หนังสือ หลวงพ่อตอบปัญหา

DMC.TV ที่นี่

อานิสงส์และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปคืออะไร

คำถาม: ขอความกรุณาหลวงพ่อให้ความกระจ่างเกี่ยวกับอานิสงส์ และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปด้วยค่ะ? คำตอบ: ก่อนที่จะฟังอานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป ขอเล่าถึงสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปว่าสร้างขึ้นมาทำไม         เรื่องเดิมมีอยู่ว่าเป็นธรรมดาของพระโพธิสัตว์ ก่อนจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ หลังจากได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อน แล้วจะต้องบำเพ็ญบารมีต่ออีกอย่างน้อย 4 อสงไขยกับแสนมหากัป ซึ่งนับว่านานไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว         เพราะเหตุนี้นานๆ จึงจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นสักพระองค์หนึ่ง เมื่อพระองค์ใดบังเกิดขึ้นแล้วก็จะทรงรีบประกาศธรรมะให้ชาวโลกรู้ ชาวโลกที่รู้แล้วก็ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ประพฤติปฏิบัติตัวเป็นอย่างดี จนกระทั่งหมดกิเลสเข้านิพพานตามพระองค์ไป เพราะฉะนั้น ใครที่เกิดทันเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ชื่อว่ามีโชคดีอย่างยิ่ง         คราวนี้สำหรับผู้ที่มาเกิดไม่ทันพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้พบแต่คำสอนของพระองค์ นึกหน้าเจ้าของคำสอนไม่ออกจะทำอย่างไรดี?         ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงพระธรรมกายแล้ว ท่านมองการณ์ไกล รู้ว่าในภายหน้าจะเกิดมีปัญหาเรื่องนี้แน่นอน จึงปั้นองค์พระตามลักษณะที่ท่านเห็นในกายภายในออกมา พระพุทธรูปที่ท่านแกะสลักจำลองออกมาจากภายในจึงสวยงามมาก เพื่อให้คนรุ่นหลังอย่างเรากราบไหว้กัน         ในสมัยแรกๆ ธรรมะในตัวของท่านเหล่านั้นหนักแน่น มั่นคง แจ่มชัด เพราะฉะนั้นใครก็ตาม อย่าว่าแต่ได้ยินคำสอนเลย เพียงแค่เห็นพระพุทธรูปที่ท่านแกะสลักหรือปั้นขึ้นมา ใจก็ชุ่มชื่นเบิกบานเสียแล้ว เพราะว่าได้พบพุทธลักษณะ ซึ่งเป็นลักษณะที่สง่างาม ใครๆ เห็นแล้วก็อยากประพฤติปฏิบัติตนให้หมดกิเลสตาม ยิ่งเมื่อได้ศึกษาถึงธรรมะที่พระองค์ได้ทรงประกาศไว้ ก็ยิ่งมีกำลังใจที่จะทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป …

อานิสงส์และสาเหตุของการสร้างพระพุทธรูปคืออะไร Read More »

ถ้าเราไปซื้อปลาที่มันชามาปล่อยให้มันตายเองเสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหม

คำถาม: หลวงพ่อเจ้าคะบางทีเราไปตลาด เราเห็นปลาช่อนที่เขาเอามาขายมันเริ่มชาแล้ว อย่างไรเสียอีกไม่นาน มันก็ต้องตายเอง เราไปซื้อปลาที่มันชา เอามาบ้านแล้วปล่อยให้มันตายเองสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหมคะ ? คำตอบ: ประเด็นนี้ก็ได้ชื่อว่ามีส่วนในการฆ่าเหมือนกัน ลองมาฟังนิทานดูสักเรื่อง บอกก่อนนะว่าเรื่องนี้เป็นเพียงนิทาน แต่ว่าเคยเป็นข้อสอบที่เอามาถามกันในการสอบนักธรรมของพระภิกษุสามเณร         เรื่องอยู่ว่า มีตากับยายสองคน เข้าวัดเป็นประจำทั้งคู่ วันโกนวันพระก็ไปนอนวัด ถือศีล ๘ กันตลอดพรรษา เช้ารุ่งขึ้นจากวันพระวันหนึ่ง ก็พายเรือกลับมาบ้านด้วยกัน ตาพายท้าย ยายพายหัวขณะพายเรือฉับ ๆ ไปนั่นเอง ก็มีปลาเจ้ากรรมตัวหนึ่งกระโดดเข้ามาในเรือ ทั้งตาทั้งยายถือศีลกันมานาน ก็รู้อยู่นะว่าฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ปลานี้มันตัวโต แล้วทั้งคู่ก็อยากกินแกงปลาติดหมัดขึ้นมาเดี๋ยวนั้นทีเดียวก็คิดกันอยู่ในใจทั้งคู่ละนะว่า ทำอย่างไรหนอจะได้กินแกงปลาอร่อย ๆ แล้วก็ไม่บาปด้วย         ตาก็เอื้อมมือไปจับปลาตัวนั้น แล้วก็โยนไปให้ยายที่นั่งอยู่หัวเรือ บอกว่า “ยาย…แกปล่อยปลาซิ” ยายก็แหม….กำลังมองหาผักบุ้งยอดอ่อน ๆ มาใส่แกงส้มปลาอยู่พอดี แต่ว่าก็กลัวบาป เลยจับปลาโยนกลับไปให้ตาพร้อมกันบอกว่า “ตา..แกปล่อยเองถอะ” ตาก็จับปลาโยนกลับมาใหม่ “แกปล่อยเถอะ” โยนกันไปโยนกันมาจนปลาตาย         ถามว่าบาปไหม ? ตอบว่าบาป …

ถ้าเราไปซื้อปลาที่มันชามาปล่อยให้มันตายเองเสียก่อน แล้วเอามาทำอาหาร อย่างนี้จะบาปไหม Read More »

การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕

คำถาม: การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ทราบว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕ หรือไม่อย่างไร หลวงพ่อกรุณาช่วยอธิบายด้วยคะ ? คำตอบ: เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หลวงพ่อจะเล่าเรื่องเก่าให้ฟัง ที่บ้านหลวงพ่อแต่เดิมก็เป็นเอเย่นค้าเหล้า ถามว่าแล้วมีบาปติดตัวไหม ?         ตอบว่ามี หลวงพ่อเองตอนนี้เป็นนิสิตมหาวิทยาลัย เคยได้ชื่อว่าเป็นถังเหล้าเคลื่อนที่อยู่ระยะหนึ่ง คนที่ค้าเหล้านี่โดยทั่วไปเขารู้ไหมว่าคนที่ซื้อเหล้าไปกินจะเสียผู้คน รู้ไหมว่ากินแล้วเขาจะเมา “รู้” แต่เขาไม่สงสารคนกิน เขาขาดคุณธรรม คือเมตตาจิต เห็นแก่จะได้ฝ่ายเดียว แล้วก็เลยตั้งหน้าตั้งตาขายไปทั้งเหล้าทั้งบริการ         ด้วยบาปที่ขาดเมตตาจิตนี้ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ถ้าตกทุกข์ได้ยากเมื่อไร จะไม่มีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ชาตินี้แม้เคยช่วยใครมาเท่าไร ๆ พอถึงคราวตัวเองทุกข์ได้ยากบ้าง ก็จะไม่มีคนช่วยเคยช่วยคนอื่นไว้ อาจจะเป็นบุญแค่ปลายนิ้วก้อย แต่บาปที่เขาขาดเมตตาจิตมอมเมาคนทั้งโลกนี่ เทียบกันแล้วบาปเป็นกระบุงเป็นตระกร้าเอามาเทียบกับบุญที่ทำไว้แค่ปลายนิ้วก้อย มันถ่วงกันไม่ได้ งัดกันไม่ขึ้นหรอกนะ         โบราณจึงบอกว่า ใครที่ค้าเหล้าค้ายาเสพติด ทำบุญกับใครไม่ขึ้น จริง ๆ แล้วก็บุญส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป แต่ว่าบาปมันมีตั้งเยอะ เมื่อเทียบกับบุญที่ทำไว้นิดเดียว มันก็เลยเทียบกันไม่ได้ คนพวกนี้ทำบุญคุณกับใครแล้วเขาไม่เห็นความดีหรอก เพราะฉะนั้นใครที่เป็นคนขายเหล้า เป็นเจ้าของกิจการขายเหล้า หรือเป็นคนเสิร์ฟ …

การมีอาชีพขายเหล้า หรือขายบริการให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ถือว่าเป็นการสนับสนุนให้เขาผิดศีล ๕ Read More »

คนที่ชอบโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นบาปหรือไม่

คำถาม: ศีลข้อที่ ๔ เรื่องมุสานั้น หมายความว่าไม่ให้พูดคำที่ไม่เป็นจริงเลยหรือครับ หรือมีข้อยกเว้นอย่างไรบ้าง ? คำตอบ: แน่นอนคำที่ไม่เป็นจริง ห้ามพูดเด็ดขาด ข้ออ้างชนิดที่เรียกว่าโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้นฟังไม่ขึ้น โกหกแล้วใครจะสบายใจหรือไม่สบายใจยังไงก็ตามเถอะ โกหกก็คือโกหก มันผิดนะ         คำถามประเภทนี้มักจะได้ยินจากพ่อบ้านจอมเจ้าชู้อยู่บ่อย ๆ “กับคนอื่นผมไม่โกหกหรอก ผมจะโกหกเฉพาะกับเมียผมเท่านั้นแหละคือพูดให้แกสบายใจ ผมคงไม่บาปนะหลวงพ่อ” นั่นแหละบาปชัด ๆ เสียแรงร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งนาน ยังหลอกกันได้         คนที่ชอบอ้างว่าโกหก เพื่อให้คนอื่นสบายใจนั้น ลองสำรวจตัวเองใหม่จะพบว่า ถ้าเราเองได้จัดการเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของเราอย่างรอบคอบถูกต้องแล้ว การที่จะมาโกหกเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านั้น ก็เป็นอันหมดห่วงไปได้ เพราะว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เราจะต้องไปโกหกใครนั่นเอง แต่ถ้าเรายังต้องโกหกคนโน้นคนนี้อยู่ ก็แสดงว่ายังมีเรื่องที่ไม่ถูกต้องแอบแฝงไว้ ต่อไปชีวิตของเราจะไม่ราบรื่นแน่ถ้าไม่รีบแก้ไข โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร

คำถาม: ผมให้สัจจะว่าจะรักษาศีล ๘ ตลอดไป แต่ผมต้องไปทำงานทางโลก ซึ่งอาชีพที่ทำต้องมีการพบปะสังสรรค์กับลูกค้าผมจะทำอย่างไรดีครับ ? คำตอบ: หลวงพ่อจะยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ฟัง สมัยก่อนบวชหลวงพ่อก็ต้องทำงานทางโลก ต้องพบปะลูกค้า ต้องไปนั่งร่วมวงกับเขาแต่หลวงพ่อก็นั่งอยู่ได้ โดยไม่ต้องกินเหล้าไปกับเขาด้วย ซึ่งก็ทำได้ไม่ยาก เขากินเหล้า เราก็กินน้ำอัดลม กินกับแกล้ม ก็คุยกันได้เรื่อยไป ตอนนั้นหลวงพ่อถือศีล ๕ อยู่ ยังไม่ถือศีล ๘ มีอาชีพเป็น Sale-man บางครั้งก็ต้องพาลูกค้าไปเลี้ยง เขาจะกินเหล้าก็กินไป ไม่ว่ากัน เราไม่กินเหล้า แต่เรากินกับแกล้ม         ความจริงกับแกล้มเหล้าของพวกขี้เมานี่อร่อยดีเหมือนกันนะ แหม..เนื้อย่างก็อร่อยเข้าท่า ลาบก็เข้าท่า อร่อยอีกเหมือนกัน หลวงพ่อกินกับแกล้มอุตลุดหมด เขากินเหล้าไป เราก็กินกับแกล้มไป พอชักคอแห้งก็กินน้ำอัดลม ก็ไม่เดือดร้อน ไม่ขัดคอกัน หนักเข้า ๆ พวกเพื่อนขี้เมาไม่อยากให้หลวงพ่อไปด้วย มันตั้งฉายาให้ว่า “ขุนกับแกล้มวินาศ” คบไม่ได้         วันหลังพอมันจะไปกินเหล้ากัน มันบอกตรง ๆ เลย “ไม่ชวนไปหรอก กับแกล้มมีเท่าไหร่เอ็งกินหมด!” แต่เราก็เข้าหากันได้ …

ให้สัจจะว่าจะรักษาศีล 8 ตลอดไป แต่ต้องไปทำงานทางโลก ต้องมีการเลี้ยงสังสรรค์ จะต้องทำอย่างไร Read More »

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่

คำถาม: เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่หนึ่งไหมคะ ? คำตอบ: ศีลข้อที่หนึ่งท่านใช้คำว่า “ปาณาติปาตา เวระมะณี” คือเว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ที่มีลมปราณ คือเริ่มมีลมหายใจ ถ้าไข่ที่เราซื้อมาเป็นไข่ที่ฟักไม่ได้เลย หรือฟักไม่เป็นตัว ก็ไม่ได้ผิดอะไร         ถ้าถามต่อว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นไข่ที่ซื้อมาฟักเป็นตัวแล้ว ตอบว่าไข่ที่ฟักเป็นตัวได้แล้วนั้น จะเริ่มเป็นจุดเมื่อกกไข่ไปได้ประมาณสัก ๔-๗ วัน ถ้ายกฟองไข่ส่องดูจะเห็นจุดโตประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียวหรือถ้าเอาไฟฉายส่องดูตอนกลางคืน จะเห็นเส้นเลือดขึ้นเป็นคล้ายตาข่ายชัดเจน ซึ่งแสดงว่าไข่เริ่มมีชีวิตอยู่ข้างใน ถ้าทุบไข่ตอนนั้นก็ถือว่าทำให้ชีวิตขาดล่วงไป เป็นปาณาติบาต คือฆ่าสัตว์         แต่ว่าถ้าไข่นั้นยังไม่ได้ถูกฟัก หรือถึงเอาเข้าฟักแล้ว แต่เป็นไข่ที่ไม่มีเชื้อตัวผู้ผสมอยู่ ไม่มีชีวิตเกิดอยู่ภายใน การกินไข่นั้นก็ไม่ผิดศีลอะไร โดยทั่วไปไข่ไก่ ไข่เป็ดในท้องตลาดขณะนี้ เนื่องจากผู้เลี้ยงส่วนใหญ่เลี้ยงแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกัน ไข่ที่ออกมาจึงเป็นพวกไข่ลม คือไม่มีเชื้ออยู่แล้ว จะกินก็กินไป ไม่ต้องกลัวผิดศีลข้อฆ่าสัตว์         ยกเว้นบางครั้งจับผลัดจับผลู เขาเอาไข่ที่ผสมแล้วและฟักแล้วจนมันเริ่มเป็นชีวิตขึ้นมา เอามาขาย ถ้ากรณีนั้นศีลข้อหนึ่งของเราก็จะพร่องไป แต่ก็แค่ด่างพร้อย เพราะเราไม่รู้ว่าไข่นั้นมีชีวิตอยู่ คือเราไม่มีเจตนาฆ่านะ (ดูประกอบเพิ่มเติมเรื่ององค์แห่งศีล) โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง …

เอาไข่เป็ด ไข่ไก่ที่ซื้อจากตลาดมาทำอาหาร จะเป็นการผิดศีลข้อที่ 1 หรือไม่ Read More »

เมื่อทำบุญแล้วควรอธิษฐานอย่างไรและควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทางเจ้ากรรมนายเวรหรือไม่

คำถาม: เมื่อทำบุญแล้ว จะอุทิศส่วนกุศลควรอธิษฐานอย่างไร และควรอุทิศให้แก่เจ้าที่เจ้าทาง เจ้ากรรมนายเวรหรือไม่ ? คำตอบ: อธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติและผู้ที่มีพระคุณของเราขอให้ได้มาอนุโมทนารับบุญไปตามส่วน ใครที่เราเคยล่วงเกินไว้ ก็ขอให้มาอนุโมทนาบุญด้วย และขอให้อโหสิกรรมแก่เรา แคนี้ก็พอแล้ว โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่

คำถาม: การทำบุญถ้าจะใส่ชื่อคนตาย โดยเราประสงค์จะอุทิศส่วนกุศลให้ เขาจะได้รับหรือไม่ ? คำตอบ: เราจะเขียนหรือไม่เขียนชื่อก็ได้ การทำบุญผู้ที่ได้บุญแน่นอนคือตัวผู้ทำบุญนั้นเอง เมื่อเราได้บุญจะอุทิศส่วนกุศลให้ใคร ก็เพียงแต่นึกในใจว่า ขอให้บุญจงถึงแก่ท่านผู้นั้น ถ้าท่านผู้นั้นอยู่ในฐานะที่จะรับได้ ท่านก็ได้รับทันที         อย่างเช่น โยมพ่อของหลวงพ่อนั่งสมาธิ(Meditation) จนกระทั่งใจใสสว่างดีแล้ว ก็นึกให้โยมพ่อมาอนุโมทนาเอาบุญถึงที่นั่งสมาธิ ให้มารับบุญไปมาก ๆ ให้สมกับที่เลี้ยงเจ้าลูกดื้อคนนี้มาอย่างลำบากยากเย็น ก็นึกอย่างนี้ทุกครั้งถ้าเราต้องการอุทิศกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ท่านไม่เคยทำบุญให้ทานเลย ท่านจะสามารถรับส่วนกุศลที่เราอุทิศไปให้ได้หรือไม่ ?         ถ้าท่านไปตกนรกลึก ๆ ก็ไม่สามารถจะรับได้ แต่ไม่เป็นไร ญาติคนอื่นอาจจะรับต่อได้ ขอให้ทำต่อไป การอุทิศส่วนกุศลนี้ บางคนก็ได้รับ บางคนก็ไม่ได้รับ อุปมาเหมือนคนป่วยหนักในโรงพยาบาล มีคนเอาผลไม้ไปเยี่ยม แต่เนื่องจากป่วยหนักเข้าจึงไม่สามารถกินผลไม้เหล่านั้นได้ผู้ที่ได้กินแทนก็คือคนเฝ้าไข้ พอเขาอิ่มหนำสำราญ เขาก็ดูแลคนไข้อย่างดีเป็นผลทางอ้อม แต่ถ้าคนป่วยไข้เพียงเล็กน้อย เราเอาผลไม้หรืออาหารไปเยี่ยม ก็คงจะพอกินได้บ้าง         เปรียบเทียบได้เช่นเดียวกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าตกนรกลึก ๆ ก็เหมือนคนป่วยหนักจะอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่าไรก็ไม่ถึง แต่จะถึงกับญาติคนอื่น ๆ ที่อยู่ในฐานะจะรับได้ แต่ถ้าผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้ทำบาปเพียงเล็กน้อย ก็เหมือนคนป่วยอาการเล็กน้อย คงจะพอได้รับส่วนกุศลที่เราอุทิศได้บ้าง         …

ทำบุญใส่ชื่อคนตาย เขาจะได้รับหรือไม่ Read More »

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม

คำถาม: ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหมคะ ? คำตอบ:   จบก็คือจบ อุทิศก็คืออุทิศ คนละอย่างกัน จบ คือการอธิษฐาน โดยยกของหรือถาดใส่ของที่จะถวายพระขึ้นเหนือศีรษะหรือจรดหน้าผาก แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ด้วยอำนาจบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำนี้ ขอให้หมดกิเลสไปพระนิพพาน”         แต่เวลากรวดน้ำเขาขอว่า “ทานที่ข้าพเจ้าทำดีแล้วนี้ ขอให้ถึงแก่ญาติคนนั้น ๆ”         การอธิษฐานเป็นการสร้างอธิษฐานบารมี ตั้งความปรารถนามุ่งผลอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อตนเอง ส่วนการกรวดน้ำเป็นอาหารแสดงการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่น ถ้าให้แก่คนที่อายุน้อยกว่าเรา ก็เป็นลักษณะของ เมตตาบารมี ถ้าให้กับผู้ที่เป้นผู้ใหญ่กว่าเรา มีพระคุณแก่เรา นั่นเป็นการแสดงกตัญญูกตเวที         เพราะฉะนั้นการจบอาหารก่อนใส่บาตร กับการกรวดน้ำหลังตักบาตรนี่ต่างกันนะ         การกรวดน้ำนั้นเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่หมู่ญาติ เป็นอุบายวิธีทำให้ใจสงบ เยือกเย็นและกว้างขวาง พร้อมที่จะอุทิศผลบุญให้ผู้อื่นอย่างเต็มที่ คนที่ฝึกสมาธิ(Meditation)มาดีแล้ว สามารถเข้าสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเป็นสื่อ เพราะฉะนั้นถ้าหาน้ำไม่ทันหรือโอกาสไม่อำนวย ทำบุญแล้วก็ควรนึกอุทิศส่วนกุศลทันที ในขณะที่ใจยังปีติอิ่มอยู่ในบุญ         ในทำนองเดียวกัน เมื่อจะตักบาตร ทำทานก็ควรจบหรือนึกอธิษฐานบุญ ตั้งผังกำหนดทิศทางการส่งผลของบุญให้ถูกต้องก่อนด้วย         ส่วนที่ถามว่าผู้ที่เราอุทิศให้ด้วยใจ แต่ไม่ได้กรวดน้ำให้ จะได้ส่วนบุญหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้รับเองว่าเขาอยู่ในฐานะที่จะรับได้หรือไม่ ถ้าตกนรกลึกนัก …

ถ้าจบอาหารก่อนใส่บาตร แล้วไม่ได้กรวดน้ำ คนที่เราอุทิศให้จะได้รับผลบุญไหม Read More »

ภิกษุณีกับแม่ชีมีความแตกต่างกันอย่างไร

คำถาม: ขอความกรุณา หลวงพ่อช่วยไขข้อข้องใจในเรื่องภิกษุณี กับชีในปัจจุบันด้วยครับว่าต่างกันอย่างไร? คำตอบ:   ภิกษุณีมีศีล ๓๑๑ ข้อ แต่ชีมีศีล ๘ ข้อ ภิกษุณีนั้นหมดไปนานแล้ว ชีก็ส่วนชี ภิกษุณีก็ส่วนภิกษุณี เป็นคนละประเภทกัน แม่ชีนั้นเทียบได้แค่อุบาสิกาเท่านั้นเอง เพราะถือศีล ๘ ยกขึ้นไปเทียบกับภิกษุณีไม่ได้เลย         เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๒๙ มีนักบวชหญิงมาจากไต้หวัน เขาบอกว่าเขาเป็นภิกษุณีของเขายังมีอยู่ ส่วนทางหินยานหรือเถวรวาทของพวกเรา ภิกษุณีหมดไปตั้งแต่เมื่อพระพุทธศาสนาแผ่จากอินเดียมาปักหลักที่ลังกาแล้ว แต่ว่าภิกษุณีของทางมหายานจะมีศีลมีวินัยถูกต้องครบที่ทรงบัญญัติไว้ในสมัยพุทธกาลเพียงใดนั้นเราไม่ทราบ เพราะขาดการติดต่อกัน แต่เมื่อเขามา ทางเราก็ต้อนรับเขา        พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ขอเล่าไว้เป็นเกร็ดความรู้สักนิด พระภิกษุในฝ่ายมหายาน โดยเฉพาะในประเทศเกาหลี ไต้หวัน เขามีสิ่งที่เขาภูมิใจอยู่สิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราไม่มีแล้ว สิ่งนั้นคือการสืบสายถึงอุปัชฌาย์ น่าสรรเสริญที่เขาสามารถรักษาขนบธรรมเนียมเอาไว้ได้ คือเวลาจะบวชกับอุปัชฌาย์ เพียงองค์ ๒ องค์ เท่านั้น ส่วนมากเขาบวชแล้วไม่มีการสึกกัน        เวลามีคนมาขอบวชพระกับอุปัชฌาย์องค์ไหนก็ตาม พระอุปัชฌาย์ จะต้องบอกลูกศิษย์ก่อนว่า “คุณจำไว้นะ อุปัชฌาย์ของฉันชื่อนั้น อุปัชฌาย์ ของอุปัชฌาย์ชื่อนั้น ๆ” ไล่ชื่อกันไปถึงโน่น พระอานนท์พระมหากัสสปะ …

ภิกษุณีกับแม่ชีมีความแตกต่างกันอย่างไร Read More »

ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่บาปไหม

คำถาม: ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่ บาปไหมครับ ? คำตอบ:  ถามก่อนว่าเราตัดต้นไม้ถือว่าเป็นปาณาติบาตไหม ? ไม่เป็นนะ เราตัดต้นไม้ เราไม่ได้ฆ่าใครก็ไม่บาป แต่ถ้าต้นไม้นั้นมีรุกขเทวดาอยู่ เราทำลายที่อยู่อาศัยของเขา บางทีเขาก็เล่นงานเราเหมือนกัน แต่ถ้าเรามีบุญอยู่ในตัว เขาก็เล่นงานเราไม่ได้         ในพระวินัยของสงฆ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงห้ามโค่นต้นไม้ที่มีเทวดาอยู่อาศัย ท่านใช้คำว่า “ภูตคาม” คือต้นไม้ที่เป็นวิมานของเทวดา ห้ามตัด ซึ่งก็คงเป็นต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่ ๆ นะ         อย่างไรก็ดี ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้ว อย่าตัดต้นไม้เลย เพราะจะทำให้บรรยากาศแห้งแล้ง แผ่นดินแตกระแหง โล่งเตียน พอฝนตกมาก น้ำก็หลากไหลไปท่วมบ้านเรือนเร็วขึ้น เพราะไม่มีต้นไม้คอยปะทะหรือช่วยดูดซับน้ำเอาไว้ ใครย้ายข้าวของหนีไม่ทัน ก็จะเสียหายกันยกใหญ่         แต่หากจำเป็นหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะโค่นต้นไม้ต้นไหนที่คิดว่ามีเทวดาอาศัยอยู่ ให้บอกท่านก็แล้วกัน เชิญให้เทวดาไปหาที่อยู่ใหม่ เพราะจำเป็นต้องโค่นต้นไม้ต้นนี้ พอโค่นแล้ว เราก็ตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทวดา ทำอย่างนี้จะสบายใจขึ้น โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา …

ตัดต้นไม้ที่มีรุกขเทวดาอยู่บาปไหม Read More »

กรณีที่พระยืนรอรับบิณฑบาตนั้นผิดหรือสมควรหรือไม่

คำถาม: กรณีที่พระถือบาตรมายืนหน้าร้านขายอาหาร รอผู้ที่จะมาใส่บาตร ถามว่าผิดหรือสมควรหรือไม่คะ ? คำตอบ:   ตอบว่า ไม่ผิด แต่ถามว่าสมควรหรือไม่?  ก็ไม่ค่อยสมควรนะ คืออาจจะยืนรอได้ แต่พอรายแรกหรือคนกลุ่มแรกเขาใส่บาตรให้แล้วควรเดินต่อไปเลย แต่ถ้า ๒ รายก็แล้ว ๓ รายก็แล้ว ๖-๗ รายแล้วก็ยังยืนปักหลักรออยู่อีก อย่างนี้ก็ไม่สมควร         แต่ถ้าจะเอาผิดเอาถูกกัน ก็ตอบว่าไม่ผิด จะผิดก็ต่อเมื่อได้อาหารมาหลายชุดจนล้นบาตร กลับไปถึงวัด แล้วยังกลับมารับอีกอย่างนี้ผิดแน่นอน         พระท่านเดินรับบิณฑบาตจากหลายบ้าน จนของล้นบาตร ก็เพื่อรักษาศรัทธาญาติโยม ส่วนพวกญาติโยมก็ควรเอ็นดูพระบ้าง อย่าเคี่ยวเข็ญ ยัดเยียดให้ท่านหอบหิ้วจนทุลักทุเลนักเลย         สำหรับเรื่องนี้ต้องค่อย ๆ พิจารณาให้ดี อย่าเอาแค่ผิดแค่ถูก ต้องเอาความควรหรือไม่ควรด้วย โอวาท หลวงพ่อทัตตชีโว (คุณครูไม่เล็ก) วันที่ ที่มา เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC บทความหลวงพ่อตอบปัญหา

คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่

คำถาม: คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่ครับ ? คำตอบ:  บาป ยิ่งเจ้าชู้เท่าไรยิ่งบาปมาก ถึงแม้ว่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวทางเพศกับใคร ไม่ได้ทำให้ศีลข้อกาเมฯ ขาดหรอก แต่วัน ๆ นึกเห็นแต่หน้าคนโน้นคนนี้โผล่ขึ้นมา “อุ้ยแม่นั่นสวย แม่นี่ก็ยิ้มหวาน แม่นั่นก็อื้อฮือ” นึกแบบนี้ทั้งวันก็แย่แล้วละ รีบแก้ไขตัวเองเสีย         ถามว่าไม่ดียังไง ? ไม่ดีเพราะมันฟ้องว่าใจขุ่นแล้ว ใจขุ่นเพราะมัวเมาหมกหมุ่น ครุ่นคิดในเรื่องเพศ เฝ้าคิดถึง คนึงหา หวงหึงสารพัด แค่วันทั้งวันไม่ได้คิดสร้างสรรค์งานการอะไรเลย นี่ก็แย่แล้วถ้าสร้างสรรค์อะไรก็วกเข้าเรื่องส่งเสริมกามราคะเสียทั้งหมด สังคมก็เดือดร้อน         พวกนี้เวลาใกล้ ๆ ตาย ภาพที่ติดอยู่ในเรื่องกามเหล่านี้มันจะกลับมาทำให้นึกเรื่องบุญไม่ออก เมื่อนึกถึงบุญไม่ออก แม้จะเคยทำบุญไว้บ้างก็ไม่มีทางได้ไปสวรรค์ และถ้าใจยังวนเวียนป้วนเปี้ยนอยู่แต่เรื่องเหล่านี้ จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต ดีไม่ดีอาจตกนรกเอาง่าย ๆ         เรื่องรัก ๆ ใคร่ๆ เรื่องกามเหล่านี้ ทำให้คนเอาตัวไม่รอดมานักต่อนักแล้ว แม้เมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ สังเกตดูจากข่าวหนังสือพิมพ์ก็ได้ จะเห็นว่ามีคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ทุกวัน และมีคนอยู่จำพวกหนึ่งไม่ได้ยุ่งกับลูกเขาเมียใคร แต่วัน ๆ เอาแต่สร้างสื่อลามกออกเผยแพร่ทำให้เกิดคดีทางเพศเพิ่มขึ้นไม่น้อย …

คนที่คิดในเรื่องกาม แต่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับใคร บาปหรือไม่ Read More »

พระภิกษุสงฆ์รับบาตรด้วยภาชนะอย่างอื่นผิดหรือไม่ พระสามารถพายเรือ ซ้อนหรือขี่จักรยานได้หรือไม่

คำถาม: การที่พระภิกษุไม่ถือบาตร แต่ถือภาชนะอย่างอื่น เช่น ถังพลาสติกไปบิณฑบาต จะผิดวินัยสงฆ์หรือไม่คะ ? คำตอบ: ถ้าถามว่าผิดวินัยหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไม่ผิด แต่ถ้าถามว่าเป็นการสมควรหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าไม่สมควร พวกเราที่อยู่ทางโลกมองการกระทำของคนอื่นแล้ว มักจะตัดสินกันเพียงแค่ผิดหรือถูก เรื่องบางเรื่องเพียงแค่นี้ยังไม่พอ ผิดกับถูกเป็นการตัดสินเรื่องระดับเด็ก ๆ         ถ้าตัดสินเรื่องของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นต้นแบบทางความประพฤติแก่ผู้อื่น นอกจากผิดกับถูกแล้ว ยังต้องมองออกไปว่ามันสมควร หรือไม่สมควรอีกด้วย เช่น ในการบิณฑบาต ถ้าพระไม่ถือบาตรไป อาจจะเอาถุงพลาสติกหรือถังอะไรไปรับของถวายก็ตามถามว่าจะผิดไหม? ก็ไม่ผิด แต่ถ้าถามว่าสมควรไหม? ต้องดูจากสถานการณ์ ในบางสถานการณ์สมควร แต่ในบางสถานการณ์ไม่สมควร เช่น บาตรมีอยู่แล้ว ก็น่าจะใช้บาตร ทำไมไปใช้ถังพลาสติก ไม่สมควรเลย         แต่ในเวลาเดียวกัน ถ้าบาตรเกิดแตก จะเอาบาตรแตก ๆ ไป บิณฑบาตได้อย่างไร ก็ต้องใช้ถังใช้ถึงพลางก่อน แต่ไม่ใช้อ้างบาตรแตกทุกวัน แล้วเอาถังพลาสติกไปบิณฑบาตเป็นเดือน ๆ หรือตลอดทั้งปี อย่างนี้ก็ไม่สมควร ขอให้ไปพิจารณากันเอง         อีกกรณีหนึ่ง มีคนถามมาบ่อย ๆ …

พระภิกษุสงฆ์รับบาตรด้วยภาชนะอย่างอื่นผิดหรือไม่ พระสามารถพายเรือ ซ้อนหรือขี่จักรยานได้หรือไม่ Read More »

การดื่มเหล้าแก้หนาวถือว่าผิดศีลข้อ ๕ หรือไม่

คำถาม: ในประเทศแถบยุโรป อากาศนาวจัด มีความจำเป็นต้องดื่มเหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ที่เรียกว่าดื่มเหล้าแก้หนาว อย่างนี้ถือว่าผิดศีลข้อ ๕ หรือเปล่าครับ ? คำตอบ:  ในกรณีนี้ขอให้มองให้ดี ในวงการแพทย์เรายังมีปัญหาถกเถียงกันพอสมควรว่า ทำไมต้องใช้ฝิ่น จะกำจัดฝิ่นให้หมดไปจากโลกเสียไม่ได้หรือ จริงอยู่ว่าฝิ่นมีสารเสพติดที่เป็นอันตรายต่อผู้เสพ แต่เมื่อถึงความจำเป็น ฝิ่นก็มีประโยชน์มาก เพราะสามารถเอาไปทำเป็นยาได้โดยเฉพาะยาระงับประสาท ระงับอาการเจ็บปวดยามฉุกเฉิน       เพราะฉะนั้นจึงมีข้อพิจารณากันว่าสิ่งเสพติดเหล่านี้เราจะใช้มันเพื่อประโยชน์อะไร เราใช้ฝิ่นเพื่อการรักษาโรค คือทำเป็นยา หรือ ใช้เพื่อการเสพติด ประเด็นสำคัญอยู่ตรงนี้       แอลอกฮอล์ก็ทำนองเดียวกัน พูดง่าย ๆ คือเลิกผลิตไม่ได้เพราะในวงการแพทย์ยังจำเป็นต้องใช้ อย่าว่าแต่ใช้ดื่มกินเลย แม้แต่ใช้เป็นแอลกอฮอล์ล้างแผลเช็ดแผล ก็ยังต้องใช้อยู่จนทุกวันนี้เพราะฉะนั้นถ้าจะตัดสินก็ต้องดูวัตถุประสงค์ในการใช้เป็นหลัก เหล้าหรือแอลกอฮอล์ขวดเดียวกัน ถ้าใช้แพทย์ก็ไม่ว่ากัน เพราะมันคือยา แต่ถ้าใช้เพื่อการมึนเมานั้นผิด เพราะมันเป็นสิ่งเสพติด       ในกรณีของคนป่วย มีความจำเป็นต้องดื่มเหล้า หรือแอลกอฮอล์ เพื่อแก้หนาวหรือเพื่ออะไรก็ตามที หรือการรักษาอาการป่วยนั้นจำเป็นต้องกินยาที่ผสมเหล้า ถ้าจำเป็นอย่างนั้นก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าไม่ได้หายป่วย หนาวอย่างไรก็ทนหนาวเอาเถอะ อย่าไปดื่มเหล้าแก้หนาวเลย       เพราะถ้าดื่มเข้าไปก็เท่ากับเดินอยู่บนทางแห่งความพินาศฉิบหายเข้าไปแล้ว ต้องรู้ไว้นะว่า เมื่อดื่มเหล้า ล่วงเข้าลำคอไป สติของเราก็เริ่มจะขาด แล้วอย่าไปคิดว่า แหม….ถ้าเราดื่มเหล้าเข้าไปสักหน่อยดื่มเข้าไปสักอึก  …

การดื่มเหล้าแก้หนาวถือว่าผิดศีลข้อ ๕ หรือไม่ Read More »