หนังสือ ชีวิตสมณะ ๒

พระธรรมเต็มใจ

2.พระธรรมเต็มใจ วันนี้เป็นวันมหาปวารณา เป็นวันที่พระภิกษุทั้งหลายในพระพุทธศาสนาได้มาปวารณาร่วมกันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปปฏิบัติศาสนกิจ เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง เพื่อให้ตักเตือนกันในข้อวัตรปฏิบัติที่ยังบกพร่องทั้งทางกาย ทางวาจา จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม ถ้าหากว่า มีผู้ใดได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยในข้อวัตรปฏิบัติของพระภิกษุรูปนั้น ก็ให้อาศัยความเป็นครู แนะนำตักเตือนด้วยความรักและปรารถนาดี เพื่อเกื้อกูลให้กับพระภิกษุรูปนั้นได้มีโอกาสกลับเนื้อกลับตัวกลับใจเสียใหม่ จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องร่องรอยตามคำสอนของพระบรมศาสดา พุทธประเพณีการปวารณานี้นับเป็นประเพณีที่ดีงามที่ได้ยึดถือปฏิบัติติดต่อกันมาสองพันกว่าปีแล้ว เป็นการเปิดโอกาสให้ได้พิสูจน์ใจที่จะรองรับคำแนะนำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดี การแนะนำกันนั้นไม่ใช่ของง่ายเลย เพราะผู้แนะนำมักจะขาดทุนแม้มีความปรารถนาดีเพียงใดก็ตาม อาจจะได้รับความไม่พอใจได้ แต่เมื่อปวารณากันไว้แล้ว ก็จะทำให้ผู้ที่ตั้งใจแนะนำเป็นกัลยาณมิตรให้จะได้ทุ่มเทความปรารถนาดีไปยังภิกษุรูปนั้นอย่างเต็มที่ ขุมทรัพย์จากการปวารณา บัดนี้เราได้ปวารณาซึ่งกันและกันแล้วว่า หากใครได้เห็นได้ยิน หรือสงสัยก็ดี ในข้อวัตรปฏิบัติใดก็ตามที่ขัดขวางต่อหนทางไปสู่นิพพาน ไม่ถูกต้องร่องรอยในพระพุทธศาสนาก็ให้แนะนำตักเตือนได้ เราจะไม่โกรธ จะทำใจของเราให้มีปีติยินดี มีความเบิกบานและสำนึกในพระคุณของผู้แนะนำนั้นว่า เป็นประดุจผู้ชี้ขุมทรัพย์อันประเสริฐให้แก่ตัวเรา “ขุมทรัพย์” ในที่นี้ไม่ใช่ โลกียทรัพย์ แต่หมายถึง เครื่องปลื้มใจของพระอริยเจ้า คือพระนิพพานนั่นเอง ใครชี้หนทางสว่างให้ไปสู่นิพพานได้ เราก็จะไปทางนั้น หรือใครเห็นว่า สิ่งใดจะเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงธรรมก็จะแนะนำตักเตือนกันและกัน เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมื่อเราได้เปิดใจให้ซึ่งกันและกันแล้ว ก็ขอให้ลูกทุกรูปยินดีในคำแนะนำตักเตือนประดุจได้รับอาหารอันโอชะ หรือขุมทรัพย์อันวิเศษแก่ตัวของเรา อย่าได้ขุ่นข้องหมองใจกับบุคคลที่มาแนะนำ การแนะนำตักเตือนกันนั้น ต้องดูเวลาและอารมณ์ว่า เขาพร้อมที่จะรับฟังไหม ถ้าเขายังไม่พร้อม ก็ต้องรอจนกว่าเขาจะพร้อม รวมทั้งดูความพร้อมของตัวเราด้วย เหมือนการปลูกผลไม้ …

พระธรรมเต็มใจ Read More »

ประดุจผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้

3. ประดุจผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ ตามประเพณีของพระอริยเจ้า เมื่อถึงวันสุดท้ายของการอยู่จำพรรษาร่วมกัน ก่อนออกพรรษาก็จะมาประชุมร่วมกันทำปวารณา คือปวารณาซึ่งกันและกันว่า หากเราได้เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู หรือสงสัยว่า เพื่อนสหธรรมิกประพฤติไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย หรือติดข้องอยู่ในธรรมที่ทำให้เนิ่นช้าขัดขวางต่อหนทางแห่งการปฏิบัติธรรม ขัดขวางต่อการประพฤติพรหมจรรย์ ต่อการทำพระนิพพานให้แจ้งจะด้วยกายด้วยวาจาก็ดี ให้อาศัยความเอ็นดู ความปรารถนาดี แนะนำตักเตือน เป็นประดุจผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ซึ่งกันและกัน หัวใจผู้ชี้ขุมทรัพย์ บัดนี้เราได้ทำปวารณากันแล้วว่า เราจะแนะนำตักเตือนซึ่งกันและกันให้ประพฤติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้นเวลาที่มีเพื่อนสหธรรมิกมาแนะนำตักเตือนในข้อบกพร่องของเรา จะตามพระธรรมวินัยก็ดี หรือกฎระเบียบกติกาของวัดก็ดี อย่าได้โกรธเคือง ผู้ที่มาชี้ขุมทรัพย์ให้ สำหรับผู้ที่ชี้ขุมทรัพย์ให้ เมื่อได้แนะนำตักเตือนไปแล้ว มักจะโดนขุ่นมัวขัดเคืองใจ ทั้ง ๆ ที่กระทำไปด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ ดังนั้นการจะแนะนำตักเตือนใครสักคนหนึ่ง ผู้ที่จะตักเตือนจึงต้องอาศัยความเอ็นดู มีกำลังใจสูง และมีความปรารถนาดีอย่างเต็มเปี่ยมจริง ๆ จึงจะกล้าที่จะแนะนำตักเตือนได้ เพราะฉะนั้นผู้ที่ได้รับการแนะนำตักเตือน โปรดทราบความรู้สึกของผู้เตือนว่า เขามีความรู้สึกเช่นนี้ และที่ชี้ขุมทรัพย์ให้ก็ไม่ได้ทำเพื่อใคร ก็เพื่อตัวของผู้ที่ถูกเตือนนั่นเอง ขอบคุณสักนิด และพร้อมคิดให้อภัย เมื่อเราได้รับการแนะนำตักเตือนแล้ว สิ่งที่เราควรทำอย่างยิ่ง คือกล่าวคำ “ขอบคุณ” แล้วหันมาพิจารณาตัวเราว่า สิ่งที่เขาเตือนนั้นถูกต้องหรือไม่ ถ้าถูกต้องเราก็ปรับปรุงตัวเสียใหม่ ถ้าหากไม่ถูกต้องเราก็ให้อภัยผู้ที่ตักเตือน เพราะการแนะนำตักเตือนในบางครั้งอาจยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจากผู้เตือนเห็นไม่ครบทุกด้าน แต่อย่างไรก็ตามในคำแนะนำตักเตือนนั้นมีความปรารถนาดีเจืออยู่ …

ประดุจผู้ชี้ขุมทรัพย์ให้ Read More »

เป้าหมายหลักของชีวิต

4. เป้าหมายหลักของชีวิต หลับตาทำสมาธิกันนะลูกนะ การปฏิบัติธรรมเป็นภารกิจหลักที่ทุกรูปจะต้องทำ เพราะการปฏิบัติธรรมจะทำให้เราเข้าถึงวัตถุประสงค์หลักของชีวิต นั่นคือการขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป เมื่อความโลภความโกรธความหลงไม่มีอยู่ในใจ ธาตุธรรม ของเราก็จะสะอาดบริสุทธิ์ผ่องใส เป็นธาตุล้วน ๆ ธรรมล้วน ๆ ความสุขที่ไม่มีประมาณก็จะเกิดขึ้น เป็นความสุขที่ไม่มีอะไรเสมอเหมือน ที่พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า “บรมสุข” คือ สุขกว่าความสุขที่เราเคยพบเจอมาตลอดชีวิต เป็นความสุขที่เรายอมรับว่า เป็นความสุขแท้จริง สุขทั้งวันทั้งคืน ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งนั่งนอนยืนเดิน สุขอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความทุกข์เจือปนเลย หมดกิเลสเมื่อไรก็หมดกรรม เมื่อหมดกรรมก็หมดวิบาก การเวียนว่ายตายเกิดก็สิ้นสุด เพราะฉะนั้นการขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น จึงเป็นวัตถุประสงค์หลักของชีวิต พรรษาที่ผ่านมา เราทราบได้ด้วยตัวของเราเองว่า เราได้ทำวัตถุประสงค์หลักของชีวิตได้ครบถ้วนบริบูรณ์แค่ไหน เราประกอบความเพียรกันกลั่นกล้าแค่ไหน เมื่อต้นพรรษาหากลูกจำได้ หลวงพ่อได้ชักชวนพวกเราทุกรูปให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมให้เต็มที่ ใช้เวลาทุกวินาทีให้เป็นประโยชน์ต่อการประพฤติธรรม เพราะว่าฤดูในพรรษาเป็นฤดูที่เหมาะสมต่อการประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากดินฟ้าอากาศอำนวย ถ้าหากว่าพรรษาที่ผ่านมา ใครได้ทำตามคำชักชวนของหลวงพ่อ ก็คงได้ประสบผลตามกำลังแห่งความเพียรของแต่ละรูป การขจัดกิเลสอาสวะที่ว่าเป็นวัตถุประสงค์หลักของชีวิตนั้น ตราบใดที่เรายังมีกิเลสอาสวะอยู่ ชีวิตก็จะต้องระทมทุกข์ตลอดเวลา ทั้งทุกข์ประจำและทุกข์จร เราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าตราบใดเรายังขจัดสาเหตุแห่งความทุกข์ไม่ได้ เปรียบเหมือนอาการเจ็บป่วย หากเราไม่รักษาให้หายจะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีความสุข เพราะฉะนั้น อย่าลืมว่าที่เราบวชเข้ามา วัตถุประสงค์คือจะหาโอกาสว่างจากภารกิจในการดำรงชีวิตแบบชาวโลกนั้นมาประพฤติปฏิบัติธรรมเพื่อขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป ความอัศจรรย์ของธรรมกาย …

เป้าหมายหลักของชีวิต Read More »

สมัครใจไปนิพพาน

5. สมัครใจไปนิพพาน วันพรุ่งนี้เป็นวันออกพรรษา เราจะสังเกตได้ว่าระยะเวลาหนึ่งพรรษาไม่นานเลย แค่เราทำกิจวัตรกิจกรรมให้เป็นไปตามปกติ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็หมดเวลาแล้ว พวกเราทุก ๆ รูป เป็นผู้ที่สมัครใจไปพระนิพพานด้วยกันทั้งนั้น ที่เราสมัครใจก็เพราะว่า เราได้เห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นการเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์ เห็นว่ากิเลสอาสวะเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ทั้งหลาย เรามีความปรารถนาที่จะขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้สมัครใจมาบวชกัน เหตุที่เป็นอย่างนี้ เพราะเราได้ศึกษาพุทธประวัติและคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่สมัยที่พระองค์ยังเป็นพระบรมโพธิสัตว์อยู่นั้น ในแต่ละชาติที่ผ่านมา พระองค์ได้รับคำแนะนำสั่งสอนจากบัณฑิตนักปราชญ์มากมาย ตายแล้วเกิดใหม่ก็มาศึกษากันใหม่ เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนกระทั่งซาบซึ้งว่า จุดหมายปลายทางของชีวิตมนุษย์ คือ พระนิพพาน และการจะไปอายตนนิพพานได้จะต้องขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป พระองค์สร้างบารมี ศึกษาและฝึกฝนอบรมตนเองเพื่อขจัดกิเลสอาสวะเรื่อยมา ตั้งแต่ยังมีชีวิตเป็นฆราวาส เป็นนักบวช จนกระทั่งภพสุดท้ายก็บรรลุเป้าหมายของชีวิตตามมโนปณิธานของพระองค์ โดยอาศัยการฝึกฝนและประกอบความเพียรอย่างไม่ย่อท้อ เมื่อทรงบรรลุแล้วก็มิได้ปิดบังอำพรางความรู้อันบริสุทธิ์นั้น ได้เปิดเผยให้เป็นแบบแผน เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตแก่ชาวโลก เมื่อเราได้ยินได้ฟังคำสอนนั้น นำมาพิจารณาใคร่ครวญจนกระทั่งเกิดความซาบซึ้งและเห็นตามพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ว่า พระนิพพานนั้นเป็นเยี่ยม และพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ก็ตรัสตรงกันว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม เราจึงได้ตัดสินใจสมัครใจเป็นนักบวชในพระพุทธศาสนาและสมัครใจที่จะขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปตามวิธีการของพระองค์ บัดนี้พรรษานี้ได้ผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็ว เราได้ทำกิจวัตรและกิจกรรมอย่างครบถ้วนบริบูรณ์อย่างเต็มที่เต็มกำลังกันทุกรูป บางท่านอุทิศตนเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างเต็มที่ควบคู่กับการปฏิบัติธรรม บางท่านอุทิศตนช่วยเหลือกิจการงานสงฆ์และก็ควบคู่กับการปฏิบัติธรรม ไม่มีใครเลยที่จะปล่อยเวลาให้ว่างเปล่าโดยไม่ขวนขวายที่จะสร้างบุญสร้างบารมีอย่างเต็มที่ นี่เป็นเรื่องที่น่าปีติยินดีเป็นอย่างยิ่ง มหาปวารณา วันพรุ่งนี้เป็นวันออกพรรษา ตามประเพณีในสมัยพุทธกาลนั้น ก่อนออกพรรษาจะมาทำปวารณาซึ่งกันและกัน โดยผู้ที่สมัครใจไปพระนิพพานจะมารวมประชุมกัน …

สมัครใจไปนิพพาน Read More »

เวลาที่เหลืออยู่

6. เวลาที่เหลืออยู่ เมื่อสักครู่เราได้ประกอบพิธีมหาปวารณากัน โดยต่างปวารณาซึ่งกันและกันว่า หากได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยว่า เพื่อนสหธรรมิกกระทำผิดพลาดจากพระธรรมวินัย จากข้อวัตรปฏิบัติ จะด้วยความผิดพลาดพลั้งเผลอ ทางกาย ทางวาจาก็ดี ที่จะเป็นเหตุให้เพื่อนสหธรรมิกหลุดจากเป้าหมายที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง ก็จะแนะนำตักเตือนด้วยความปรารถนาดี โดยเอาพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง ส่วนผู้ได้รับการตักเตือนก็จะยิ้มรับด้วยความเต็มใจ ดีอกดีใจ และรู้สึกขอบพระคุณเพื่อนสหธรรมิกที่มีความปรารถนาดี กล้าให้คำแนะนำตักเตือน เหมือนช่วยชี้ขุมทรัพย์ ชี้ข้อบกพร่อง ให้ตัวเราสามารถฝึกฝนตนเองได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุสามเณรที่บวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนาต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือหวังที่จะทำพระนิพพานให้แจ้ง นั่นหมายถึงว่าพระนิพพานมีอยู่แล้ว แต่เรายังไม่แจ้ง เพราะกิเลสเข้าไปครอบงำ และด้วยพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนี้เอง จะเป็นแนวทางให้เราอาศัยประพฤติปฏิบัติเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งได้ เพราะฉะนั้นถ้าหากเรากระทำผิดพลาดพลั้งเผลอ ไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เพื่อนสหธรรมิกก็จะแนะนำตักเตือนเรา เพื่อจะได้ไปถึงเป้าหมายไปเป็นทีมพร้อม ๆ กัน ออกพรรษาแล้ว ภิกษุทั้งหลายก็จะแยกย้ายกันไปประพฤติปฏิบัติธรรมตามสถานที่ชอบใจ ตามป่าเขา ห้วยหนองคลองบึง ตามถ้ำ ตามโคนไม้ ลอมฟาง เรือนว่าง หรือที่ไหนก็แล้วแต่ ที่มีความรู้สึกว่า ปฏิบัติธรรมแล้วสะดวกใจ ใจรวมได้เร็ว ก็จะแยกย้ายกันไป จะไม่อยู่รวมกัน โดยยึดถือเอาพระธรรมวินัยเป็นที่ตั้ง เหมือนมีพระบรมศาสดาอยู่ใกล้ ติดเป็นเงาตามตัวอย่างนั้น กิจวัตรและกิจกรรม บัดนี้ …

เวลาที่เหลืออยู่ Read More »

วันเริ่มต้นหัวใจกัลยาณมิตร

7. วันเริ่มต้นหัวใจกัลยาณมิตร เราได้ทำพิธีมหาปวารณากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมา ตั้งแต่ในสมัยพุทธกาลสองพันห้าร้อยกว่าปีแล้ว นักบวชสมัยพุทธกาลกับมหาปวารณา การบวชในสมัยพุทธกาลนั้นแตกต่างจากในสมัยปัจจุบันนี้ สมัยพุทธกาล ผู้ที่เข้ามาบวช คือ ผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นว่าชีวิตเป็นทุกข์ อยากจะแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ เมื่อได้ยินได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ก็เกิดกุศลศรัทธา อยากจะเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา เพราะเห็นว่าชีวิตของนักบวชเป็นชีวิตที่มีแก่นสาร ปลอดกังวลจากพันธนาการของชีวิต จะได้มีเวลาว่างศึกษาพระธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา แล้วลงมือปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงความรู้แจ้งเห็นจริงของชีวิต และพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะฉะนั้น นักบวชในสมัยพุทธกาลนั้น เมื่อออกบวชแล้วก็ตั้งใจแสวงหามรรคผลนิพพาน ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพานให้ได้ ต่อมาทรงมีพุทธานุญาตให้มีการอยู่จำพรรษา เพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และเพื่อจะได้ปฏิบัติธรรมร่วมกัน และได้กำหนดให้วันสุดท้ายของการเข้าพรรษาเป็นวันมหาปวารณา เพราะในสมัยก่อน ตลอดระยะเวลาหนึ่งพรรษานั้น ต่างก็มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อแสวงหามรรคผลนิพพาน ดังนั้นโอกาสที่จะพูดจาแนะนำตักเตือนกันจึงไม่มี ผู้เข้ามาบวชนั้น บางรูปยังเป็นผู้ใหม่อยู่ ยังไม่เข้าใจพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้ง เมื่อไม่มีกัลยาณมิตรคอยแนะนำก็ทำไม่ถูกต้อง เมื่อทำไม่ถูกก็ทำอย่างที่เคยทำสมัยเมื่อครั้งเป็นฆราวาส จึงทำให้ประโยชน์ที่จะได้รับจากการบวชไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย พระพุทธองค์จึงได้กำหนดให้มีวันมหาปวารณาขึ้น เพื่อให้ภิกษุทั้งหลายต่างเป็นกัลยาณมิตรซึ่งกันและกัน โดยมีจุดมุ่งหมายว่า จะช่วยชี้แนะข้อบกพร่องเหมือนการชี้ขุมทรัพย์ให้แก่กัน เพื่อที่จะได้ประคับประคองให้ทุกรูปนั้นอยู่ในเส้นทางธรรม แล้วมุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพาน โดยต่างปวารณาซึ่งกันและกันว่า ใครได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยถึงความประพฤติที่ไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย ให้แนะนำตักเตือนกันได้ เมื่อใครได้รับการแนะนำแล้วก็จะขอบคุณ ไม่ผูกโกรธ ไม่ขัดเคือง และนำมาพิจารณาใคร่ครวญว่า …

วันเริ่มต้นหัวใจกัลยาณมิตร Read More »

ชี้ขุมทรัพย์เปิดประตูสู่ที่สุดแห่งธรรม

8. ชี้ขุมทรัพย์เปิดประตูสู่ที่สุดแห่งธรรม นั่งหลับตาทำสมาธิกัน เอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ กันให้ดีทุกรูปนะ ให้ใจหยุดนิ่ง หยุดลงไปตรงกลางของกลางกายของเราให้ติดเป็นนิสัยไปเลย เราเป็นนักบวชเป็นพระเป็นเณร เป้าหมาย คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง ลูกพระลูกเณรทุกรูปก็ได้ศึกษากันมาอย่างดีแล้วว่า การจะทำพระนิพพานให้แจ้งนั้นต้องเดินตามเส้นทางสายกลาง เริ่มต้นตั้งแต่วิธีการปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ กับการเข้าถึงเส้นทางสายกลางที่แท้จริง วิธีปฏิบัติที่ให้เป็นกลาง คือ ไม่ตึงเกินไป ไม่หย่อนเกินไป ในระดับต้น หมายถึง ไม่ทรมานตน และไม่เพลิดเพลินในกามสุข ในระดับกลาง หมายถึง การวางใจไม่ให้ตึงเกินไป ไม่ให้หย่อนเกินไป ในระดับละเอียด หมายถึง ใจที่หยุดนิ่งสนิทอยู่ภายในกลางกายของเราอย่างแท้จริง เมื่อใจหยุดในระดับละเอียดแล้ว นั่นแหละจึงจะเห็นหนทางสายกลางที่จะไปสู่อายตนนิพพานอยู่ตรงกลางกายฐานที่ ๗ ตั้งแต่เห็นดวงธรรมเบื้องต้น เป็นดวงใสบริสุทธิ์เรื่อยไปตามลำดับ ถึงกายในกายและถึงพระธรรมกายในที่สุด นี่คือหน้าที่ของนักบวชที่บวชมาแล้วมีความตั้งใจที่จะแสวงหาหนทางไปสู่อายตนนิพพาน จะต้องทำอย่างนี้ให้เป็นนิสัย เป็นชีวิตจิตวิญญาณของเรา เพราะฉะนั้น เมื่อจะรับฟังธรรมก็ดี โอวาทก็ดี หรือจะปฏิบัติภารกิจอันใดก็ดี ใจจะต้องจรดหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงกลางกายฐานที่ ๗ ให้ได้ตลอดเวลาจึงจะเป็นนักบวชที่สมบูรณ์ ในวาระนี้เป็นวาระที่เราจะได้มาระลึกนึกถึงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อม ๆ กัน ก็จะต้องเอาใจของเราหยุดไปตรงกลางกาย ฐานที่ ๗ ซึ่งเป็นทางที่เราจะเข้าถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในตัวของเรา …

ชี้ขุมทรัพย์เปิดประตูสู่ที่สุดแห่งธรรม Read More »

สังคมบริสุทธิ์

9. สังคมบริสุทธิ์ วันนี้เป็นวันมหาปวารณา ซึ่งเราทุกคนได้พร้อมใจกันกล่าว คำปวารณาตามพระธรรมวินัยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว วัตถุประสงค์จริง ๆ ของการกล่าวคำปวารณา ก็เพื่อให้ท่านอาวุโสภันเตเป็นกัลยาณมิตรให้กันและกัน เพราะว่าพวกเราทุกรูปที่บวชเข้ามาในบวรพระพุทธศาสนานี้ล้วนมีจุดหมายเดียวกัน นั่นคือหวังที่จะไปสู่อายตนนิพพาน การที่จะไปสู่อายตนนิพพานได้นั้นต้องอาศัยความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ และพระธรรมวินัยนี่แหละจะเป็นเครื่องกลั่นกรองให้กายวาจาใจของเราผ่องใสสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากอาสวกิเลสทั้งหลาย ให้เป็นใจที่เหมาะสมที่จะไปอายตนนิพพาน การที่ได้มีการปวารณากันนั้นก็เพื่อให้เป็นกัลยาณมิตรคอยแนะนำตักเตือนกัน ในกรณีที่บางครั้งบางคราวเราอาจจะพลาดพลั้ง ผิดพลาดในพระธรรมวินัยข้อใดข้อหนึ่ง พลอยเป็นเหตุให้กายวาจาใจนั้นไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์ อันเป็นต้นเหตุทำให้หลุดจากเป้าหมายปลายทางของพระนิพพาน การตักเตือนกันนั้น ท่านให้หลักเอาไว้ว่า ถ้าหากได้เห็น ได้ยิน หรือสงสัยว่า เพื่อนสหธรรมมิกท่านใดประพฤติผิดพลาดจากพระธรรมวินัย จะด้วยความประมาทชะล่าใจ หรือด้วยความจงใจก็ตามก็ให้แนะนำตักเตือนกันได้ การตักเตือนกันจะทำให้เรารู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเองว่า เราได้ทำผิดพลาดอย่างไรบ้าง เนื่องจากว่าผู้ที่ตั้งใจจะมาบวชล้วนเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอาสวะอยู่ทั้งสิ้น จึงทำให้บางครั้งเราเผลอพลาดพลั้งกระทำผิดไปได้ ในสมัยพุทธกาลจึงได้กำหนดให้มีพิธีปวารณาขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่พ้นแล้วหรือผู้ที่มีกิเลสเบาบางจะได้ตักเตือนผู้ที่ยังมีกิเลสหนา เพื่อจะได้จูงมือกันไปสู่อายตนนิพพานด้วยกัน พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงกำหนดให้มีการปวารณาขึ้นมาก็ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อลูก ๆ ของพระองค์อย่างแท้จริง และประเพณีนี้ก็สืบทอดกันเรื่อยมาจนกระทั่งถึงยุคของเรา ๒,๕๔๑ ปีแล้ว มหาปวารณา ใช่เป็นเพียงธรรมเนียม การทำปวารณาได้กำหนดวันก่อนออกพรรษาหนึ่งวันเป็นวันมหาปวารณา คือ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปบำเพ็ญสมณธรรมตามป่า ตามเขา ตามห้วยหนองคลองบึง ตามสถานที่ชอบใจต่าง ๆ ก็ให้ปวารณากันเอาไว้ เราต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของการปวารณาให้ดี ถ้าไม่เข้าใจ การปวารณาก็จะเป็นแต่เพียงธรรมเนียม …

สังคมบริสุทธิ์ Read More »

เส้นทางสีขาว

10. เส้นทางสีขาว เวลาหนึ่งพรรษาที่ผ่านมา เราจะเห็นว่าไม่นานเลย อย่างที่หลวงพ่อได้พูดไว้เมื่อวันเข้าพรรษาว่า ใครอย่าคิดว่านาน เป็นเวลาแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น วันนี้เราก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ประเดี๋ยวเดียวจริง ๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติให้พระภิกษุได้อยู่จำพรรษาร่วมกัน ทรงประสงค์ให้พระภิกษุได้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่ เพื่อแสวงหาพระนิพพาน หรือขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป เพราะเป็นฤดูกาลที่เหมาะสมต่อการบำเพ็ญสมณธรรมเพราะอากาศไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ในสมัยพุทธกาล ภายในพรรษาได้มีผู้บรรลุธรรมาภิสมัย คือเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวกันมากมาย เป็นโคตรภูบุคคล เข้าถึงกายธรรมพระโสดาบันก็มาก กายธรรมพระสกิทาคามี กายธรรมพระอนาคามี จนกระทั่งถึงกายธรรมพระอรหัตก็มีมากมายก่ายกองทีเดียว เป็นต้นบุญต้นแบบให้แก่พวกเรา ดอกผลแห่งความเพียร พรรษาที่ผ่านมานี้ก็เช่นเดียวกัน เราได้ใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์ต่อการบำเพ็ญสมณธรรม ซึ่งแต่ละรูปก็ได้ทราบด้วยตัวของตัวเองแล้วว่า เราได้เอาจริงเอาจังแค่ไหน ใช้วันเวลาที่ผ่านมานั้นให้เป็นไปเพื่อการบำเพ็ญสมณธรรม ทำพระนิพพานให้แจ้งกันแค่ไหน หลวงพ่อเชื่อว่าโดยภาพรวมแล้ว ลูกทุกรูปมีความตั้งใจที่จะแสวงหาหนทางพระนิพพาน ตั้งใจจะทำพระนิพพานให้แจ้งกันทุกรูป ต่างกันที่มากหรือน้อยเท่านั้น บางรูปมีกิจวัตรกิจกรรม มีภารกิจที่หมู่คณะได้มอบหมายเอาไว้ให้ แต่ก็ทำภารกิจควบคู่ไปกับจิตใจ ส่วนที่จะไม่ทำเลยหลวงพ่อคิดว่าในวัดของเราไม่มี ก็ให้สังเกตดูผลที่ออกมาว่า เราประกอบเหตุกันมาอย่างไร ถ้าประกอบเหตุดีผลดีก็ย่อมตามมาด้วย ประสบการณ์ภายในที่เกิดขึ้นเป็นรางวัลจากผลแห่งการทำความเพียรของเรา บางคนก็หยุดใจเป็น บางคนหยุดได้มาก บางคนหยุดได้น้อย บางคนใจโล่งโปร่งเบาสบาย ใจขยาย เห็นแสงสว่างภายใน เห็นดวงธรรม เข้าถึงกายภายในก็มี และเข้าถึงพระธรรมกายก็มี ลูกทุกรูปได้ชื่อว่าได้ใช้วันเวลาให้เป็นประโยชน์ต่อการสร้างบารมี เอาบุญทุกอย่าง ทั้งทานศีลภาวนา …

เส้นทางสีขาว Read More »