อยเข้าท่า ลาบก็เข้าท่า อร่อยอีกเหมือนกัน หลวงพ่อกินกับแกล้มอุตลุดหมด เขากินเหล้าไป เราก็กินกับแกล้มไป พอชักคอแห้งก็กินน้ำอัดลม ก็ไม่เดือดร้อน ไม่ขัดคอกัน หนักเข้า ๆ พวกเพื่อนขี้เมาไม่อยากให้หลวงพ่อไปด้วย มันตั้งฉายาให้ว่า “ขุนกับแกล้มวินาศ” คบไม่ได้         วันหลังพอมันจะไปกินเหล้ากัน มันบอกตรง ๆ เลย “ไม่ชวนไปหรอก กับแกล้มมีเท่าไหร่เอ็งกินหมด!” แต่เราก็เข้าหากันได้ …

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร Read More »

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่

คำถาม: เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งไหมคะ ? คำตอบ: ศีลข้อที่หนึ่งท่านใช้คำว่า “ปาณาติปาตา เวระมะณี” คือเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ที่มีลมปราณ คือเริ่มมีลมหายใจ ถ้าไข่ที่เราซื้อมาเป็นไข่ที่ฟักไม่ได้เลย หรือฟักไม่เป็นตัว ก็ไม่ได้ผิดอะไร         ถ้าถามต่อว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไข่ที่ซื้อมาฟักเป็นตัวแล้ว ตอบว่าไข่ที่ฟักเป็นตัวได้แล้วนั้น จะเริ่มเป็นจุดเมื่อกกไข่ไปได้ประมาณสัก ๔-๗ วัน ถ้ายกฟองไข่ส่องดูจะเห็นจุดโตประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวหรือถ้าเอาไฟฉายส่องดูตอนกลางคืน จะเห็นเส้นเลือดขึ้นเป็นคล้ายตาข่ายชัดเจน ซึ่งแสดงว่าไข่เริ่มมีชีวิตอยู่ข้างใน ถ้าทุบไข่ตอนนั้นก็ถือว่าทำให้ชีวิตขาดล่วงไป เป็นปาณาติบาต คือฆ่าสัตว์         แต่ว่าถ้าไข่นั้นยังไม่ได้ถูกฟัก หรือถึงเอาเข้าฟักแล้ว แต่เป็นไข่ที่ไม่มีเชื้อตัวผู้ผสมอยู่ ไม่มีชีวิตเกิดอยู่ภายใน การกินไข่นั้นก็ไม่ผิดศีลอะไร โดยทั่วไปไข่ไก่ ไข่เป็ดในท้องตลาดขณะนี้ เนื่องจากผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เลี้ยงแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน ไข่ที่ออกมาจึงเป็นพวกไข่ลม คือไม่มีเชื้ออยู่แล้ว จะกินก็กินไป ไม่ต้องกลัวผิดศีลข้อฆ่าสัตว์         ยกเว้นบางครั้งจับผลัดจับผลู เขาเอาไข่ที่ผสมแล้วและฟักแล้วจนมันเริ่มเป็นชีวิตขึ้นมา เอามาขาย ถ้ากรณีนั้นศีลข้อหนึ่งของเราก็จะพร่องไป แต่ก็แค่ด่างพร้อย เพราะเราไม่รู้ว่าไข่นั้นมีชีวิตอยู่ คือเราไม่มีเจตนาฆ่านะ (ดูประกอบเพิ่มเติมเรื่ององค์แห่งศีล) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง …

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่ Read More »

เมื่อทำบุญแล้วควรอธิษฐานอย่างไรและควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

คำถาม: เมื่อทำบุญแล้ว จะอุทิศส่วนกุศลควรอธิษฐานอย่างไร และควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ ? คำตอบ: อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติและผู้ที่มีพระคุณของเราขอให้ได้มาอนุโมทนารับบุญไปตามส่วน ใครที่เราเคยล่วงเกินไว้ ก็ขอให้มาอนุโมทนาบุญด้วย และขอให้อโหสิกรรมแก่เรา แคนี้ก็พอแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่

คำถาม: การทำบุญถ้าจะใส่ชื่อคนตาย โดยเราประสงค์จะอุทิศส่วนกุศลให้ เขาจะได้รับหรือไม่ ? คำตอบ: เราจะเขียนหรือไม่เขียนชื่อก็ได้ การทำบุญผู้ที่ได้บุญแน่นอนคือตัวผู้ทำบุญนั้นเอง เมื่อเราได้บุญจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร ก็เพียงแต่นึกในใจว่า ขอให้บุญจงถึงแก่ท่านผู้นั้น ถ้าท่านผู้นั้นอยู่ในฐานะที่จะรับได้ ท่านก็ได้รับทันที         อย่างเช่น โยมพ่อของหลวงพ่อนั่งสมาธิ(Meditation) จนกระทั่งใจใสสว่างดีแล้ว ก็นึกให้โยมพ่อมาอนุโมทนาเอาบุญถึงที่นั่งสมาธิ ให้มารับบุญไปมาก ๆ ให้สมกับที่เลี้ยงเจ้าลูกดื้อคนนี้มาอย่างลำบากยากเย็น ก็นึกอย่างนี้ทุกครั้งถ้าเราต้องการอุทิศกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยทำบุญให้ทานเลย ท่านจะสามารถรับส่วนกุศลที่เราอุทิศไปให้ได้หรือไม่ ?         ถ้าท่านไปตกนรกลึก ๆ ก็ไม่สามารถจะรับได้ แต่ไม่เป็นไร ญาติคนอื่นอาจจะรับต่อได้ ขอให้ทำต่อไป การอุทิศส่วนกุศลนี้ บางคนก็ได้รับ บางคนก็ไม่ได้รับ อุปมาเหมือนคนป่วยหนักในโรงพยาบาล มีคนเอาผลไม้ไปเยี่ยม แต่เนื่องจากป่วยหนักเข้าจึงไม่สามารถกินผลไม้เหล่านั้นได้ผู้ที่ได้กินแทนก็คือคนเฝ้าไข้ พอเขาอิ่มหนำสำราญ เขาก็ดูแลคนไข้อย่างดีเป็นผลทางอ้อม แต่ถ้าคนป่วยไข้เพียงเล็กน้อย เราเอาผลไม้หรืออาหารไปเยี่ยม ก็คงจะพอกินได้บ้าง         เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าตกนรกลึก ๆ ก็เหมือนคนป่วยหนักจะอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่าไรก็ไม่ถึง แต่จะถึงกับญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่ในฐานะจะรับได้ แต่ถ้าผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ทำบาปเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนคนป่วยอาการเล็กน้อย คงจะพอได้รับส่วนกุศลที่เราอุทิศได้บ้าง         …

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่ Read More »

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม

คำถาม: ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหมคะ ? คำตอบ:   จบก็คือจบ อุทิศก็คืออุทิศ คนละอย่างกัน จบ คือการอธิษฐาน โดยยกของหรือถาดใส่ของที่จะถวายพระขึ้นเหนือศีรษะหรือจรดหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ ขอให้หมดกิเลสไปพระนิพพาน”         แต่เวลากรวดน้ำเขาขอว่า “ทานที่ข้าพเจ้าทำดีแล้วนี้ ขอให้ถึงแก่ญาติคนนั้น ๆ”         การอธิษฐานเป็นการสร้างอธิษฐานบารมี ตั้งความปรารถนามุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตนเอง ส่วนการกรวดน้ำเป็นอาหารแสดงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ถ้าให้แก่คนที่อายุน้อยกว่าเรา ก็เป็นลักษณะของ เมตตาบารมี ถ้าให้กับผู้ที่เป้นผู้ใหญ่กว่าเรา มีพระคุณแก่เรา นั่นเป็นการแสดงกตัญญูกตเวที         เพราะฉะนั้นการจบอาหารก่อนใส่บาตร กับการกรวดน้ำหลังตักบาตรนี่ต่างกันนะ         การกรวดน้ำนั้นเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติ เป็นอุบายวิธีทำให้ใจสงบ เยือกเย็นและกว้างขวาง พร้อมที่จะอุทิศผลบุญให้ผู้อื่นอย่างเต็มที่ คนที่ฝึกสมาธิ(Meditation)มาดีแล้ว สามารถเข้าสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเป็นสื่อ เพราะฉะนั้นถ้าหาน้ำไม่ทันหรือโอกาสไม่อำนวย ทำบุญแล้วก็ควรนึกอุทิศส่วนกุศลทันที ในขณะที่ใจยังปีติอิ่มอยู่ในบุญ         ในทำนองเดียวกัน เมื่อจะตักบาตร ทำทานก็ควรจบหรือนึกอธิษฐานบุญ ตั้งผังกำหนดทิศทางการส่งผลของบุญให้ถูกต้องก่อนด้วย         ส่วนที่ถามว่าผู้ที่เราอุทิศให้ด้วยใจ แต่ไม่ได้กรวดน้ำให้ จะได้ส่วนบุญหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเองว่าเขาอยู่ในฐานะที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าตกนรกลึกนัก …

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม Read More »

การเอาอาหารไปเซ่นไหว้บรรพบุรุษนั้นท่านจะได้รับหรือไม่

คำถาม: การเอาอาหารไปเซ่นไหว้ หน้าศพของบรรพบุรุษนั้น อยากทราบว่าท่านจะรับอาหารที่เราเซ่นไหว้ได้หรือไม่คะ ? คำตอบ:   ไม่ได้หรอกนะ อาหารที่ไปตั้งหน้าศพ จะให้ศพลุกขึ้นมากินได้อย่างไร มีแต่ว่าเราทำบุญไปแล้ว อุทิศส่วนกุศลไปให้จึงจะได้ ขนาดตอนยังมีชีวิตอยู่ยังกินไม่ค่อยจะได้ ตายแล้วจะลุกขึ้นมากินได้อย่างไร โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

การถวายสังฆทานคืออะไร และต้องทำอย่างไรบ้าง

คำถาม: การถวายสังฆทานคืออะไร และต้องทำอย่างไรบ้างครับ ? คำตอบ:   การถวายสังฆทาน คือ การถวายทานแด่คณะสงฆ์ โดยไม่จำเพาะเจาะจงรูปหนึ่งรูปใด เราสามารถทำได้ ๒ ลักษณะ คือ ๑. ไปที่วัดใดวัดหนึ่งแล้วนิมนต์พระตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป มานั่งพร้อมกัน แล้วนำของถวายท่าน หรือ ๒. ไปพบพระรูปใดรูปหนึ่ง แล้วตั้งใจกล่าวถวายเป็นสังฆทานให้ท่านนำไปถวายต่อแก่พระรูปอื่นด้วย ให้ท่านแบ่งปันกันเองในหมู่สงฆ์ไม่เฉพาะเจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

เราควรมีหลักในการให้พรอย่างไรบ้าง

คำถาม: ยังไม่ทันแก่ก็มีลูกศิษย์ลูกหามาอวยพรปีใหม่ มากันหลายคน หลายกลุ่มไม่รู้จะให้พรอย่างไร ถ้าให้เหมือนกันทุกคนอย่างกับท่องจำคงไม่ดี หลวงพ่อมีหลักในการให้พรอย่างไรคะ ? คำตอบ:   การให้พรเป็นการให้ความประเสริฐ ถ้ามองแล้วตัวเราไม่ได้มีความดีความประเสริฐอะไรเลย แต่พรุ่งนี้ลูกศิษย์ลูกหาจะมาขอพรจะเอาอะไรให้ ให้พรปาว ๆ เป็นนกแก้วนกขุนทอง พรก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์ ปู่ ย่า ตายายของเราเวลาท่านให้พร เรารู้สึกว่าพรของท่านศักดิ์สิทธิ์ มีความขลังอยู่ในคำให้พรนั้นด้วย         ถามว่าพรศักดิ์สิทธิ์ตรงไหน ? พรศักดิ์สิทธิ์ พรขลัง ให้ผลจริงจังตรงสัจจะของผู้ให้ บอกอย่างนี้บางคนนึกไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็ต้องให้ย้อนไปดูเรื่องเก่า ๆ ดูตำรับตำราโบราณ ดูเรื่องพระองคุลิมาลก็แล้วกัน         พระองคุลิมาล ก่อนบวชท่านเป็นโจรฆ่าคนมาเป็นพัน ภายหลังเมื่อได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วจึงสำนึกบาปได้ ขอบวชเป็นพระภิกษุตั้งใจบำเพ็ญเพียรอยู่ในสำนักของพระพุทธองค์ แต่เนื่องจากท่านเคยเป็นโจรที่มีชื่อเสียง ลือกระฉ่อนเรื่องฆ่าคนไม่เลือกหน้าระยะแรก ๆ เวลาออกบิณฑบาต ท่านไม่ค่อยได้อาหาร เพราะพอชาวบ้านจำหน้าได้ว่า คือโจรรองคุลิมาลก็ตกใจ เผ่นหนีกันไปหมด บางวันก็ถูกรุมขว้างปาจนเลือดอาบ         วันหนึ่ง ท่านออกบิณฑบาตไปพบผู้หญิงท้องแก่กลางทางผู้หญิงคนนั้นพอจำได้ว่าเป็นโจรองคุลีมาล ก็ตกใจ วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลาน ในที่สุดก็หมดเรี่ยวแรงจะหนี ได้แต่อ้าปากผะงาบ ๆ ร้องไม่ออก ทำ …

เราควรมีหลักในการให้พรอย่างไรบ้าง Read More »

การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เพื่อการศึกษาของแพทย์หลังจากเราตายแล้ว มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง

คำถาม: การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เพื่อการศึกษาของแพทย์หลังจากเราตายแล้ว มีอานิสงส์อย่างไรบ้างคะ ? คำตอบ:   สำหรับเรื่องนี้ได้อานิสงส์ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะให้ร่างกายหลังตายแล้ว นักศึกษาแพทย์ก็เอาศพไปศึกษาหาความรู้เรื่องโรคต่าง ๆ เพื่อหาทางรักษาคนไข้คนอื่น ๆ เจ้าของร่างกายจะได้บุญ ก็คงประมาณเท่า ๆ กับให้หนังสือเล่มหนึ่ง ตามหลักถ้าอยากจะได้บุญมาก ๆ ต้องให้ขณะเป็น ๆ คือยังมีชีวิตอยู่ จะได้บุญมหาศาล เพราะเหมือนกับให้ชีวิตเป็นทาน         ถ้าให้หลังตายแล้ว อานิสงส์ที่ได้อาจเข้าทำนองว่าทุกภพทุกชาติหลังจากตายแล้ว จะมีผู้จัดงานศพ ให้อย่างเอิกเกริก ให้คนทั่วไปเข้าใจเอาเองว่า คงทำความดีไว้มาก หรือมีลูกหลานดี แต่จริง ๆ แล้วขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อาจจะลำบากยากแค้นก็ได้ ถ้าไม่ได้สร้างกุศลอย่างอื่นไว้ด้วย         เพราะฉะนั้นใครจะอุทิศ หรือทำบุญสิ่งของใด ก็จงอุทิศให้ในขณะที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่ จะได้ชื่นชมผลของการให้ด้วย         เพราะบุญที่เกิดจากการให้ทานเกิดถึง ๓ วาระ คือก่อนให้ กำลังให้ และหลังจากให้แล้ว บุญจะได้มากขึ้นอีกงบหนึ่ง ที่หลวงพ่อว่าให้ชีวิตเป็นทานนั้น หมายถึงให้เลือก ให้เนื้อ ให้อวัยวะเป็นทานนะลูกนะ ไม่มีใครตายแทนกันได้หรอก …

การอุทิศร่างกายให้กับโรงพยาบาล เพื่อการศึกษาของแพทย์หลังจากเราตายแล้ว มีอานิสงส์อย่างไรบ้าง Read More »

ต้องดื่มเหล้าแค่ไหนถึงถือว่าขาดสติ

คำถาม: คนดื่มเหล้าขนาดไหนจึงจะถือว่าขาดสติครับ ? คำตอบ:   ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า “สติ” เสียก่อน สติ แปลว่าความระลึกได้ หมายถึงระลึกได้ก่อนจะทำ จะพูดและสามารถจำสิ่งที่ทำ คำที่พูดแล้วได้อีกด้วย         เรามักใช้คำนี้คู่กับคำว่า สัมปชัญญะ แปลว่ารู้ตัว หรือระลึกได้ชัดถึงการปฏิบัติและการพูดที่เหมาะสม ทำให้จิตอยู่ในสภาพที่พร้อมจะทำงานได้อย่างดี         โดยทั่วไปคนเราแม้ยังไม่ได้ดื่มสุรา ก็เมาอยู่แล้ว คือ         ๑. เมาอยู่ในความเป็นหนุ่มเป็นสาว คือคิดว่ายังมีเวลาสนุกอยู่อีกนาน         ๒. เมาในความเป็นผู้ไม่มีโรค คือเผลอสติคิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่แข็งแรงต่อไปอีกนาน หารู้ไม่ว่าโรคร้ายจะมาเยือนตัวเมื่อไรก็ได้         ๓. เมาในชีวิต คือ เผลอสติคิดว่าความตายยังอยู่ห่างไกล อีกนานกว่าความตายจะมาถึงตัว หารู้ไม่ว่าความตายนั้นไม่มีเครื่องหมายอะไรบอกล่วงหน้า         ในทัศนะของพระอริยเจ้าทั้งหลาย พวกเราชาวโลกคือคนประมาทขาดสติแล้วทั้งสิ้น ดังนั้นคนที่ดื่มเหล้าจึงล้วนแต่เพิ่มความขาดสติให้แก่ตนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นการดื่มเหล้ายังให้โทษอีกมากมายแก่ตนเองและคนรอบข้างอีกด้วย         คนส่วนมากเข้าใจว่า คนที่ดื่มเหล้าเมาจนเดินไม่ไหว หรือพูดไม่รู้เรื่องแล้ว คือคนขาดสติ แต่จริง ๆ แล้วในทางธรรม ถือว่าเขาขาดสติแล้วตั้งแต่คิดจะดื่ม คิดจะซื้อ ยิ่งลงมือเปิดขวดรินเหล้าใส่แก้ว แล้วดื่มล่วงลำคอเข้าไป เขาก็ยิ่งขาดสติมากยิ่งขึ้นตามลำดับ         ยิ่งดื่มมาเท่าไร …

ต้องดื่มเหล้าแค่ไหนถึงถือว่าขาดสติ Read More »